จาก ‘กบาล’ ถึง ‘สงกรานต์’ รากเหง้าภาษา และวัฒนธรรม
ใครที่อ่านบทความของเอย่ามาตั้งแต่ต้นๆ โดยเฉพาะทุกครั้งที่เอย่าพูดถึงเรื่องของภาษาและวัฒนธรรม เอย่ามักจะบอกว่าวัฒนธรรมและภาษาหลายๆ คำในย่านนี้ที่คล้ายๆ กัน วันนี้เอย่าจะยกคำเหล่านี้มาให้ทราบกัน
คำแรกคือ กบาล ในภาษาเขมรและภาษาไทยแปลว่าหัว มีการกล่าวอ้างว่าคำว่ากบาลนี้ไทยน่าจะนำมาจากภาษาเขมรในอดีต แต่ความจริงแล้วคำนี้น่าจะมาจากภาษาบาลีคำว่า กปาล (Kapala) ที่แปลว่าหัวนั่นเอง
คำว่า Kambawza ในภาษาไทใหญ่นั้นว่ากันว่าประวัติของคำว่ากัมบาวซาที่แปลว่าอาณาจักรไทใหญ่เกิดจากเจ้าชายจากอาณาจักรกัมปูเจียเข้ามาปกครองในดินแดนรัฐฉานในคริสต์ศักราชที่ 957 แต่เมื่อสืบดูแล้วพบว่าในคริสต์ศักราชที่ 957 ในเวลานั้นกัมปูเจียอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรขอมของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ดังนั้นหากสืบค้นคำนี้จริงๆ คงต้องกล่าวว่า กัมปูเจีย นี่มีหลักฐานที่ปรากฎเป็นจารึกโบราณว่าคำว่ากัมปูเจียมาจากคำว่า กัมพุช ซึ่งเป็นแคว้นหนึ่งของอินเดียโบราณนั่นเอง
คำสุดท้าย สงกรานต์
รู้หรือไม่คำว่าสงกรานต์ของไทยมาจากภาษาสันสกฤต คำว่า ‘สํกฺรานฺติ’ (Sankranti) ซึ่งมีความหมายว่า การเคลื่อนย้าย หรือ การเปลี่ยนผ่าน
ในอินเดียยังมีเทศกาล มกรสันกรานติ เป็นจุดสิ้นสุดของฤดูหนาวและเป็นจุดเริ่มต้นของวันที่ยาวนานขึ้น
ในไทยเราเพี้ยนคำว่าสันกรานติเป็นคำว่า สงกรานต์ อันหมายถึงการเปลี่ยนผ่านปีจากปีเก่าสู่ปีใหม่ เช่นเดียวกับในพม่าคำว่าตะจ่านก็มีรากศัพท์มาจากคำว่า สันกรานติอันหมายถึงการเปลี่ยนผ่านเช่นเดียวกัน และเช่นเดียวกับคำว่า โจลชนัมทเมย ในภาษาเขมรซึ่งก็มีรากศัพท์จากคำว่าสันกรานติ เช่นเดียวกัน
เอย่าแค่จะบอกว่าทุกประวัติของภาษาและวัฒนธรรมมันมีรากเหง้าเสมอ ผู้ที่ไร้รากก็เสมือนคนไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นใคร เช่นนั้นก็ไม่ควรมีสิ่งใดให้ภูมิใจ