ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จับมือเสริมสร้างความสัมพันธ์ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
ผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย หลังการพบปะทางการที่โตเกียว
ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ของเกาหลีใต้ (ซ้าย) จับมือกับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม (Photo by KIM KYUNG-HOON / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ของเกาหลีใต้เดินทางเยือนกรุงโตเกียวอย่างเป็นทางการ และได้พบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น
ข้อพิพาทเรื่องดินแดนและการบังคับใช้แรงงานของจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงที่ยึดครองคาบสมุทรเกาหลีมานานหลายทศวรรษ ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านตึงเครียดมายาวนาน
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สองประเทศเพื่อนบ้านได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยละทิ้งความคับข้องใจในอดีตเพื่อรับมือกับภัยคุกคามนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
"ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ที่ท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ ของทั้งสองประเทศ ความสำคัญของความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ และความร่วมมือระหว่างรัฐบาลโตเกียว-โซล-วอชิงตันกำลังเพิ่มมากขึ้น" นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวในแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุม
การเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เลือกญี่ปุ่นสำหรับการเยือนทวิภาคีครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1965 ซึ่งเป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ทางการทูตกลับมาเป็นปกติ
"ผมเชื่อว่าสิ่งนี้มีความหมายสำคัญอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์เกาหลีใต้-ญี่ปุ่นมากเพียงใด" ประธานาธิบดีอี แจ-มย็อง ของเกาหลีใต้กล่าว
ขณะที่อิชิบะเสริมว่า "เนื่องจากเราเป็นประเทศเพื่อนบ้าน จึงยังมีปัญหาที่ยากลำบากอยู่ แต่เราจะยังคงดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกันต่อไป"
ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองได้หารือกันเกี่ยวกับประเด็นด้านกลาโหม, ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมที่ทั้งสองประเทศเผชิญ เช่น อัตราการเกิดต่ำ
ยุน ซ็อก-ยอล อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พยายามที่จะเชื่อมโยงทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ประเทศเพื่อนบ้านได้ร่วมเจรจาสามฝ่ายกับพันธมิตรร่วมอย่างสหรัฐอเมริกา
แต่การที่ยุนถูกถอดถอนจากการประกาศกฎอัยการศึกและการปลดออกจากตำแหน่งในเดือนเมษายน ได้กระตุ้นให้เกิดการเลือกตั้งกะทันหัน ซึ่งอี แจ-มย็องคว้าชัยชนะในเดือนมิถุนายน
ก่อนหน้านี้ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน อี แจ-มย็องเคยมีท่าทีแข็งกร้าวต่อญี่ปุ่นมากกว่ายุน
แต่ล่าสุด เขากล่าวว่า "นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ผมได้เน้นย้ำว่าประเทศของเราทั้งสองเป็นพันธมิตรที่แยกจากกันไม่ได้, เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ร่วมกันและต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง"
หลังจากนี้ ผู้นำเกาหลีใต้จะบินจากโตเกียวไปยังวอชิงตันในบ่ายวันอาทิตย์ เพื่อพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา และหารือในรายละเอียดของข้อตกลงการค้าล่าสุด
ทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต่างบรรลุข้อตกลงการค้ากับรัฐบาลทรัมป์ โดยประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ เพื่อลดภาษีที่คุกคามลงเหลือ 15%.