สางแค้นตระกูลชิน! ฮุนเซนร่ายยาว จัดหนัก‘แม้ว-ปู’ ‘อิ๊งค์’คุยมาครง
"ฮุน เซน" แฉ "เพื่อนแม้ว" ป่วยทิพย์ เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย บอกตอนเข้าพบต้นปี 67 แกล้งเอาปลอกคอปลอกแขนมาสวมถ่ายรูปโชว์ แถมยังดูหมิ่นสถาบันฯ อุบเล่ารายละเอียด บอกอยากรู้ส่งทูตพิเศษมาสอบถามได้ ขย้ำหลานอิ๊งค์ซ้ำ ด่าผู้นำทหารตัวเองเพื่อเอาใจต่างชาติถือเป็นกบฏ อย่าอ้างกลยุทธ์เจรจา "แพทองธาร" โพสต์คำสอนแม่ชีศันสนีย์ “อภัย” ก่อนยกหูคุยนายกฯ ฝรั่งเศส ยันไทยยึดสันติ "ภูมิธรรม" เมินอดีตผู้นำเขมรแฉ บอกพูดกลับไปกลับมา สั่ง สมช.ประเมินมาตรการชายแดน เหล่าทัพพร้อมแผนเผชิญเหตุ "ผบ.ทอ." ลั่นเครื่องบินรบปฏิบัติการได้ภายใน 5 นาที "วันนอร์" ยันจีนเข้าใจสถานการณ์ "ปชน." ขออย่าเต้นตามเขมรปั่นโซเชียล
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวปราศรัยต่อสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดพระวิหาร ในประเด็นการแก้ปัญหาชายแดนกับไทยว่า ประเทศไทยควรทำงานกับกัมพูชาเหมือนยุคสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะในยุคนั้นความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทยเปรียบเสมือนการเดินบนพรมแดง ไม่มีการขัดแย้งหรือโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
สมเด็จฮุน เซน กล่าวว่า ตนพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำในสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งยาวนานเกือบ 10 ปี ความสัมพันธ์ทวิภาคีของเราไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นเลย แม้จะมาจากทหาร แต่ก็สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงกัมพูชาได้
สมเด็จฮุน เซน ยังตอบโต้ข้อกล่าวหาฝ่ายไทยที่ว่า กัมพูชายังคงซื้อไฟฟ้าจากไทย 6 จุด โดยถามว่าสถานที่เหล่านี้อยู่ที่ไหนกันแน่ ฝ่ายไทยควรระบุให้ชัดเจน เพราะกัมพูชาต้องการทราบเช่นกัน เพื่อยุติการซื้อไฟฟ้าในจุดดังกล่าวทันที
“ตอนนี้ผมอยากถามรองนายกฯ และ รมว.กลาโหมของไทย ซึ่งบอกว่ากัมพูชายังคงซื้อไฟฟ้าจาก 6 แห่ง โปรดแจ้งให้ประชาชนของไทยและกัมพูชาทราบว่าสถานที่เหล่านี้อยู่ที่ไหน ขอยืนยันปัจจุบันกัมพูชาไม่ได้ใช้ไฟฟ้าหรืออินเทอร์เน็ตจากประเทศไทยอีกต่อไปแล้ว และหาก รมว.กลาโหมของไทยยืนกรานว่ายังมีจุดจ่ายไฟฟ้าเหลืออยู่ 6 แห่ง โปรดชี้แจงต่อสาธารณะว่าปัจจุบันสถานที่เหล่านี้อยู่ที่ไหน และคุณกล่าวหาว่ากัมพูชาได้รับข้อมูลเท็จ แต่เมื่อเราชี้แจงเรื่องดังกล่าว คุณกลับขอโทษผม คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้แต่ตอนที่กระทรวงการต่างประเทศของคุณดูหมิ่นประเทศของผม คุณก็ไม่รู้ตัว และต่อมาก็ขอโทษผมทางโทรศัพท์ หากคุณเตรียมที่จะตัดขาดเรา เราก็จะรีบดำเนินการและตัดขาดคุณก่อน” สมเด็จฮุน เซน กล่าว
ประธานวุฒิสภากัมพูชากล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยของนายทักษิณ ชินวัตร ได้รับความช่วยเหลือในการจัดตั้งจากตนเอง และตนได้ให้คำแนะนำและประสบการณ์ในการจัดตั้งพรรคแก่นายทักษิณ โปรดจำไว้ว่าคุณทักษิณและคุณสุรเกียรติ์ ก่อนอื่น ตนไปที่นิวยอร์ก ออกจากฮาวานา เยือนคิวบา และมานิวยอร์ก คุณทักษิณและคุณสุรเกียรติ์บินไปเท็กซัสเพื่อพบกับบุช ตอนนั้นบุชยังไม่ได้เป็นประธานาธิบดี แต่ตามคำทำนายของทักษิณ บุชจะชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้สมัครที่มีศักยภาพที่จะได้รับการเลือกตั้ง
