ตาอยู่ ‘บังกลาเทศ’ ได้ประโยชน์ทรัมป์! ออเดอร์ทะลักเข้า หลังทรัมป์ซัดภาษีจีน-อินเดีย
เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า ด้วยการที่ “บังกลาเทศ” สามารถเจรจาให้ได้ภาษีนำเข้าสหรัฐในอัตรา “ต่ำกว่า” หรือ “เท่ากับ” คู่แข่ง ส่งผลให้ผู้ผลิตเสื้อผ้าของประเทศคาดว่า จะได้รับคำสั่งซื้อ “เพิ่มขึ้นมากถึง 15%” เมื่อเทียบกับฤดูกาลหรือปีก่อนหน้า
บังกลาเทศนั้น ได้ “อัตราภาษี 20%” ที่อยู่ในระดับเดียวกับเวียดนาม และสูงกว่ากัมพูชาเพียง 1 จุดเปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน ก็เป็นอัตราที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับ 30% ที่สหรัฐใช้กับจีน และอาจปรับขึ้นเกินกว่า 50% รวมถึงอัตรา 50% ที่อินเดียจะต้องเผชิญตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคมเป็นต้นไป
Ha-Meem Group ผู้ผลิตเสื้อผ้ารายใหญ่ของบังกลาเทศเผยว่า นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ปรับลดภาษีนำเข้าของประเทศจากอัตราที่เคยเสนอไว้ที่ 37% เหลือ 20% ทำให้คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยบริษัทมีรายได้ต่อปี 930 ล้านดอลลาร์ และสหรัฐถือเป็นตลาดหลัก คิดเป็น 92% ของรายได้จากการส่งออก
“การลงทุนก้อนใหญ่ของเรา อาจตกอยู่ในความเสี่ยง หากสหรัฐไม่ปรับลดภาษีลง” เดลวาร์ โฮซเซน รองกรรมการผู้จัดการของ Ha-Meem กล่าว พร้อมเสริมว่า คำสั่งซื้อส่วนใหญ่กำลังย้ายออกจากจีนและอินเดีย
“ตอนนี้ผู้ซื้อชาวอเมริกันบางราย หรือผู้แทนของพวกเขาเดินทางมาที่กรุงธากา เมืองหลวงบังกลาเทศ เพื่อเจรจาว่า เราจะสามารถรับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมได้อีก 1–2 ล้านชิ้นหรือไม่”
ขณะเดียวกัน โชวอน อิสลาม กรรมการผู้จัดการของ Sparrow Group ก็เปิดเผยว่า มีผู้ซื้อมากรายที่อยู่ระหว่างการเจรจา เพื่อย้ายคำสั่งซื้อจากอินเดียรวมถึงเวียดนาม
“บริษัทของผมได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมราว 5% สำหรับฤดูใบไม้ผลิ” เขากล่าว พร้อมระบุว่า คำสั่งซื้อสำหรับฤดูร้อนถัดไป คาดว่าจะสูงกว่าฤดูกาลก่อนถึง 15%
“ส่วนแบ่งตลาดของจีนกำลังลดลงเนื่องจากภาษีสูง” ฟารุก ฮัสซัน กรรมการผู้จัดการของ Giant Group กล่าว
ฮัสซัน ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกเสื้อผ้าบังกลาเทศเสริมว่า การยกเลิก “กฎ de minimis” ที่อนุญาตให้การขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ (ราว 26,000 บาท) เข้าสหรัฐได้ “โดยไม่ต้องเสียภาษี” หรือจัดทำเอกสารมาก จะช่วยหนุนการส่งออกของบังกลาเทศเพิ่มขึ้นด้วย
ด้านคอนดาเกอร์ โกลาม โมอัซเซ็ม ผู้อำนวยการวิจัยจากศูนย์การเจรจานโยบายที่กรุงธากา ระบุว่า บังกลาเทศมีแนวโน้มจะยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในเรื่องอัตราภาษี และจะได้ประโยชน์จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อยในระยะสั้น
“สหรัฐจะยังคงไว้ซึ่งภาษีเพิ่มเติมบางส่วนต่ออินเดียและจีน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์เชิงบวกสำหรับเรา” โมอัซเซ็มกล่าว
ด้วยความรู้สึกมั่นใจจากสถานการณ์ที่ได้เปรียบนี้ รัฐบาลบังกลาเทศได้ตั้งเป้าการเติบโตของการส่งออกสินค้าไว้ที่ 16.5% สำหรับปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2026
นอกจากนี้ ชีค บาชีร์ อุดดิน หัวหน้ากรมการค้าของประเทศยังกล่าวว่า ขณะนี้กำลังมีความพยายามเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐจาก 20% เหลือ 15%
อ้างอิง: nikkei