เร่ง ‘เติมของหนัก’ ให้กองทัพ
โฟกัส "สีกากี" ชั่วโมงนี้ น่าจะอยู่ที่วงประชุมบอร์ดกลั่นกรองฯ หรือคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. ที่มี ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน มีรอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติเป็นกรรมการ ที่นัดหมายช่วงสายๆ วันอาทิตย์ที่ 17 ส.ค.นี้ พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติตำรวจ ที่ได้รับการเสนอชื่อเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ในการแต่งตั้งตำรวจระดับ "นายพล" ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ลงมาถึง ผบก. วาระประจำปี 2568 หลังจากหน่วยต่างๆ จัดส่งขัอมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและบัญชีข้อมูล
เสนอแต่งตั้งดำรงตำแหน่งระดับ รอง ผบช. และรอง จตร. ลงมาถึง ผบก. รวมถึงข้อมูลผลการปฏิบัติงานและสรุปผลการปฏิบัติงานมาให้ระดับ ตร.พิจารณา ก่อนที่จะนำรายชื่อจากบอร์ดกลั่นกรองฯ เสนอวงประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มี บิ๊กอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก.ต. ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายปลายเดือน ส.ค.นี้ เพื่อให้ทันตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และกฎ ก.ตร.ที่ ระดับ "นายพล" ต้องจัดทำบัญชีให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ส.ค.๐
ไม่รู้ได้ข้อมูลของจริงหรือแค่แซวกันเล่นๆ ระหว่างการประชุมคณะทำงานโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจที่มีประสบการณ์สูงด้านต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงงานบริหารงานบุคคลของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา มี บิ๊กแจง-พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ช่วงท้ายๆ ของการประชุม บิ๊กแรก-พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 ก็เรียก บิ๊กเผือก-พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. แต่แทนที่จะเรียกผู้บัญชาการท่องเที่ยว แต่กลับเรียกผู้บัญชาการภาค 8 ก็เลยเล่นเอา บิ๊กเผือก อมยิ้ม เพราะตอนนี้มีกระแสแรงว่าในการแต่งตั้ง "นายพล" รอบนี้ ชื่อ บิ๊กเผือก น่าจะได้โยกไปเป็น ผบช.ภ.8 คุมพื้นที่ภาคใต้ตอนบน เช่นเดียวกับ บิ๊กแจง ก็เลยหันมาแซว บิ๊กแรก กลับเช่นกันในทำนอง ท่านผู้ช่วยแรก ก็เล่นเอาเจ้าตัวอมยิ้ม เพราะตามลำดับอาวุโส ผบช. ชื่อ บิ๊กแรก ก็ได้เลื่อนขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร.แบบอัตโนมัติ ตามกฎ ตามเกณฑ์ ก.ตร.ที่ระดับ ผบช.ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. เลื่อนอาวุโสตามตำแหน่งว่างแบบ 100%
น่าจะเป็นบทเรียนเรื่องการสื่อสาร การประชุมสัมพันธ์ ที่ ผบ.ต่ายซึ่งเหลืออายุราชการอีก 1 ปี ต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข กรณีมีข่าวตามสื่อสังคมออนไลน์ มีประเด็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับงบประมาณจำนวน 23,000 ล้านบาทเศษ นำไปใช้ในการก่อสร้างอาคารจำนวนมาก และมีการสร้างบ้านพัก 7 หลัง สำหรับข้าราชการตำรวจระดับสูง จนถูกตั้งคำถามเหมาะสมแล้วหรือ? จน บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องออกมาชี้แจงการเสนองบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ. 2569 ประเภทงบลงทุนของ ตร. ได้ขอตัด ถูกปรับลดคงเหลือ 649 รายการ เป็นเงิน 15,597 ล้านบาทเศษ ซึ่งในงบประมาณส่วนนี้เป็นสิ่งก่อสร้างอาคารที่ทำการ ที่พักอาศัย เป็นเงินงบประมาณจำนวน 5,401 ล้านบาทเศษ มิใช่ 23,000 ล้านบาทเศษตามที่ตกเป็นข่าว และในรายการสิ่งก่อสร้างนี้ ตร.