'5 รพ.'พึ่งเงินกู้กว่า 9,000 ล้าน จากADB ใช้สร้างตึก หลังงบลงทุนแนวโน้มลด
ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ประจำเดือนสิงหาคม 2568 มีการนำเสนอ ความคืบหน้า การบริหารจัดการแหล่งทุนนอกงบประมาณ ในโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) และโครงการเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของระบบบริการสุขภาพภาครัฐของไทย
การดำเนินงานดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางแนวโน้มงบประมาณลงทุนที่ได้รับการจัดสรรลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2563-2568 ส่งผลให้กระทรวงฯ ต้องมองหาแนวทางระดมทุนจากแหล่งอื่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ประชาชน
แนวโน้มสธ.ได้งบลงทุนลด
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า งบประมาณลงทุนที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.) ได้รับการจัดสรรมีแนวโน้มลดลง
- ปี 2564 มีคำขอ 27,503 ล้านบาท ได้รับการจัดสรร 11,633 ล้านบาท ส่วนต่าง 15,869 ล้านบาท
- ปี 2565 มีคำขอ 26,921 ล้านบาท ได้รับการจัดสรร 12,027 ล้านบาท ส่วนต่าง 14,893 ล้านบาท
- ปี 2566 มีคำขอ 18,774 ล้านบาท ได้รับการจัดสรร 11,190 ล้านบาท ส่วนต่าง 7,269 ล้านบาท
- ปี 2567 มีคำขอ 19,926 ล้านบาท ได้รับการจัดสรร 9,052 ล้านบาท ส่วนต่าง 10,874 ล้านบาท
- ปี 2568 มีคำขอ 24,932 ล้านบาท ได้รับการจัดสรร 12,135 ล้านบาท ส่วนต่าง 12,797 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ การใช้เงินจากแหล่งทุนนอกงบประมาณ เช่น โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) และโครงการเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการเสริมศักยภาพระบบบริการสุขภาพ รพ.ภาครัฐ ให้ตอบโจทย์ประชาชนได้อย่างมีประสิทธฺภาพมากขึ้น
7 รพ.นำร่อง โครงการ PPP
โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) กำลังถูกขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนงบประมาณ สธ.ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การประชุมและได้รับแจ้งให้ปรับแก้รายละเอียดโครงการจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 และ 5 มีนาคม 2568 จนกระทั่ง สคร. เห็นชอบและบรรจุแผน PPP ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นอกจากนี้ ยังได้ประสานงานกับกรมธนารักษ์ เพื่อขอรับมอบอำนาจในการใช้พื้นที่ราชพัสดุ
โครงการนำร่อง PPP และการขยายผล จะดำเนินการในรพ. 7 แห่ง โดยส่วนของรพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่มีความคืบหน้าที่สำคัฐ ในโครงการศูนย์ Premium Service หอผู้ป่วยพิเศษ และอาคารจอดรถ 8 ชั้น พื้นที่ก่อสร้างกว่า 2 ไร่ หรือราว 3,894 ตารางเมตร(ตร.ม.)
รายละเอียดอาคาร ชั้น 1-3 เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ (ร้านค้า, ศูนย์อาหาร), ชั้น 4-6 เป็นพื้นที่จอดรถ, ชั้น 7 เป็นพื้นที่ Premium Clinic (บริหารโดยโรงพยาบาล), และชั้น 8 เป็นหอพักผู้ป่วยพิเศษ 60 ห้อง มูลค่าโครงการ ประมาณ 495.32 ล้านบาท
ระหว่างนี้มีการดำเนินการคู่ขนานกับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ (ส่งกรมธนารักษ์พิจารณา) และโรงพยาบาลสมุทรปราการ (รับฟังความคิดเห็นจากเอกชน)
ส่วนโรงพยาบาลระยะถัดไป ได้แก่ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต, โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา, โรงพยาบาลพัทยาปทุมคุณ, และโรงพยาบาลหาดใหญ่
เงินกู้ ADB 9,000 ล้าน สร้างตึก 5 รพ.
ขณะที่ โครงการเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) กระทรวงสาธารณสุขเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบวงเงินกู้รวมทั้งสิ้น 9,044.91 ล้านบาท
โรงพยาบาลที่ได้รับอนุมัติเงินกู้และโครงการสำคัญ 5 แห่ง ได้แก่
1.โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์: อาคารศูนย์มะเร็งและห้องพิเศษ
- ก่อสร้าง: 558.79 ล้านบาท
- ครุภัณฑ์: 204.76 ล้านบาท
2. โรงพยาบาลนครพิงค์: อาคารศูนย์โรคหัวใจ
- ก่อสร้าง: 674.74 ล้านบาท
- ครุภัณฑ์: 356.62 ล้านบาท
3. โรงพยาบาลมะการักษ์: อาคารผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยใน
- ก่อสร้าง: 512.19 ล้านบาท
- ครุภัณฑ์: 189.62 ล้านบาท
4. โรงพยาบาลพระปกเกล้า: อาคารวินิจฉัยและรักษา
- ก่อสร้าง: 800.41 ล้านบาท
- ครุภัณฑ์: 395.48 ล้านบาท
5. โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา: อาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์
- ก่อสร้าง: 3,549.52 ล้านบาท
- ครุภัณฑ์: 563.50 ล้านบาท
และอาคารพักแพทย์และพยาบาล วงงินก่อสร้าง: 480.17 ล้านบาท