ทำไม ‘OATSIDE’ ลดราคา ขายนมถูกกว่าเดิม 50% ? ผู้บริหารยืนยัน ปรับราคาถาวร ไม่ใช่ช่วงโปรโมชัน
ปรากฏการณ์ “OATSIDE” แบรนด์นมโอ๊ตสัญชาติสิงคโปร์ลดราคาแรงกว่า 50% จนกลายเป็นไวรัลภายในชั่วข้ามคืน เพราะนี่ไม่ใช่การลดราคาชั่วครั้งชั่วคราวเพียง 5-10 บาท แต่พบว่า นมโอ๊ต “OATSIDE” ทุกขนาดปรับราคาลดลงมากถึง 50% ขนาดเล็ก 200 มิลลิลิตรเคยขายกล่องละ 25 บาท ปรับเหลือกล่องละ 12 บาท ส่วนขนาดใหญ่ 1 ลิตร เคยขายที่ 112 บาท ปรับเหลือเพียงกล่องละ 56 บาทเท่านั้น จนหลายคนแห่ไปตุนเพราะกลัวว่า สินค้าจะหมดเสียก่อน
แบรนด์กำลังทำโปรโมชันดั๊มป์ราคาชั่วข้ามคืน หรือปรับราคาลงมาถาวรกันแน่ ? “กรุงเทพธุรกิจ” สอบถามไปยัง “ลลิตกาญจน์ ทวีชัยวัฒนะ” ผู้อำนวยการโอ๊ตไซด์ (OATSIDE) ประเทศไทยถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ปัจจุบัน “OATSIDE” วางจำหน่ายไปแล้ว 20 ประเทศทั่วโลก เดิมมีฐานการผลิตที่อินโดนีเซียทำให้ต้องมีการนำเข้าสินค้าเข้ามาขายในไทย
แต่ปัจจุบัน “OATSIDE” มีโรงงานที่ไทยแล้ว โดยเปิดทำการโรงงานมาได้เกือบๆ 1 ปี เมื่อผลิตภายในประเทศด้วยกำลังการผลิตที่มากขึ้น “Economy of Scale” จึงทำให้ต้นทุนต่ำลง แบรนด์จึงปรับราคาขายในไทยไปตามสัดส่วนการบริหารจัดการต้นทุนที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโรงงานในไทยยังเป็นฐานการผลิตส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ “ลลิตกาญจน์” บอกว่า หลังจากปรับราคาลงก็ได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคที่ดีมาก ทำให้หลายคนที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ลองชิมเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ฝั่งภาคธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก อย่างคาเฟ่ร้านกาแฟก็ช่วยให้ต้นทุนนมทางเลือกลดลงไปด้วย เป้าหมายสำคัญ คือทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย ให้คนเอื้อมถึงได้มากที่สุด เพราะก่อนหน้านี้โปรดักต์จาก “OATSIDE” ในไทย เป็นสินค้านำเข้า 100% จึงไม่สามารถทำราคาได้ดีเท่าปัจจุบัน
-ลลิตกาญจน์ ทวีชัยวัฒนะ ผู้อำนวยการโอ๊ตไซด์ (OATSIDE) ประเทศไทย-
ผู้บริหารเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ก่อนปรับราคาครั้งนี้ “OATSIDE” เป็นเบอร์ 1 ในตลาดนมโอ๊ตในไทยอยู่แล้ว และเชื่อว่า หลังจากนี้แบรนด์จะขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้นไปอีก มีแผนทำการตลาดเพิ่มเติมแต่ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพูดคุย ย้ำว่าต้องขยายสินค้าในวงกว้างมากกว่านี้ ด้วยราคาที่ดีจึงน่าจะเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลาย
“ในระยะยาวยังไม่รู้ว่า กระแสจะมากน้อยขนาดไหน เราเป็นแบรนด์แรกที่ทำราคาได้เท่านี้ คาดว่า หลังจากนี้ต้องโตกว่าเดิมอีกเยอะมากๆ เพราะคงมีกลุ่มที่ไม่เคยลองด้วยปัจจัยเรื่องราคาที่ยังเอื้อมไม่ถึง ซึ่งก็ยังไม่ชัวร์ว่า ราคานี้อีกกลุ่มเขาจะอยากหันมาลองมากน้อยแค่ไหน ราคานี้ตอบโจทย์หรือยัง แต่ถ้าเทียบกับนมวัวหรือนมทางเลือกอื่นๆ ตอนนี้ราคาเราใกล้เคียงกันแล้ว”
“ลลิตกาญจน์” ยืนยันว่า ขณะนี้ “นมโอ๊ต” ยังเป็นนมทางเลือกที่มาแรงและมีอัตราการเติบโตดีที่สุด โดยในปีนี้ “OATSIDE” ยังไม่มีแผนเพิ่มโปรดักต์ใหม่ๆ มีสองขนาดเหมือนเดิม ได้แก่ ไซซ์ 200 มิลลิลิตร และ 1 ลิตรเท่าเดิม
สำหรับ บริษัท โอ๊ตไซด์ (ประเทศไทย) จำกัด ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ระบุตัวเลขผลประกอบการย้อนหลังทั้งรายได้และกำไรสุทธิ ดังนี้
ปี 2567: รายได้ 91 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 36 ล้านบาท
ปี 2566: รายได้ 14 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 3.6 ล้านบาท