"ตอนนั้นนายทักษิณ ชินวัตร เดินทางจากเท็กซัสไปพบเขาที่นิวยอร์ก เพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งพรรคการเมืองและเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ในการจัดตั้งพรรค จากนั้นนายทักษิณ ชินวัตร ก็เดินทางไปพบสุรเกียรติ์อีกครั้ง และเดินทางต่อไปยังกรุงพนมเปญเพื่อพบกับผม ตอนนั้นนายทักษิณยังไม่ได้เข้าสู่วงการการเมือง เขาเป็นเพียงนักธุรกิจเท่านั้น นายทักษิณได้จัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อลงเลือกตั้งเมื่อปี 2544 ซึ่งขณะนั้นพรรคเพื่อไทย (ไทยรักไทย) มีคะแนนเสียงข้างมาก แต่ยังไม่มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ นายทักษิณได้ขอให้ผมช่วยเจรจากับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับทักษิณด้วย ผมได้หารือกับ พล.อ.ชวลิต แล้วได้ผลเป็นบวก ทำให้พรรคเดินหน้าไปได้" ประธานวุฒิสภากัมพูชากล่าว
ลุงฮุนซัดหลานอิ๊งค์เป็นกบฏ
นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน ยังกล่าวว่า นายทักษิณได้ทำการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ไทย แต่เขาจะไม่พูดในรายละเอียด หากทางการไทยต้องการทราบว่านายทักษิณดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ของตนอย่างไร ทางการไทยสามารถส่งทูตพิเศษไปสอบถามโดยละเอียดได้ ตนยืนยันเรื่องนี้ และสัญญาว่าจะให้คำตอบโดยละเอียดมากขึ้น
สมเด็จฮุน เซน กล่าวว่า ไม่เข้าใจไทยกล่าวหากัมพูชารุกรานประเทศ แต่ทำไมขาดความกล้าที่จะขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศกับกัมพูชา และเสนอให้นานาชาติพิจารณาปัญหานี้ พร้อมเสนอให้รัฐมนตรียุติธรรมแก้รัฐธรรมนูญถอดถอนสัญชาติชาวกัมพูชาที่ร่วมมือกับต่างชาติ ต่อต้านผลประโยชน์ชาติตัวเอง
"แม้กัมพูชามีอาวุธที่สามารถยิงได้ถึงกรุงเทพฯ แต่กัมพูชาจะไม่ยิง กัมพูชาเป็นประเทศเล็ก แค่ป้องกันประเทศ และโต้กลับศัตรูที่รุกรานกัมพูชาเท่านั้น ซึ่งประเด็นพื้นที่พิพาทแม้ไทยจะใช้แผนที่ที่วาดเอง แต่ที่ตั้งของปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และช่องบก ก็ยังอยู่ในดินแดนกัมพูชา อย่างไรก็ตาม หากไทยกล้ารับผู้นำฝ่ายค้านสัญชาติกัมพูชาเข้าประเทศ เพื่อมาต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เท่ากับต่อต้านหลักการอาเซียนที่ไม่มีการแทรกแซงกิจการภายใน" สมเด็จฮุน เซน กล่าว
ประธานวุฒิสภากัมพูชากล่าวถึงการปรับกำลังทหารชายแดนช่องบอกว่า หลังจากมีการปรับกำลังทหารในพื้นที่ช่องบก นายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษ์ และ น.ส.แพทองธาร ต่างโทรศัพท์มาขอบคุณ แต่รัฐบาลไทยใช้คำพูดว่าถอนทหาร นี่เป็นเหตุผลที่ตนต้องบันทึกเสียงสนทนากับนายกฯ แพทองธารไว้ เพื่อความโปร่งใส เพื่อไม่มีใครสามารถหลอกได้ และไม่มีใครสามารถเอาเปรียบได้เช่นกัน
"การกระทำของนายกฯ ไทยที่สนทนากับผม และกล่าวโจมตีแม่ทัพภาค 2 ของตัวเอง ถือเป็นการกระทำที่กบฏชาติ เนื่องจากหากเป็นที่กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ใครดูถูกกองทัพ หรือแม่ทัพ ถือว่าคำพูดดูถูกแม่ทัพภาค 2 ของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เท่ากับเป็นการดูหมิ่นเบื้องสูง เพราะแม่ทัพภาค 2 ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง" ประธานวุฒิสภากัมพูชาระบุ
