ผู้นำยูเครนโวยซัมมิตที่อะแลสกา เหมือนปูตินได้รับ “ชัยชนะส่วนตัว” จากทรัมป์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เตรียมพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่รัฐอะแลสกา ในวันศุกร์ที่ 15 ส.ค. นี้ โดยที่ยูเครนไม่มีส่วนร่วม ถือเป็น "ชัยชนะส่วนตัว" สำหรับปูติน เนื่องจากเป็นการได้รับเชิญให้ไปเยือนสหรัฐ
ขณะเดียวกัน เซเลนสกี "กังวล" ว่าผู้นำรัสเซีย อาจผลักดันเงื่อนไขหรือข้อเสนอบางอย่างกับทรัมป์ แล้วให้ผู้นำสหรัฐนำมากดดันยูเครนต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งอาจหมายถึงการให้ยูเครนต้องยอมสละดินแดนบางส่วน เพื่อแลกกับการยุติสงคราม ซึ่งเซเลนสกียืนยันว่า รัฐบาลเคียฟจะไม่มีทางให้มีการถอนกำลังทหารออกจากภูมิภาคดอนบาส และดินแดนอื่นใดก็ตามที่เป็นของยูเครน ในทางกลับกัน ทหารยูเครนจะยังคงตั้งมั่นอยู่ในพื้นที่ เพื่อเตรียมการตอบโต้กับการรุกคืบของรัสเซีย
ในเวลาเดัยวกัน นายมาร์โก รูบิโอ รมว.การต่างประเทศสหรัฐ สนทนาทางโทรศัพท์กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.การต่างประเทศรัสเซีย เกี่ยวกับการพบหารือระดับผู้นำที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยรูบิโอยืนยันกับสื่อมวลชนในเวลาต่อมา ว่าการประชุมครั้งนี้ ไม่ใช่ "การยอมอ่อนข้อ" ของทรัมป์ให้แก่ปูติน
ด้านนางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ปฏิเสธกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ว่าฝ่ายใดเป็นผู้ขอให้มีการประชุมครั้งนี้เกิดขึ้น อนึ่ง การเยือนรัฐอะแลสกาของปูตินในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ทศวรรษ ที่ผู้นำรัสเซียเยือนสหรัฐ และจะเป็นการพบหน้าเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ระหว่างปูตินกับทรัมป์ ต่อจากการประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 แห่ง หรือ จี20 ที่เมืองโอซากาของญี่ปุ่น เมื่อปี 2562
นอกจากนี้ ยังนับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ พบหารือกับประธานาธิบดีรัสเซีย ต่อจากการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐในเวลานั้น กับปูติน ที่เมืองเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 2564.
เครดิตภาพ : AFP