ฟังดีกว่าฟ้อง
รักษาการนายกรัฐมนตรีแสดงความไม่พอใจ ที่มีประชาชนจำนวนมากตำหนิการทำงานของรัฐบาลในการจัดการกับสงครามเรื่องดินแดนกับกัมพูชา เพราะในการแถลงหรือการให้สัมภาษณ์แต่ละครั้ง ประชาชนมองว่าเป็นการพูดจาที่ไม่เข้าท่า ไม่มีความหนักแน่นในการจัดการกับปัญหาในเวลานี้ บางคนมองว่ารัฐบาลไม่ตระหนักว่าเรากำลังอยู่ในภาวะของสงคราม บางคนแปลกใจว่าไทยเราเหนือกว่ากัมพูชาในทุกมิติ แต่ทำไมรัฐบาลจึงมีท่าทีที่อ่อนด้อย เหมือนเราสู้กัมพูชาไม่ได้ จนทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่ไว้ใจทหารมากกว่า สำนึกแห่งความรักชาติ ประชาชนจำนวนมากใช้พื้นที่
Social media ในการตำหนิรัฐบาล บางคนก็สุภาพ แต่บางคนก็อาจจะหยาบคายและรุนแรง เพราะพวกเขาทนไม่ได้กับท่าทีที่รัฐบาลเหมือนเข้าข้างกัมพูชา เอาใจผู้นำกัมพูชา จนเกิดความรู้สึกไม่ไว้วางใจรัฐบาล
เมื่อโดนหนักขึ้นเรื่อยๆ จากความไม่น่าไว้วางใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รักษาการนายกรัฐมนตรีเปรยออกมาว่าจะรวบรวมคนที่ด่าว่าตัวเขาและรัฐบาลอย่างไม่เป็นธรรม แต่หลายคนมองว่าแทนที่จะฟ้องประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล รัฐมนตรีที่เป็นบุคคลสาธารณะ ทำไมรัฐบาลไม่เปลี่ยนจาก “การฟ้อง” มาเป็น “การฟัง” ก็นักการเมืองชอบพูดว่าเสียงของประชาชนเป็นเสียงสวรรค์ที่รัฐบาลจะต้องฟังไม่ใช่หรือ แทนที่จะฟ้องประชาชนแล้วเสียเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาล สู้เอาเวลาไปพินิจพิจารณาว่าทำไมประชาชนจึงตำหนิรัฐบาลในเรื่องการจัดการกับกัมพูชากันมากมายขนาดนี้ มีอะไรที่ประชาชนเข้าใจผิด ก็ควรที่จะชี้แจงให้เข้าใจถูก และถ้ามีอะไรที่ประชาชนเข้าใจถูกว่ารัฐบาลทำไม่ถูกต้อง และมีความรู้สึกไม่พอใจ รัฐบาลก็ควรจะเอามาไตร่ตรองว่าควรปรับแก้การกระทำอย่างไรให้ประชาชนพอใจการทำงานของรัฐบาล
NIDA Poll รายงานชัดเจนว่าประชาชนไว้วางใจทหารมากกว่ารัฐบาล จำนวนคนที่ไว้ใจรัฐบาลต่ำมาก ในทางตรงกันข้าม จำนวนคนที่ไม่ไว้วางใจรัฐบาลสูงมาก ดังนั้นแทนที่จะโกรธและคิดจะฟ้องประชาชน รัฐบาลควรจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาประเด็นต่างๆ ที่ประชาชนตำหนิและไม่พอใจรัฐบาล ที่สำคัญที่สุด ควรจะพิจารณาว่าทำไมประชาชนถึงไม่ไว้ใจรัฐบาล
ขอแนะนำนะว่า รัฐบาลควรพิจารณาว่าทำไมประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล จนมีคำถามว่ารัฐบาลมีไว้ทำไม และมีการไล่รัฐบาลทั้งการชุมนุม และการใช้ Social media ขอรวบรวมจากการวิเคราะห์ข่าวสารที่เป็น Big Data อยู่ใน Social media ในตอนนี้นะ เผื่อรัฐบาลไม่มีใครใส่ใจที่จะรวบรวมประเด็นต่างๆ มาพิจารณาเพื่อการแก้ไขและปรับการทำงานของรัฐบาลในกรณีของสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชา ประเด็นที่อยากจะชี้ให้คนในรัฐบาลได้มองเห็นว่าทำไมประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาลมีดังต่อไปนี้