สำนักข่าว Fresh News ของกัมพูชา ยังได้ขยายคำปราศรัยของสมเด็จฮุน เซน ถึงกรณีนายกฯ ไทยกล่าวดูหมิ่นแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า สมเด็จฮุน เซน ได้เรียกพฤติกรรมการทำร้ายผู้บัญชาการทหารของตนเองเพื่อเอาใจชาวต่างชาตินั้น ถือเป็นการก่อกบฏ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการทรยศต่อแผ่นดินไทยหรือไม่ แต่ในกัมพูชา การสมคบคิดกับต่างประเทศดูหมิ่นผู้บัญชาการทหารของตนเองถือเป็นความผิดฐานทรยศต่อแผ่นดิน ในประเทศไทยการกระทำเช่นนี้อาจถือเป็นเรื่องปกติ แต่กัมพูชาไม่อนุญาตให้วิพากษ์วิจารณ์และดูหมิ่นกองกำลังทหารของตนเอง
"ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน ฮุน เซน ไม่เคยเอ่ยถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยเลย ยกเว้นวันนี้ ก็เพราะเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของผู้บัญชาการทหารในการปกป้องประเทศ เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชาหรือประเทศอื่นใด เขาก็ต้องมีนิสัยที่ไม่อาจก้มหัวให้ใครได้" สำนักข่าวของกัมพูชาระบุ
ทักษิณป่วยทิพย์หลอก ปชช.
สมเด็จฮุน เซน ระบุถึงการป่วยของนายทักษิณว่า เป็นการแกล้งป่วยหลายโรค เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย นายทักษิณไม่ได้ป่วย อุปกรณ์ที่ใส่คอ ใส่มือ ก็แค่การแสดง ในวันที่เข้าพบนายทักษิณ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.67 นั้น นายทักษิณไม่ได้ป่วย แต่เมื่อถ่ายรูปคู่กับตนกลับเอาชุดผู้ป่วยมาสวม เพื่อหลอกสายตาประชาชนและเจ้าหน้าที่ไทย
"ตอนเข้าพบนายทักษิณแรกๆ นั้นไม่รู้เลยว่าจะแกล้งป่วย เหตุที่เพิ่งมาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะว่ามีคุณธรรม ตอนนั้นจึงยังไม่เปิดเผย และที่มาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะว่าลูกสาวของนายทักษิณ นายกฯ ไทย เป็นคนไม่มีคุณธรรม ผมจะไม่ทรยศใครก่อน ผมยินดีที่จะถูกทรยศก่อน ตอนนี้พวกเขาได้ทรยศผมแล้ว” สมเด็จฮุน เซน ระบุ
นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน ระบุว่า ได้ช่วยเหลือตระกูลของทักษิณหลายครั้ง จนกระทั่ง น.ส.แพทองธารได้เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย แต่ในทางกลับกัน เขาไม่ได้รับการกตัญญูใดๆ กลับคืน และนายกรัฐมนตรีไทยได้ทรยศต่อตน ทำให้ตนต้องต่อสู้กับผู้ที่ทรยศต่อเขาในอดีต เพื่อประโยชน์ของประชาชนกัมพูชาและอธิปไตยของชาติ
"น.ส.ยิ่งลักษณ์รอดพ้นการจับกุมในประเทศไทย ก็เพราะเดินทางออกนอกประเทศผ่านกัมพูชาไปสิงคโปร์ ด้วยหนังสือเดินทางกัมพูชา ด้วยการสนับสนุนจากผมเอง และสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย เมื่อถึงที่ปลอดภัยแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โทรศัพท์ไปขอบคุณทั้งน้ำตา ผมยังได้ขอโทษที่โกหกนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีไปที่ไหน ผมขอแจ้งให้ประชาชนชาวไทยทราบว่า ผมไม่ได้ถือว่าประเทศไทยเป็นศัตรู และผมก็ไม่ได้ถือว่าคนไทยเป็นศัตรู แต่ผมก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงเช่นกัน ถ้าพวกท่านมองว่าผมเป็นศัตรู ผมก็ต้องถือว่าพวกท่านเป็นศัตรูด้วย” สมเด็จฮุน เซน กล่าว
ประธานวุฒิสภากัมพูชากล่าวว่า กัมพูชาพร้อมที่จะทำให้สถานการณ์ชายแดนและการค้ากับไทยเป็นปกติ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย แต่นายกฯ แพทองธารของไทยไม่น่าจะทำได้
ส่วนความเคลื่อนไหวของ น.ส.แพทองธาร ตั้งแต่เวลา 08.40 น. ได้โพสต์ไอจีสตอรี เป็นคำสอนของแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน ระบุว่า 'อภัย' ถ้ามีโอกาสให้..จงให้เถิด แม้ว่าการให้อภัยของเรา เขาจะรับรู้หรือไม่ก็ตาม ความโล่ง โปร่ง เบา สบาย ก็เกิดที่ใจของเราแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโพสต์สตอรีดังกล่าวของนายกฯ เป็นช่วงที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชากำลังไลฟ์ในเช้าวันเดียวกันนี้
