กรมธนารักษ์เปิดตัวโครงการ “Landlord Sharing” ใช้ที่ราชพัสดุ 10 ล้านไร่ เพิ่มรายได้-สร้างประโยชน์ต่อสังคม
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ นางธาราพร สิงหพันธุ์ มหิทธาฟองกุล ที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ แถลงข่าว “หลักเกณฑ์ Landlord Sharing”
วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568 กรมธนารักษ์จัดแถลงข่าว “หลักเกณฑ์ Landlord Sharing” พร้อมลงนามบันทึกความตกลงการมอบอำนาจในการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวว่า จากยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ VALUE เพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่จะจัดเก็บรายได้ให้ตรงเป้า บริการทรัพย์สินให้ตรงกลุ่ม และบริการให้ตรงใจ และมีโครงการเรือธงรวม 15 โครงการ ตามที่ได้ประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น การดำเนินการหลายโครงการมีความคืบหน้า
“วันนี้กรมธนารักษ์พร้อมเปิดตัวโครงการเรือธงภายใต้กลยุทธ์ VALUE คือ โครงการเรือธง Landlord Sharing” ดร.เอกนิติกล่าว และว่า โครงการเรือธง Landlord Sharing คือการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน ด้วยการนำที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติในมิติต่าง ๆ
ปัจจุบันที่ราชพัสดุมีจำนวน 12.6 ล้านไร่ กรมธนารักษ์บริหาร 1 ล้านไร่ ที่เหลือเป็นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการอื่นประมาณ 10.4 ล้านไร่ ซึ่งในบางพื้นที่ไม่มีการใช้ประโยชน์ แม้ว่าอาจจะมีโครงการที่พัฒนา แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณของหน่วยงานราชการนั้น จึงไม่สามารถดำเนินการได้
“การไม่ได้ใช้ประโยชน์ของพื้นที่เหล่านี้ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งโอกาสในการจัดทำรายได้ สูญเสียโอกาสในการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินและนำทรัพย์สินของแผ่นดินมาพัฒนาเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ” ดร.เอกนิติกล่าว
การดำเนินโครงการ Landlord Sharing ไม่เพียงแต่จะเป็นการช่วยสร้างรายได้และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของแผ่นดินแล้ว ยังเป็นการลดภาระด้านงบประมาณของแผ่นดิน อีกทั้งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกรมธนารักษ์ในการให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเชิงสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยให้ดียิ่งขึ้น
ปัจจุบัน ประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้มีความต้องการการบริการทางด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้นในทุกปี โรงพยาบาลทั่วประเทศได้รับการจัดสรรงบลงทุนไม่เพียงพอสำหรับการพัฒนาพื้นที่เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพมากตะฐานและเข้าถึงบริการให้ทั่วถึง
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์
โครงการ Landlocked Sharing ที่มีภารกิจในเชิงสังคม จึงเป็นโครงการนำร่องแรกที่กรมธนารักษ์ดำเนินการเพื่อสนับสนุนภารกิจของหน่วยงานด้านสาธารณสุขและส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขจัดทำโมเดลต้นแบบหรือ Sandbox ในส่วนที่เป็นโรงพยาบาล
“ที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เราจะเอามาทำ Landlord Sharing เรามุ่งเน้นว่า เราจะทำเพื่อสังคมก่อน โดยโครงการต้นแบบนำร่อง เป็นการร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขที่ดูแลที่ดิน ดูแลอาคารที่เป็นโรงพยาบาล เราจะช่วยกันบูรณาการที่จะสามารถทำให้เกิดการแชร์ทรัพย์สิน นำที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เพราะข้อจำกัดงบประมาณ มาพัฒนาสร้างโรงพยาบาลเพื่อขยายตึกรองรับผู้ป่วย” ดร.เอกนิติกล่าว
