เด็กพรรคประชาชนฟันธง ‘เขากระโดง-อัลไพน์’ สุดท้ายเป็นแค่มวยล้มต้มคนดู!
'จุลพงศ์' มองคดีเขากระโดง-อัลไพน์ เป็นมวยล้มต้มคนดู เชื่อ เลือกตั้งใหม่ทั้งสองพรรค ก็จับมือร่วมตั้งรัฐบาล ยัน ทุกคนต้องใช้กฎหมายเท่าเทียมกัน
07 ส.ค. 2568 - ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงกรณีคดีเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และสนามกอล์ฟอัลไพน์ ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ กำลังเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับคดีที่ดิน 5,000 ไร่ บริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ รัฐบาลต้องสะสางปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เช่นกัน ทั้งสองกรณีมีความเหมือนกันหลายประการ ซึ่งเกี่ยวกับการทำงานของระบบราชการในอดีตที่ไม่ยึดหลักกฏหมาย แต่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีอำนาจในยุคใดยุคหนึ่ง ทั้งสองกรณีเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชนที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ประชาชนไม่สามารถทำนิติกรรมที่ดินได้จนถึงปัจจุบัน และทั้งสองกรณีก็ยังอยู่ในศาล ตนมองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลจึงไม่เร่งรัดเหมือนกรณีหนึ่ง แต่กลับนิ่งเฉย
“หากรัฐบาลนิ่งเฉยกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ก็มีความเห็นว่าการเร่งรัดคดีเขากระโดงในขณะนี้ ถูกทำให้เหมือนว่ารัฐบาลกำลังทำตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด แต่เกรงว่าน่าจะเป็นการตอบโต้ชั่วครั้งชั่วคราวทางการเมือง ระหว่างพรรคการเมืองสองพรรค ทำเป็นข่าวให้ดูเหมือนจริง แต่หากมีการเลือกตั้งใหม่ในครั้งหน้าและพรรคการเมืองสองพรรคที่เกี่ยวข้องมาร่วมรัฐบาลกันอีก ทั้งเรื่องเขากระโดงและอัลไพน์ก็จะจางหายไปเหมือนหลายๆ เรื่อง เป็นมวยล้มต้มคนดู ระหว่างนักการเมือง” นายจุลพงศ์ กล่าว
นายจุลพงศ์ กล่าวอีกว่า ประชาชนในพื้นที่เขากระโดงและหมู่บ้านติดสนามกอล์ฟอัลไพน์หลาย 1,000 ครอบครัวได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริงเว้นวรรคตนขอเชิญให้มองภาพใหญ่กว่ากรณีเขากระโดงและสนามกอล์ฟอัลไพน์ เราจะเห็นว่ารากฐานของปัญหาคือระบบข้าราชการที่อ่อนแอจนเป็นเหตุให้ข้าราชการไม่ยึดหลักกฏหมายอย่างเคร่งครัดในการปฎิบัติหน้าที่โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวกับการปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ มีอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ต้องรับโทษจำคุกเพื่อแลกเปลี่ยนกับการทำสิ่งที่นักการเมืองต้องการ และเพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้รับตำแหน่งทางการเมือง
ทั้งกรณีเขากระโดงสนามกอล์ฟอัลไพน์เกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 50 ปี เป็นตัวอย่างหนึ่งในหลาย 1,000 เรื่องที่แสดงว่าการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอและเลือกปฏิบัติในสังคมไทยเว้นวรรคตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและคณะกรรมาธิการสามัญสองคณะเว้นวรรคตนมองเห็นว่าประเทศไทยยังมีข้าราชการดีดีจำนวนมากหลายคนเป็นคนรุ่นใหม่ กรณีเขากระโดนสนามกอล์ฟขนาดนี้ประเทศไทยต้องการการปฏิรูประบบราชการอย่างจริงจังไม่ใช่แค่ตั้งกลุ่มใหม่หรือเพิ่มตำแหน่งหรือโยกย้ายข้าราชการประจำ นอกจากนี้ประเทศไทยยังต้องการฟื้นฟูหลักนิติธรรมของประเทศครั้งใหญ่ให้มีการบังคับใช้อย่างเคร่งครัดและเท่าเทียม ไม่ว่าคุณจะเป็นรัฐมนตรีปลัดกระทรวงหรือนายพลหรือประชาชน ทุกคนต้องได้รับการปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเท่าเทียมกัน
เมื่อถามว่า กรณีที่ดินตอนนี้เป็นเหมือนสงครามระหว่างพรรคการเมืองมากกว่าใช่หรือไม่ นายจุลพงศ์ เผยว่า ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น ทางการเมืองหากมีการเลือกตั้งครั้งหน้าและพรรคการเมืองทั้งสองพรรครวมเป็นรัฐบาล เรื่องเหล่านี้ก็จะจางหายไป ตนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริงจังเพราะเราไม่ได้แก้ที่รากฐาน ไม่ได้แก้ที่ระบบราชการ ไม่ได้แก้ที่หลักนิติธรรม เรื่องราวต่างๆ ข้าราชการก็จะถูกปั่นหัวไปเรื่อยๆ ตามทิศทางที่นักการเมืองต้องการ ทางแก้คือไม่ใช่เรื่องของกระโดงหรืออัลไพน์ เราจะต้องปฏิรูประบบราชการและฟื้นฟูหลักนิติธรรมขึ้นมา และขอให้ดูต่อไปนักการเมืองที่ผ่านมา ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าสองพรรคมาร่วมเป็นรัฐบาล เรื่องต่างๆ ก็จะจางหาย เป็นการต่อรองชั่วครั้งชั่วคราว