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ช่วงกลางดึกวันที่ 26 มิ.ย. นายกฯ ยังได้โพสต์คำสอนของแม่ชีศันสนีย์ด้วยว่า "คนที่มีความสุขจะไม่ทำร้ายคนอื่น"
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 16.00 น. น.ส.แพทองธารได้หาทางโทรศัพท์กับนายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส พร้อมแสดงความยินดีหากประธานาธิบดีมาครงจะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ
อิ๊งค์คุยมาครงยันไทยยึดสันติ
สำหรับประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายกฯ เน้นย้ำว่า ประเทศไทยยึดมั่นในหลักการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ด้วยความสุจริตใจ บนพื้นฐานของความเป็นมิตรที่ดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในอาเซียน และหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเห็นว่าการเจรจาในกรอบทวิภาคีคือแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการหาทางออกที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ร่วมกัน พร้อมสนับสนุนให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เดินหน้าทำงานต่อไปด้วยดี
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน ออกมาแฉนายทักษิณป่วยทิพย์ โดยระบุว่า ตอนนี้ติดประชุมอยู่ และยังไม่มีความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน ออกมาพาดพิงถึงไทยและนายทักษิณว่า ตนไม่สนใจฟัง เพราะเขาพูดหลายอย่างกลับไปกลับมา และไม่รู้ว่าจะไปฟังภาษากัมพูชาทำไม เพราะตนก็ฟังไม่ออก
ถามว่า จะมีการแจ้งดำเนินคดีระหว่างประเทศหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายที่เกี่ยวข้องเฝ้าดูอยู่ หากทำอะไรที่ผิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และผิดกฎหมาย เราก็ดำเนินการ เราเองก็ไม่ทราบ ไม่งั้นก็โดนปั่นทุกวัน ตนไม่อยากตอบเรื่องนี้แล้ว
เวลา 16.20 น. นายภูมิธรรมเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งหลังเสร็จสิ้นให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมมีการทบทวนมาตรการต่างๆ การดูแลปัญหาชายแดน โดยเฉพาะชายแดนไทย-กัมพูชา มีมติใช้มาตรการปัจจุบัน ยืนยันว่าเราจะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายได้รับผลกระทบ และมีความเดือดร้อน เราดำเนินมาตรการสนับสนุนให้มีการเจรจาทั้งสองฝ่าย
"เรื่องการปิดด่านอยู่ขั้นหนึ่งขั้นสอง คือการจำกัดเวลาการเข้า-ออกและกำหนดปริมาณคน สิ่งที่กัมพูชาประกาศก็เป็นเรื่องของเขา เรายืนยันมาตรการว่าเราจริงใจในการจะแก้ไขปัญหา” นายภูมิธรรมกล่าว
ถามถึงมาตรการ Seal Stop Safe ขณะนี้ที่ดำเนินการ 4 เดือนแล้ว รองนายกฯ กล่าวว่า ได้ให้เร่งดำเนินการประเมินว่ายังคงมีมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ตหรือไม่ เพราะตอนนี้ในชายแดนส่วนที่เป็นปัญหาลดน้อยลง แต่ยังมีบางส่วนที่ยังมี ต้องดูว่าจะจัดการยังไง ให้ สมช.คณะเล็กไปดำเนินการ