ดร.เอกนิติกล่าวว่า กรมธนารักษ์จะมอบอำนาจให้กระทรวงฯจัดการภายใต้กฎกติกาของกรมธนารักษ์ ซึ่งตึกที่สร้างขึ้นจะเป็นทรัพย์สินของประเทศ ทรัพย์สินของประเทศจะเพิ่มขึ้นจากโครงการนี้ ประโยชน์ที่สองคือ นอกจากกระทรวงสาธารณสุขจะลดข้อจำกัดเรื่องงบประมาณแล้ว จะได้พื้นที่ในการให้บริการสาธารณมากขึ้น สามารถให้บริการประชาชนมากขึ้น ประชาชนจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นในการเข้าถึงบริการ ได้รับบริการที่ดีขึ้น จากพื้นที่บริการสาธารณสุขที่มากขึ้น กรมธนารักษ์จะได้รายได้มากขึ้น
“โครงการนี้จะเป็นประตูที่ต่อยอดไปสร้างให้เกิดประโยชน์ทางสังคม ประชาชนจะได้บริการสาธารณที่ดีขึ้น ภาครัฐก็จะได้ขยายต่อยอดทรัพย์สิน มีรายได้มากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขก็ลดข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ และเป็นการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของแผ่นดินตามยุทธศาสตร์ของกรมธนารักษ์ในการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม” ดร.เอกนิติกล่าว
หลักเกณฑ์ Landlord Sharing
ส่วนราชการที่ต้องการนำที่ราชพัสดุมาใช้ประโยชน์ตามโครงการ Landlord Sharing นั้นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังนี้
- เป็นโครงการเชิงสังคมด้านสาธารณสุข ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต
- เป็นโครงการตามภารกิจและกฎหมายของส่วนราชการนั้น
- ไม่เป็นโครงการภายใต้กฎหมาย PPP และการจัดสวัสดิการเชิงธุรกิจเปิดประมูลให้เอกชนพัฒนาโครงการและจัดสรรคืนที่ตามโครงการให้ส่วนราชการใช้ในราชการ
- ดำเนินการตามข้างตอนและวิธีตามกฎหมายที่ราชพัสดุและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- นำส่งรายได้จากการให้เอกชนเช่าที่ราชพัสดุนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
- มีมาตรการจำกัดและควบคุมราคาค่าบริการที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน
- รายงานผลการดำเนินการให้กรมธนารักษ์ทราบทุกไตรมาส
นางธาราพร สิงหพันธุ์ มหิทธาฟองกุล ที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์กล่าวว่า โครงการ Landlord Sharing เป็นการแก้ไขปัญหาการจัดการที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการ แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่อันเนื่องจากข้อจำกัดของงบประมาณ รวมทั้งแก้ไขข้อจำกัดในการบริหารที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ และเป็นการพลิกบทบาทจากเดิมที่ใช้วิธีการประมูลเพื่อสร้างรายได้ มาเป็นการแบ่งปันการใช้ทรัพย์สินให้กับส่วนราชการใช้ประโยชน์
“โครงการ Landlord Sharing เป็นการนำที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการไม่ได้ใช้ประโยชน์ มาเปิดประมูลเพื่อให้เอกชนก่อสร้างอาคาร ยกกรรมสิทธิ์ให้กับกระทรวงการคลัง แล้วก็บริหารจัดการพื้นที่ โดยกรมธนารักษ์ก็จะมอบอำนาจให้ส่วนราชการดำเนินการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุแทน” นางธาราพรกล่าว
การดำเนินการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุของส่วนราชการแทนกรมธนารักษ์ ต้องอยู่ภายใต้หลักการที่สำคัญ หนึ่งต้องเป็นโครงการที่เป็นการให้บริการประชาชนในเชิงสังคม ในด้านสาธารถสุขและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน สอง จะต้องเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้กฎหมายที่ราชพัสดุ ไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย PPP หรือการจัดการเชิงธุรกิจ
“การดำเนินการต้องดำเนินการตามกฎหมายที่ราชพัสดุ โดยดำเนินการเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาพัฒนาพื้นที่ อีกส่วนหนึ่งที่เอกชนจะต้องทำ นอกจากการจ่ายค่าเช่าให้กับกรมธนารักษ์ คือ จะต้องจัดสรรพื้นที่ที่ได้จากการพัฒนาโครงการให้ส่วนราชการที่ครอบครองใช้ประโยชน์ นำไปใช้ราชการตามภารกิจเพื่อให้บริการประชาชนด้วย”
