มท.เผย ผลสอบ “เขากระโดง” ชี้อธิบดีกรมที่ดินไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาล
มท.เผย ผลสอบ “เขากระโดง” ชี้อธิบดีกรมที่ดินไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาล เปิดทางเพิกถอนโฉนด 800 แปลง คืนรัฐทันที
วันที่ 1 ส.ค. 2568 ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงข่าว “ความคืบหน้าการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง ตำบลอิสาณ และตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์” โดยมีนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมแถลงข่าว
นายภูมิธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากให้ตรวจสอบกรณีการถือครองที่ดินบริเวณเขากระโดง ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ดินของรัฐและควรได้รับการดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อเข้ารับตำแหน่งจึงได้หารือกับนายเดชอิศม์ และมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เพื่อตรวจสอบคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินตามคำพิพากษาศาล
นายเดชอิศม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ดินบริเวณเขากระโดงซึ่งมีพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแน่ชัดว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งได้ร้องขอให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนด แต่กรมที่ดินกลับไม่ดำเนินการ ทำให้รฟท.ต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดตามคำพิพากษาศาลฎีกา
ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดในพื้นที่ที่ไม่มีข้อพิพาทเรื่องแนวเขตได้ทันที ส่วนพื้นที่ที่ยังมีข้อสงสัยเรื่องเขตแดน ให้กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการร่วมกับการรถไฟเพื่อตรวจสอบให้ชัดเจน ก่อนดำเนินการเพิกถอนตามขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม กลับพบว่า คณะกรรมการที่ตั้งโดยอธิบดีกรมที่ดินไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบเขตตามที่ศาลสั่ง อีกทั้งยังมีคำสั่งให้ยุติเรื่องโดยให้เหตุผลหลากหลาย และอธิบดีกรมที่ดินเห็นชอบกับมติดังกล่าว สร้างความสงสัยให้กับประชาชนเป็นวงกว้างถึงเหตุผลในการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา
ภายหลัง นายเดชอิศม์ ได้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และมีผลสรุปชัดเจนว่า คณะกรรมการที่ตั้งโดยกรมที่ดินไม่ได้ดำเนินการตามกระบวนการครบถ้วน ทำให้คำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อพิจารณาร่วมกับข้อเท็จจริงที่ว่ากรมที่ดินและการรถไฟได้ร่วมกันตรวจสอบแนวเขตแล้วอย่างชัดเจน จึงถือว่าอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนดได้ทันทีตามกฎหมาย
นายภูมิธรรม ย้ำว่า การดำเนินการในเรื่องนี้ไม่ได้มีเป้าหมายทางการเมือง แต่เป็นการปฏิบัติตามเสียงร้องเรียนของประชาชน และคำพิพากษาของศาลซึ่งถึงที่สุดแล้ว หากมีฝ่ายใดเห็นต่างหรือมีเหตุผลโต้แย้ง ก็สามารถดำเนินการตามสิทธิที่กฎหมายเปิดช่องไว้
ในประเด็นหลักของพื้นที่ใจกลาง ซึ่งอยู่ภายใต้ขอบเขตมาตรา 61 วรรคแปด แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน นายภูมิธรรมระบุว่า กรมที่ดินสามารถเพิกถอนสิทธิในที่ดินเหล่านี้ได้ทันที โดยถือเป็นที่ดินของรัฐ และสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ส่วนพื้นที่ที่ยังมีข้อพิพาทเรื่องแนวเขต ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี และหากเป็นภาคเอกชนที่ครอบครองอยู่ ก็ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย เช่น การขอเช่าใช้พื้นที่ตามระเบียบ
ข้อมูลจากนายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการสำนักแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า พื้นที่ที่มีปัญหาหลักบริเวณใจกลางมีทั้งหมดประมาณ 800 แปลง ซึ่ง 90% ของจำนวนดังกล่าวสามารถดำเนินการเพิกถอนได้ทันที
ทั้งนี้ อธิบดีกรมที่ดินได้ยื่นหนังสือขอย้ายออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้การพิจารณาเรื่องนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส และไม่เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์
นายไกรศรี ยังชี้แจงว่า แผนที่ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ทั้งสองฉบับ ได้ถูกนำเสนอในชั้นศาลและมีเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการ อีกทั้งการรถไฟฯ ก็ได้ส่งข้อมูลเหล่านี้ให้กรมที่ดินรับทราบตั้งแต่ปี 2565 แล้ว
สำหรับข้อกังวลว่าการรถไฟอาจเร่งรัดหรือก้าวล่วงอำนาจของกรมที่ดินนั้น นายไกรศรี ระบุว่า มีการสื่อสารอย่างเป็นทางการระหว่างหน่วยงาน พร้อมเอกสารหลักฐานแนบอย่างครบถ้วน
ขณะที่ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ย้ำว่า แม้จะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดิน แต่การดำเนินการของการรถไฟจะต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ โดยจำเป็นต้องหารือฝ่ายกฎหมาย และอาจต้องมีการท้าทายคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดในบางกรณีเพื่อความรอบด้าน