"ส่วนที่ผู้ว่าฯ สระแก้วเสนอให้ยกเลิกกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาครบรอบ 75 ปี ยังไม่ได้ถูกนำเข้ามาพิจารณาในที่ประชุม สมช. เราคิดว่าตอนนี้ยังอยากให้เป็นมาตรการที่แสดงความจริงใจและชัดเจนว่าเรารักษาจุดยืนพยายามแสวงหาความร่วมมือและการแก้ปัญหาให้ไปอยู่ในจุดที่เคยเป็นเมื่อปี 2567 หากเปลี่ยนแปลงมาตรการใดๆ และมีผลกระทบ เราก็จะทำไปตามสถานการณ์ เราพร้อมทั้งหมดอยู่แล้ว และอยากให้ความรุนแรงเป็นมาตรการสุดท้าย ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียกับประชาชนทั้งสองฝ่าย" รองนายกฯ กล่าว
ถามถึงกรณีที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุสถานการณ์ความรุนแรงจะจบก่อนที่ตนเองเกษียณ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราประเมินสถานการณ์แนวโน้มน่าจะดีขึ้น เราจึงระมัดระวังการใช้มาตรการต่างๆ ไม่ให้โหมให้สถานการณ์ลุกลาม ต้องใจเย็น
"ยืนยันว่าเรารักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศและผลประโยชน์ของประเทศ ทุกอย่างดำเนินการตามหลักสากล และให้ประเทศต่างๆ ได้รับรู้" นายภูมิธรรมกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้า นายภูมิธรรมเป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณบุคคลและองค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมและดีเด่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดประจำปี 2568 โดยแบ่งเป็นโล่ประกาศเกียรติคุณบุคคล และองค์กรที่มีผลงานระดับยอดเยี่ยมหรือดีเด่น 5 ราย ผู้ที่ได้รับโล่ประเภทยอดเยี่ยมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจำนวน 11 ราย และโล่ประเภทดีเด่น แบ่งเป็นด้านต่างๆ 6 ด้าน จำนวน 152 ราย
เหล่าทัพพร้อมแผนเชิญเหตุ
สำหรับปีนี้ พล.ท.บุญสินได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณบุคคลที่มีผลงานระดับดีเด่น ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ โดย พล.อ.บุญสินเป็นผู้ขับเคลื่อนแผนการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ตามนโยบายของรัฐบาล ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด 25 อำเภอ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ชายแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.ท.บุญสินขึ้นเวทีรับโล่ประกาศเกียรติคุณฯ ผู้เข้าร่วมงานต่างพากันปรบมือพร้อมส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังอย่างกึกก้อง และเมื่อ พล.ท.บุญสินเดินลงจากเวทีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากได้ขอถ่ายภาพคู่ และบางคนได้ขอเซลฟีเป็นที่ระลึก
พล.ท.บุญสินให้สัมภาษณ์ว่า ได้ติดตามการไลฟ์สดของสมเด็จฮุน เซน เกี่ยวกับเรื่องประเทศไทย แต่ขอให้เป็นเรื่องของรัฐบาล ของนายกฯ ที่จะแก้ไข ส่วนกองทัพจะดูแลเรื่องความมั่นคงในพื้นที่ตามแนวชายแดนเป็นหลัก ซึ่งตามแนวชายแดนขณะนี้เราก็ตรึงกำลังอยู่ เพราะเขาก็ยังไม่ถอนกำลัง เขายังอยู่ที่นี่ เพื่อรอความชัดเจนจากทั้งสองประเทศ และนโยบายของผู้นำทั้งสองประเทศว่าจะคุยอย่างไรต่อ ส่วนทหารก็จะทำหน้าที่ของทหารต่อไป คือการควบคุมและการกำกับดูแลแนวชายแดนให้ปกติที่สุด
ถามว่า แนวโน้มสถานการณ์น่าจะจบก่อนที่ พล.ท.บุญสินจะเกษียณอายุราชการหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า น่าจะจบก่อน ส่วนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ต้องรอความชัดเจนจากผู้นำกัมพูชา ซึ่งตอนนี้ยังไม่ตอบมา แต่เราพร้อมเจรจา
ขณะที่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน กล่าวถึงศักยภาพกองทัพกัมพูชามีอาวุธยิงวิสัยไกลถึงกรุงเทพฯ แต่ไม่ทำ ว่าขอไปฟังรายละเอียดก่อน โดยหน้าที่ทหารทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ รักษาอธิปไตยอยู่แล้ว ทุกเหล่าทัพต้องทำหน้าที่ปกป้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นหลักการกว้าง