นางธาราพรกล่าวว่า จากการที่โครงการนี้จะเป็นการให้บริการที่เกี่ยวกับบริการสังคม ทั้งในด้านสาธารณสุข และส่งเสริมคุณภาพชีวิต ดังนั้นเพื่อให้คผู้เข้ารับบริการได้รับบริการที่เป็นธรรม จึงมีการควบคุมโดยให้ส่วนราชการที่ครอบครองในการใช้ประโยชน์มีมาตรการในการควบคุมราคา ค่าบริการที่เรียกจากประชาชนด้วย และจัดทำรายงานให้กรมธนรักษ์รายไตรมาส
โครงการ Landlord Sharing นำร่อง เป็นความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรเงินทุนในการก่อสร้างโรงพยาบาลน้อยประมาณแค่ครึ่งหนึ่งจากที่ยื่นขอรับการจัดสรรงบประมาณ โดยในปี 2566-2568 มีส่วนต่างจากคำขอกับสิ่งที่ได้รับประมาณ 30,000 ล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอโครงการต่อกรมธนารักษ์ 6 โครงการ ต้นแบบประกอบด้วย 6 โรงพยาบาล ใน 6 พื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลนครพิงค์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โรงพยาบาลสมุทรประการ โรงพยาบาลหาดใหญ่ โรงพยาบาลบางละมุม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลจะมีความต้องการบริการทางแพทย์ที่แตกต่างกัน
การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (feasibility study) ของกระทรวงสาธารณสุขและได้อนุมัติไปแล้ว โครงการโรงพยาบาลนครพิงค์ซึ่งเป็นโครงการแรก จำนวนเตียงจะเพิ่มขึ้น 60 ห้องเป็น 810 ห้อง อัตราครองเตียงหรือคืออัตราที่คนไปพักรักษาจะรองรับได้เพิ่มขึ้น 21,900 วัน นอกจากนี้ที่จอดรถก็จะเพิ่มขึ้นจาก 1,905 คันเป็น 2,400 คัน ส่วนเงินที่จะเข้ารัฐมีจำนวนประมาณ 500 ล้านบาทและมี ผลตอบแทนจากสินทรัพย์(Return on Asset:ROA) 3%
รูปแบบโครงการที่กระทรวงสาธารณสุขต้องการ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละพื้นที่ แต่โดยหลักจะเป็นพื้นที่ในการให้บริการทางการแพทย์ และหอพักผู้ป่วย เพื่อให้อัตราการครองเตียงในปัจจุบันที่เกิน 100%ปรับลดลงมาเพื่อให้ประชาชนสามารถมีห้องพักในการเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ ส่วนที่เหลือจากที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เอกชนที่ประมูลได้จะเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ภายใต้กรอบภารกิจตามกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุขแจ้งยืนยันในประเด็นข้อกฎหมายมาว่าการดำเนินการตามโครงการนำร่องสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข และกรมธนารักษ์ได้เพิ่มเงื่อนไขว่ากระทรวงสาธารณสุขต้องมีมาตรการในการกำกับควบคุมราคาที่จะให้บริการประชาชน ส่วนค่าเช่าเป็นไปตามคำสั่งกรมธนารักษ์คือ ค่าเช่า 2% และค่าแรกเข้า 1%
เนื่องจากการดำเนินเป็นรูปแบบการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุ ดังนั้นจะมีสัญญาก่อสร้าง อาคารที่ปลูกสร้างแล้วเสร็จจะเป็นกรรมสิทธิ์ของกระทรวงการคลังในทันที เอกชนสามารถบริหารได้ตามสัญญาภายใต้กฎหมายกรมธนารักษ์ไม่เกิน 30 ปี ส่วนจะมีการต่ออายุหรือไม่ต้องพิจารณาหลังจากหมดสัญญา
หลังจากการแถลงข่าว ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ และนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมพิธีลงนามบันทึกความตกลง เรื่อง การมอบอำนาจให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหาประโยชน์ ที่ราชพัสดุในพื้นที่ที่อยู่ในความครอบครองใช้ประโยชน์ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้โครงการ Landlord Sharing โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนโครงการด้านสังคมและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ เพื่อวางรากฐานการพัฒนาระบบสาธารณสุขในระยะยาว