‘ทักษิณ’ยืนยันกลับบ้านไม่มีดีลลับส่วนลูกสาวถ้าอาสาทำงานแล้วเขาไม่ให้ทำก็กลับไปเลี้ยงลูก
เมื่อเวลา 20.45 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ฟังหูไว้หู” ของสำนักข่าวไทย โดยมีนายวีระ ธีรภัทร และน.ส.ชุติมา พึ่งความสุข เป็นผู้ดำเนินรายการสด ในงานปลดล็อคอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก
โดยนายทักษิณ ตอบคำถามถึงประเด็น ปัญหาการเมืองหรือปัญหาเศรษฐกิจหนักหนากว่ากัน ว่า ปัญหาเศรษฐกิจคาดการณ์ได้ อาจต้องใช้เวลา แต่ปัญหาการเมือง ทำนายยาก จิตใจมนุษย์เต็มไปด้วยความโลภกิเลส เป็นสิ่งที่เดาได้ยาก ยิ่งกว่าเศรษฐกิจที่เป็นไปตามภาวะของโลก ที่คาดเดาได้
เมื่อถามว่า ดีลลับมีจริงหรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันว่า “ไม่มีหรอกครับ มีการสร้างมาเพื่อให้เกิดความตื่นเต้น ไม่มีดีลอะไรเลย แต่ดีลที่แน่นอนคือดีลกับทรัมป์”
เมื่อถามย้ำว่า ในตอนที่ตัดสินใจในปี 2566 ทุกคนเชื่อว่าต้องมีอย่างน้อยอะไรสักอย่างให้เกิดความมั่นใจ นายทักษิณ กล่าวว่า ทางการเมืองไม่มี ไม่มีดีลการเมืองกับใครเลย กลับมาตามระบบ และทูลขอพระราชทานพระเมตตา ซึ่งก็ได้รับพระราชทานแค่นั้นเอง
นายทักษิณ กล่าวว่า หากรัฐบาลนี้อยากเข้ามาทำธุรการกับธุรกิจ สามารถอยู่ได้สบาย ตลอด 4 ปี แต่เราอยากทำงานแก้ปัญหาให้กับบ้านเมือง
เมื่อถามว่า สถานการณ์ของท่านไม่ได้ดีไปกว่าสถานการณ์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ศาลอาญานัดพิจารณาคดีมาตรา 112 นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่หรอกครับ ตนขึ้นศาลเอง ตนรู้ว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ขณะที่พยาน อะไรก็ไม่รู้ และตนได้ถามพนักงานสอบสวน ถ้าวันนั้นไม่ถูกกดดัน พยานหลักฐานแค่นี้จะสั่งฟ้องตนหรือไม่ พนักงานสอบสวน ตอบว่า อย่าว่าเรื่องสั่งฟ้องเลย รับคดีก็ไม่รับ เราเคารพศาล สิ่งที่พูดเป็นการเล่าให้ฟังว่าเรื่องนี้ไม่มีหลักฐาน
“ตนผ่านการเมืองมา 51 ปี ลูกสาวตนอาสา เขาตามตนมาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ หาเสียงด้วยกันตลอด เพราะฉะนั้นความอยากใกล้ชิด ช่วยเหลือชาวบ้าน มันอยู่ใน DNA ซึ่งเมื่ออาสาแล้ว เขาให้ทำก็ทำเต็มที่ แต่ถ้าเขาไม่ให้ทำก็กลับไปเลี้ยงลูกต่อไปเท่านั้น” นายทักษิณ กล่าว
เมื่อถามว่า คนนอกมองทำไมท่านต้องมายุ่งกับการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า ประเทศไทยปัญหาเยอะ และซับซ้อน ถ้าอ่านพระบรมราชโองการ ลดโทษให้ตน ตนรับใส่เกล้า แล้วจะอยู่เฉยโดยไม่สนใจปัญหาบ้านเมืองถือว่าไม่ถูกต้อง