"เรื่องความมั่นคง เราต้องตั้งสติ ตั้งมั่นในกฎระเบียบที่เรามีอยู่ เป็นกำลังใจให้คนที่อยู่หน้าแนว ทั้งประชาชนและทหาร ซึ่งเป็นหัวใจหลัก เราไม่สามารถปฏิบัติทางทหารที่ฉุกละหุก โดยไม่คิดรอบด้าน ทั้งนี้ ผบ.เหล่าทัพเห็นร่วมกันว่าเราต้องคิดอย่างรอบคอบในทุกมิติในการปกป้องอธิปไตย" พล.อ.ทรงวิทย์กล่าว
ถามว่า ในการประชุมสภากลาโหมที่ผ่านมา ได้มีการเตรียมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉิน หากพื้นที่ชายแดนมีการใช้กำลังทางทหาร ผบ.ทหารสูงสุดกล่าวว่า ยังเป็นการปฏิบัติในระดับกองทัพภาคที่ 2 ต้องถามแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งตนติดตามข้อมูลอยู่ มีการพูดคุยกันที่ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ถ้าติดตามตรงนั้นจะอัปเดตมากกว่า โดยจุดยืนกองทัพคือรักษาอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ
ส่วน พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. กล่าวถึงการเตรียมแผนเผชิญเหตุในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า การเตรียมความพร้อมของเราเป็นการเตรียมควมพร้อมปกติ ซึ่งหากเกิดสถานการณ์สู้รบก็สามารถนำเครื่องบินขึ้นปฏิบัติการได้ภายใน 5 นาที
"ขอให้มั่นใจในประสิทธิภาพกองทัพ ซึ่งกองทัพอากาศรวมถึงเหล่าอื่นๆ มีความพร้อมสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ เรามีความมั่นใจและเตรียมพร้อมตลอด และยึดมั่นว่าจะไม่รุกรานใคร นอกจากนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ท่านระบุว่าเชื่อมั่นในกองทัพในการร่วมมือกันดูแลประเทศด้วย" ผบ.ทอ.กล่าว
พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร. กล่าวว่า การเตรียมแผนเผชิญในส่วนกองทัพเรือ เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องเตรียมความพร้อม ซึ่งเรามีแผนอยู่แล้ว เราก็ปฏิบัติตามแผน ให้แต่ละหน่วยสำรวจว่าอะไรขาด ให้ทำเรื่องขอการสนับสนุน อย่าเป็นกังวล
แหล่งข่าวหน่วยความมั่นคงระบุถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน อ้างมีอาวุธยิงถึงกรุงเทพฯ ว่า จากการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์และเทคนิค ต้องดูว่าระยะทางจากชายแดนกัมพูชาถึงกรุงเทพฯ อยู่ห่างจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชา (บริเวณใกล้สุรินทร์/สระแก้ว) ราว 250-300 กิโลเมตร โดยเฉลี่ยดังนั้น อาวุธใดที่จะยิงถึงกรุงเทพฯ ได้จากเขตกัมพูชาต้องมีพิสัยยิงอย่างน้อย 200-300 กิโลเมตรขึ้นไป
จากการตรวจสอบไม่มีตามฐานข้อมูลในเรื่องของ 1.ไม่มีหลักฐานว่ากัมพูชามีขีปนาวุธพิสัยไกลกว่า 200 กม. 2.ไม่มีขีดความสามารถด้านขีปนาวุธนำวิถีพื้นสู่พื้น (SRBM, MRBM) 3.ไม่มีอากาศยานขับไล่ติดอาวุธปล่อยระยะไกล (เพราะไม่มีฝูงบินขับไล่เลย) และตามข้อเท็จจริงคือทางกัมพูชาไม่มีเครื่องบินขับไล่ ไม่มีอากาศยานรบ/โจมตี (Fighter Aircraft) ในกองทัพอากาศไม่มีเรดาร์ควบคุมการบิน/ระบบสั่งการอากาศสมัยใหม่ ไม่มียุทโธปกรณ์ที่ต้องอาศัยการฝึกนักบินระดับสูง
"คำกล่าวอ้างของสมเด็จฮุน เซน สันนิษฐานได้ว่าเป็นการกล่าวเพื่อสร้างแรงกดดันทางการเมืองภายใน และเสริมภาพลักษณ์ผู้นำ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเชิงยุทธศาสตร์" แหล่งข่าวความมั่นคงระบุ
