ภูเขาไฟระเบิด 7 ลูกติด ปรากฏการณ์หายาก หลังรัสเซีย ‘แผ่นดินไหว’ ครั้งใหญ่
"แผ่นดินไหวรุนแรง"ขนาด 8.8 แมกนิจูด นอกชายฝั่งคาบสมุทรคัมชัตกา ของรัสเซีย เมื่อวันที่ 29 ก.ค. กระตุ้นให้ภูเขาไฟ 7 ลูกในรัสเซียปะทุขึ้น ตามรายงานของสถาบันภูเขาไฟวิทยาและแผ่นดินไหวในเขตตะวันออกไกล แห่งสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซีย (RAS)
หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกหลายครั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกใกล้คัมชัตกา หนึ่งในนั้นคือ อาฟเตอร์ช็อกขนาด 6 แมกนิจูด ส่งผลให้ “ภูเขาไฟคลูเชฟสกายา” ปะทุในวันที่ 30 ก.ค. โดยผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่าแผ่นดินไหวน่าจะทำให้การปะทุรุนแรงขึ้น แต่ไม่ได้เป็นตัวการหลัก เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีสัญญาณความไม่สงบก่อนเกิดแผ่นดินไหว
จากนั้นไม่นาน ภูเขาไฟใกล้เคียงอย่างชิเวลุช เบซีเมียนนี คาริมสกี อาวาชินสกี คลูเชฟสคอย และคราเชนินนิคอฟ ก็ปะทุตามมาและยังคงปะทุต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
RAS ระบุว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 300 ปีที่ภูเขาไฟ 7 ลูกปะทุพร้อมกันในภูมิภาคนี้ โดยอเล็กเซย์ โอเซรอฟ ผู้อำนวยการสถาบัน อธิบายว่าเหตุการณ์นี้เป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยาก ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าเป็น “ขบวนพาเหรดภูเขาไฟปะทุ”
นอกจากนี้ ยังทำให้พื้นผิวโลกเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยเกิดการเคลื่อนตัวครั้งใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของคาบสมุทรสูงถึงเกือบ 2 เมตร ซึ่งรุนแรงเทียบเท่ากับการเคลื่อนตัวในแนวนอนที่เกิดจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 ตามรายงานของสำนักงานธรณีฟิสิกส์รวมของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซีย
ภูเขาไฟคลูเชฟสกายากำลังปะทุ
การปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟคราเชนินนิคอฟ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 6.00 น. ในวันที่ 3 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้ต้องมีการอพยพเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้โชคดีที่ตามแนวเส้นทางเถ้าถ่านของภูเขาไฟไหลผ่าน ไม่มีชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงภูเขาไฟด้วย ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของเขตอนุรักษ์ธรรมชาติโครนอตสกี โดยกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินระดับภูมิภาค
นับเป็นการระเบิดครั้งแรกในรอบเกือบ 600 ปี ของภูเขาไฟคราเชนินนิคอฟ โดยเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายถูกบันทึกไว้ในปี 1463 โดยภูเขาไฟลูกนี้ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรรัสเซีย ไม่ถึง 240 กม.
“เราเชื่อว่าการปะทุครั้งนี้เกิดจากแผ่นดินไหว ซึ่งกระตุ้นจุดศูนย์กลางแมกมาและเพิ่มพลังงานให้กับจุดศูนย์กลาง” อเล็กเซย์ โอเซรอฟ สมาชิกฝ่ายสื่อสารของสถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซีย และผู้อำนวยการสถาบันภูเขาไฟวิทยาและแผ่นดินไหววิทยา กล่าวกับสำนักข่าวทาสส์ (TASS) สื่อในเครือรัฐของรัสเซีย
แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2025 เป็นหนึ่งใน"แผ่นดินไหว"ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ และเป็นแผ่นดินไหวที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับตั้งแต่ปี 2011 ทำให้เกิดการเตือนภัยสึนามิตั้งแต่ญี่ปุ่นไปจนถึงฮาวายและชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐ
การสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐระบุว่า คาบสมุทรคัมชัตกาเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ 29 ลูก โดยในจำนวนนี้ 3 ลูกได้ปะทุขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว
ภูเขาไฟคราเชนินนิคอฟระเบิดครั้งแรกในรอบเกือบ 600 ปี
เครดิตภาพ: Reuters
แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะมีภูเขาไฟปะทุหลายลูก แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ากิจกรรมของภูเขาไฟไม่ใช่เรื่องแปลก “มีภูเขาไฟประมาณ 40-50 ลูกกำลังปะทุอยู่ทั่วโลก ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้ก็ไม่ต่างกัน และคัมชัตกาเป็นภูมิภาคที่มีภูเขาไฟระเบิดอยู่มาก” ฮาโรลด์ โทบิน นักแผ่นดินไหววิทยาจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันกล่าว
อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่ระบุได้ว่า แผ่นดินไหวเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ภูเขาไฟปะทุ แต่เหตุการณ์ทั้งสองนี้สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้ในเขตมุดตัว ซึ่งเป็นบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกแผ่นหนึ่งจมลงไปใต้อีกแผ่นหนึ่ง
“ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยที่แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในเขตมุดตัวจะกระตุ้นให้เกิดการปะทุของภูเขาไฟ” พอล เซกัลล์ นักธรณีฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวกับ Live Science
แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ คือแผ่นดินไหวขนาด 9.5 แมกนิจูด ที่เกิดขึ้นที่เมืองวัลดิเวีย ประเทศชิลี ในปี 1960 ตามมาด้วยการปะทุของภูเขาไฟหลายครั้ง
“แผ่นดินไหวครั้งนี้เปลี่ยนแปลงแรงตึงผิวเปลือกโลก ซึ่งอาจทำให้แมกมาลอยขึ้นสู่ผิวโลกได้ง่ายขึ้น” เซกัลล์กล่าว แรงสั่นสะเทือนของพื้นดินจากแผ่นดินไหวอาจมีส่วนทำให้เกิดการปะทุ โดยการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของแมกมาใต้พื้นผิวโลก
กลไกทั้งสองนี้อาจมีบทบาทในการปะทุของชิลี แต่เซกัลล์กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะอธิบายเหตุการณ์ที่รัสเซียเพิ่งเกิดขึ้น
สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดของเหตุการณ์นี้คือการปะทุของภูเขาไฟคราเชนินนิคอฟเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 600 ปี ซึ่งโทบินอธิบายว่า ช่วงเวลาดังกล่าวอาจเป็นความบังเอิญที่รุนแรงมาก หรือไม่ก็ระบบแมกมาของภูเขาไฟถูกรบกวนจากคลื่นไหวสะเทือนที่รุนแรงจนทำให้เกิดการปะทุ แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะระบุว่าเหตุการณ์ใดเป็นจริงสำหรับการปะทุเพียงครั้งเดียว”
นอกจากนี้ กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียประจำดินแดนคัมชัตการายงานว่า กิจกรรมความร้อนของภูเขาไฟลูกที่เจ็ดที่อยู่ใกล้เคียงคือภูเขาไฟมุตนอฟสกีเพิ่มขึ้น ภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นความผิดปกติทางความร้อนที่ภูเขาไฟ ซึ่งยังไม่ปะทุ แต่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าพวกเขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าภูเขาไฟจะปะทุหรือไม่ และจะปะทุเมื่อใด
ที่มา: ABC News, BBC, Live Science, Vice