ขอเสนอตัดงบประมาณของ ตร.เองในส่วนของบ้านพักข้าราชการระดับสูง วงเงินกว่า 91 ล้านบาทเศษ แม้ว่าบ้านพักดังกล่าวจะเป็นการเสนอของบประมาณครั้งแรก แต่ ผบ.ตร.ให้ตัดออก เพื่อป้องกันความสับสนเข้าใจผิดของประชาชน และได้นำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้ในส่วนอื่นๆ ที่จำเป็นต่อประเทศชาติ ซึ่งแทนที่ ผบ.ต่าย จะได้รับคำชื่นชมที่ยอมเฉือนเนื้อเพื่อส่วนรวม แต่ต้องมาถูกวิจารณ์ก็เพราะไม่มีการสื่อสารให้สังคมรับรู้ แบบนี้เห็นที ผบ.ต่ายน่าจะสังคายนางานสื่อสาร งานประชาสัมพันธ์ให้ทำงานเชิงรุก เหมือนที่ทัพทหารทำก็น่าจะดี
ทัวร์ลง "อ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ เรื่องเตือนกองทัพภาคที่ 2 เปิดรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” ในทำนองเรื่อง“ขี้หมูราขี้หมาแห้ง" ต้องขึงขังทำเป็นประเด็นฝากให้กองทัพมาขอจากรัฐบาลก็ได้ ..แต่เมื่อมองดูจากสภาพการณ์แล้วคงไม่ได้เดือด เพราะแค่ถูกแฟนคลับกองทัพด่ารัฐบาลฉ่ำๆ แต่เพราะว่าสถานการณ์ของรัฐบาลในช่วงเดือนนี้เข้าทำนอง “ลูกผีลูกคน”อารมณ์คนรับหน้าเสื่อทุกเรื่องจึงเกิดการบูดเบี้ยวกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา และที่ผ่านมารัฐบาลก็ “ไฟเขียว” กองทัพเดินหน้าไปตั้ง 3 โปรเจ็กต์ เครื่องบินกริพเพน-เครื่องยนต์เรือดำน้ำ-อนุมัติหลักการฟริเกต 2 ลำ แถมยังเปย์ของเพิ่มให้กองทัพไปทำบัญชี "เติมของหนัก" เข้าคลัง หลังจากพร่องไปจากศึก 5 วัน 4 คืนที่ศึกชายแดนไทย-กัมพูชา มีการเซ็นอนุมัติกรอบวงเงินงบกลางไว้ 5 พันล้าน โดยให้ "บิ๊กออฟ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปรวบรวมบัญชีทั้งหมดมาเสนอให้รัฐบาลเพื่ออนุมัติต่อไป ๐
เรียกกันว่า "มือเป็นระวิง" เพราะในช่วงเวลาที่เหลือการอนุมัติจัดซื้อไม่ใช่จะทำได้ง่าย ยิ่งของที่ต้องการส่งด่วนอย่าง "ลวดหนามหีบเพลง" ถ้าไม่มีการประมูลหรือจัดซื้อตามระเบียบราชการ ก็อาจถูกเช็กบิลย้อนหลัง วิธีการที่ทำได้เร็วและเห็นผลทันตา ได้ใช้กันแบบตอบโจทย์สถานการณ์ ก็คือการขอบริจาคอย่างที่กองทัพภาคที่ 2 ทำ แต่ในส่วนอื่นที่ต้องตั้งงบเบิกจ่าย ทั้งกระสุน จรวด ซ่อมแซมสิ่งอุปกรณ์ อากาศยาน เพื่อเสริมสร้างความพร้อมต่อไป บางอย่างถ้าเป็นการจัดซื้อตามขั้นตอน มีการประกวดราคา มีระยะเวลาเข้ามากำหนด ก็ถือได้ว่า “ฉิวเฉียด” หรืออาจทำไม่ได้เลย เรียกว่างานนี้ถึงมีเงิน แต่อาจไม่ได้ครบทั้งวงเงินตามที่รัฐบาลหยอดไว้ให้
สำหรับ "แม่ทัพกุ้ง" พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้กองทัพภาคที่ 2 แจ้งว่าได้รับบริจาคพอเพียงกับความต้องการแล้ว ขอบใจผู้มีอุปการคุณ เพื่อ “จบเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง” ลงในแค่ไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้ง “กองทัพ”กับ “รัฐบาล” แม้จะต่างคนต่างทำงาน แต่ในยามนี้ก็ต้องพยายามเป็นเอกภาพในเรื่องของประเทศชาติบ้านเมือง ไม่มีเวลามานั่งทะเลาะกัน ส่วน “แฟนคลับ” ก็ว่ากันไปในสงครามสื่อสังคมออนไลน์ แต่ในสายการบังคับบัญชาถือว่า ไม่มีอะไรติดขัด มี “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นตัวเชื่อมให้น้องๆ ในกองทัพถือว่า “ลดความตึง” ไปได้บ้าง เพราะทั้ง พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ.ทบ. และพล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร มือทำงานในศึกไทย-กัมพูชาครั้งนี้ ทั้งจากฟากกองทัพบกและกองทัพไทย ล้วนเป็นน้องรักของ “บิ๊กเล็ก” ทั้งนั้น และยังเป็นเพื่อน ตท.26 ของพล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ และแม่ทัพกุ้ง คู่เพื่อนซี้ "แรงเยอร์" ที่คุยกันอยู่ทุกวัน ๐