- เพราะเขามองว่าท่านหงอกับกัมพูชา ทำตัวด้อยกว่ากัมพูชา ไม่มีมาตรการที่เข้มแข็งในการจัดการกับการรุกรานของกัมพูชาหรือเปล่า
- เพราะเขามองว่าผู้นำของท่านมีแผลจากการทำอะไรที่ไม่ดีไว้ จนกลัวถูก Uncle แฉ
- เพราะเขามองว่าพวกท่านเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
- เพราะคุณหนูของท่านพูดคำว่า “เรา” ที่หมายถึงคุณหนูกับ Uncle ผู้นำของกัมพูชา และมองว่าทหารเป็นฝ่ายตรงกันข้าม
- เพราะคุณหนูของท่านด้อยค่าทหารว่าพูดเอาเท่
- เพราะคุณหนูของท่านไปบอกผู้นำกัมพูชาว่าอยากได้อะไรขอให้บอก จะจัดให้ตามที่ขอ แบบนี้ใครจะไว้ใจว่าคุณหนูจะให้อะไรเขา
- เพราะท่านมีพฤติกรรมไม่สนับสนุนมาตรการของทหาร
- เพราะท่านบอกว่ากัมพูชาไม่ได้ตั้งใจถล่มโรงพยาบาล
- เพราะท่านบอกให้ทหารลาดตระเวนด้วยความระมัดระวัง เหมือนจะบอกว่าที่ทหารโดนกับระเบิดนั้น เพราะขาดความระมัดระวัง
- เพราะในการเจรจา ท่านไม่มีเงื่อนไขอะไรกับกัมพูชา แต่ยอมรับเงื่อนไขของกัมพูชาง่ายๆ เหมือนไทยเราด้อยกว่ากัมพูชา
- เพราะท่านไม่เคยประณามกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และทำตัวเป็นอาชญากรสงครามที่ถล่มพื้นที่พลเรือน ร้านค้า โรงพยาบาล
- เพราะท่านอ่อนด้อยในการทำสงครามข่าวสาร ไม่รู้ว่าพวกท่านทำไม่เป็น หรือจงใจที่จะไม่ทำ เพราะกลัวขัดใจผู้นำกัมพูชา
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุทำให้ประชาชนไม่ไว้ใจพวกท่าน ออกมาไล่พวกท่าน เรียกร้องให้พรรคร่วมถอนตัวให้พวกท่านไปต่อไม่ได้อีกต่อไป มีคนเรียกร้องให้ทหารประกาศกฎอัยการศึก บางคนไปไกลถึงขนาดเรียกหารัฐประหาร พวกท่านรู้ตัวบ้างไหมว่ามนตร์เสน่ห์ของผู้นำของท่านก็แผ่วไปแล้ว เพราะพฤติกรรมของเขามีการทำลายกระบวนการยุติธรรมของไทย และสร้างความแตกแยก
ในฐานะที่เป็นแกนนำของรัฐบาล พรรคของท่านบริหารประเทศแย่มาก แก้ปัญหาก็ไม่ได้ตั้งหลายเรื่อง การพัฒนาก็ไม่มีอะไรให้เห็นเป็นประจักษ์ เศรษฐกิจตกต่ำดิ่งเหวหลายเรื่อง ท่านก็ทำอะไรไม่ได้ ที่พวกท่านแผดเสียงหาเสียงไว้ ก็บริหารไม่ตรงปก ไม่ได้ทำตามสัญญาอะไรเลย ท่านพูดบอกว่า ถ้าหากพรรคท่านได้เป็นรัฐบาล ทุกอย่างที่สัญญาไว้จะทำในทันที บัดนี้ผ่านไป 2 ปีแล้ว ท่านไม่ได้ทำตามสัญญาเลยแม้แต่ข้อเดียว ประชาชนมองว่าพรรคของท่านไม่ทำสิ่งที่ควรทำ แต่พยายามดันทุรังจะทำสิ่งที่ไม่ควรทำ
ปฏิทินการเมืองเวลานี้ ไม่เป็นคุณสำหรับนายของพวกท่าน และลูกสาวของนายท่าน อาจจะถึงเวลาที่พวกท่านยุติบทบาททางการเมืองได้แล้ว อย่าให้ประชาชนทำอะไรที่รุนแรงกับพวกท่านมากกว่านี้เลยค่ะ ลาออกน่าจะดีกว่าถูกไล่ ออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยอาจจะดีกว่าถูกวินิจฉัยว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นเชิงประจักษ์ และทำผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงนะ.