‘ทักษิณ’ ลั่น 22 ส.ค.นี้คดีก็จบแล้ว
เมื่อเวลา 19.45 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” ว่า เรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ด้วยว่า การรู้จักกันคือได้พูด แต่ทั้งหมดอยู่ที่ดีลว่าเขาพอใจหรือไม่พอใจ ไม่ใช่ว่ารู้จักกันแล้วต้องลดให้พิเศษ ไม่ใช่การขายของสำเพ็ง โดยวันที่ตนเข้าไปพูดคุยกับทีมไทยแลนด์ที่บ้านพิษณุโลกที่ผ่านมานั้น มีการพูดคุยกันกับครอบครัวเขา เพราะรู้จักกัน แต่จริงๆ ไม่มีอะไรดีกว่าการไปเจอหน้ากัน
เมื่อถึงช่วงนี้พิธีกร ถามว่า ฉะนั้นศาลควรอนุญาตให้ท่านเดินทางไปต่างประเทศใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เดี๋ยววันที่ 22 ส.ค.นี้ คดีมาตรา 112 ก็จบแล้ว” และกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากคดีจบแล้วตนจะเดินทางไปเจอกับเพื่อนคนหนึ่งที่เคยขออนุญาตศาลไปเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ศาลไม่อนุญาต เพื่อพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับการลงทุน โดยเฉพาะหลายเรื่องที่เมื่อเรามีโครงการขนาดใหญ่แล้วนำเงินต่างประเทศมาลงทุน แล้วไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนผู้ใช้บริการในโอกาสต่อไปมากนัก ตนคิดว่าเม็ดเงินเหล่านี้จะมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นกำลังซื้อคนไทยก็จะดีขึ้น
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับประเทศกัมพูชานั้น เราคุยกับคนที่เราคุยได้ คุยแล้วอัดเทปจะคุยทำไม ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องประเทศกัมพูชาเท่านั้น แต่ของไทยเราก็ไม่เข้าใจ เขาปัญหาน้อย แต่ของเราเยอะกว่า เราไปนั่งคิดโน้นนี่นั่น เรื่องแบ่งเขตแดนต่างๆ ความจริงแล้วการพัฒนาร่วมนั้นมันไม่ได้ใช้เขตแดนที่ชัดเจนว่าต้องแบ่งเช่นนั้น ผ่าเช่นนี้ เป็นเรื่องที่การเมืองเราไม่แข็งแรง และขณะนี้ตนไม่ได้ทำธุรกิจอะไรเลย แต่ก็มีการหาว่าตนเอาทองไปทิ้งไว้ที่กัมพูชา พอไม่พูดก็ถามว่าหายไปไหน ตนเลยต้องแสดงตนหน่อย ทั้งนี้ ตนมองว่าไม่น่าเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่จะเกิดเป็นจุดๆ มากกว่า เพราะหลายประเทศมีเรื่องความมั่งคั่งเยอะแล้ว
“ผมไม่สามารถคิดอะไรที่บอกว่าต้องได้รับการสนับสนุนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่อยทำ มันเป็นไปไม่ได้ นานาจิตตัง มนุษย์มันเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางคนมีวิชั่นบางคนก็วิสั้น ความเข้าใจไม่เหมือนกัน พวกวิสั้นกับพวกวิชั่นมันเถียงกันทั้งวัน บางครั้งหากเราคิดว่าสิ่งที่เราทำแล้วเราประเมินว่าเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่แล้วคนส่วนน้อยบ้าง เราก็ต้องอธิบายให้คนเข้าใจ ไม่ใช่บอกว่าต้องละเลย เพราะการเมืองต้องได้รับการสนับสนุนให้ได้มากที่สุดเท่าที่มากได้ แต่ก็ต้องเดินหน้าให้ได้ด้วย” นายทักษิณ กล่าว