ที่ทำเนียบ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ประจำวัน
นางมาระตีกล่าวว่า ไทยมีการอนุโลมสำหรับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม กรณีผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องมารักษาพยาบาลฝั่งไทย รวมทั้งนักเรียน นักศึกษา และบุคคลที่มีความจำเป็นที่ต้องมาจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน
พล.ร.ต.สุรสันต์ระบุว่า สถานการณ์ความมั่นคงในปัจจุบันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ยังคงดำเนินการตามปกติ พร้อมกับเน้นย้ำกลไกลการทำงานของไทย ว่าเป็นการดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพ โดยมี ศบ.ทก.รับผิดชอบในการขับเคลื่อนมาตรการในการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ และติดตามประเมินผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
ปชน.เตือนอย่าหลงเขมรปั่น
ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของจีนต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชาว่า โดยมารยาททางการทูตทุกประเทศจะไม่แทรกแซงเรื่องภายในของแต่ละประเทศ แต่จากการพูดคุยนอกรอบทางผู้ใหญ่ของจีนเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความสำคัญระหว่างประเทศและภายในประเทศ ที่ประเทศไทยจะต้องแก้ไขปัญหา โดยทางการจีนสนับสนุนการแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจา
“จีนถือว่าเป็นประเทศใหญ่ในย่านนี้ การที่ประเทศจีนเข้าใจก็เป็นประโยชน์กับประชาชนคนไทยและเป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากจีนไม่เข้าใจ เราก็จะเสียประโยชน์ในจังหวะที่มาไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหาร ต้องสร้างความเข้าใจ เรามีปัญหาภายในประเทศก็ปัญหามีปัญหาไป แต่เมื่อออกมาต่างประเทศก็ต้องพูดถึงเรื่องประเทศเราในทางที่ดีงามเพื่อให้เขาเข้าใจ ส่วนปัญหาภายในก็ขอให้เป็นเรื่องภายใน” นายวันมูหะมัดนอร์กล่าว
ที่พรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง FC พรรคเพื่อไทย กลุ่มแดง กทม. 50 เขต กว่า 500 คน เดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยมีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และนายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้แทนรับมอบดอกไม้จากประชาชน
โดยประชาชนที่เดินทางมาได้สวมเสื้อสีแดงโลโก้พรรคเพื่อไทย มีดอกกุหลาบและช่อดอกไม้มาพร้อมมอบให้นายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกฯ บริหารประเทศต่อไป ไม่ต้องยุบสภา และไม่ต้องลาออก โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้อวยพรให้นายกฯ มีพลังเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวของสมเด็จฮุน เซน ว่า สมเด็จฮุน เซน ปล่อยคลิปปั่นกระแสทุกวัน ซึ่งจริงหรือเท็จก็ไม่รู้ แต่เขารู้ว่าแหย่อะไรออกมาแล้วเราจะตื่นเต้น ดังนั้นตนคิดว่าอย่าไปสนใจมาก สมเด็จฮุน เซน มีอะไรก็ปล่อยออกมาเลย
นายวิโรจน์กล่าวว่า เราต้องตั้งสติรับมือให้ดี และต้องตั้งคำถามว่าเขาทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ตนยืนยันว่าคนคนนี้ กว่าที่เขาจะขึ้นมาสู่ตำแหน่งทางการเมืองได้ สามารถที่จะรักษาอำนาจทางการเมืองมาหลายสิบปีได้ เขาหักหลัง แทงข้างหลังคน เขาเหยียบบนกองศพ บนโครงกระดูกมาเยอะแยะ เขาไม่มีเพื่อนที่แท้จริง ไม่มีศัตรูที่ถาวรอยู่แล้ว เขาพร้อมที่จะหักหลังทุกคน ดังนั้น เราต้องรู้ก่อนว่าเรากำลังเจอกับอะไร และอย่าให้เขาปลุกปั่นเราได้.