โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รัฐบาลพท.เผชิญศึกซ้อน สัญญาณอวสาน’ชินวัตร’

ไทยโพสต์

อัพเดต 10 สิงหาคม 2568 เวลา 5.00 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หากฉากทัศน์ของนายกฯ และพ่อนายกฯ เป็นดังที่ประเมินไว้ นอกจากปิดฉากเส้นทางการเมืองของ “ตระกูลชินวัตร” แล้ว แรงสั่นสะเทือนยังกระทบไปถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เข้าสู่โหมดล่มสลายหรือแพแตกเช่นกัน

พี่น้องชาวไทยยังฝากความหวังไว้กับกระทรวงกลาโหมและกองทัพ ในการหาทางออกสู่สันติภาพ หลังเกิดการปะทะระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งปะทุขึ้นอย่างรุนแรงจนมีทั้งพลเรือนและทหารเสียชีวิต ความเสียหายไม่เพียงแต่จำกัดอยู่ในมิติชีวิตและร่างกาย แต่ยังลุกลามไปถึงทรัพย์สิน มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศก็นับว่ามหาศาล สถานการณ์ดังกล่าวไม่เพียงสร้างความสูญเสียเชิงรูปธรรม แต่ยังสร้างบาดแผลทางความรู้สึกและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนสองชาติ

หลังจากความตึงเครียดดำเนินมาหลายวัน ในที่สุดผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ประเทศมาเลเซีย นำมาซึ่งทั้งสองชาติสามารถตกลงหยุดยิงได้ 13 ข้อ โดยใจความสำคัญคือการเห็นพ้องที่จะรักษาสันติภาพชายแดน และยุติการใช้อาวุธทุกประเภทโจมตีทั้งพลเรือนและทหารในทุกพื้นที่ทุกกรณี ซึ่งถือเป็นข้อตกลงสำคัญต่อการลดความรุนแรง

ในทางปฏิบัติยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่สามารถบรรลุได้อย่างสมบูรณ์ และจำเป็นต้องดำเนินการต่อในการประชุมครั้งถัดไป

ข้อเสนอของไทยที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากกัมพูชา เช่น การร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน และการปราบปรามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้พื้นที่ชายแดนเป็นฐานปฏิบัติการ

ในทางกลับกัน ฝ่ายกัมพูชาก็มีข้อเรียกร้องเช่นกัน ได้แก่ การให้ไทยใช้กำลังทางอากาศ เช่น เครื่องบินขับไล่ F-16 ในพื้นที่ปะทะ และการรื้อลวดหนามจาก 11 พื้นที่ อาทิ บริเวณปราสาทตาเมือนธม

เงื่อนไขเหล่านี้สะท้อนว่าข้อตกลงที่ได้มาเป็นเพียงการ“พักรบ” มิใช่การยุติข้อขัดแย้งอย่างแท้จริง ภายใต้บรรยากาศที่ยังไม่นิ่งนี้ จึงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าฝ่ายกัมพูชาจะรักษาข้อตกลงได้จริงเพียงใด

ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็มีโจทย์ใหญ่รออยู่เบื้องหน้า คือการรักษาความชอบธรรมในเวทีระหว่างประเทศ เพราะภาพลักษณ์ปัจจุบันถูกมองว่าไทยอยู่ในสถานะที่เป็นรอง ทั้งด้านการเจรจาและความคล่องตัวในการตอบสนองสถานการณ์

อีกทั้งยังต้องเผชิญแรงกดดันภายในประเทศ โดยเฉพาะเสียงวิจารณ์เรื่องการบริหารจัดการงบประมาณฉุกเฉินให้ถึงมือประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างทันท่วงที

กรณี “ดรามางบฉุกเฉิน” จังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นตัวอย่างสะท้อนปัญหาได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ “น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รมช.มหาดไทย (มท.2) สร้างภาพใหญ่กลางสภา ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีโทรศัพท์เข้ามากลางสภา ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องการใช้งบ

แต่ข้อเท็จจริงกลับกลายเป็นว่าจ่ายได้เพียง 55,000 บาทเท่านั้น ขณะที่จังหวัดอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงกลับได้รับงบหลักสิบล้านบาท เช่น สุรินทร์ 55,196,982 บาท, บุรีรัมย์ 14,160,000 บาท และศรีสะเกษ 46,810,500 บาท

เหตุการณ์นี้ทำให้ “มท.2” ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า “ชอบทำงานหน้าสื่อ” มากกว่าลงพื้นที่จริง อีกทั้งเชื่อฟังข้อมูลจากข้าราชการโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ส่งผลให้ประชาชนเสียโอกาสและเผชิญความเดือดร้อนโดยตรง กระแสวิจารณ์ยังลุกลามจนต้องสั่งย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเข้ากรุ พร้อมมีการโยนความผิดไปยัง “มท.1” คนก่อนว่าเป็นผู้แต่งตั้ง

ยังมีแรงกดดันให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้เสียชีวิตทั้งทหารและประชาชน มูลค่า 8-10 ล้านบาทอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ต้องสร้างความเป็นธรรม และขจัดคำครหาให้แก่การเสียสละชีวิตและร่างกายของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะทหาร-ตำรวจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ที่ต่อสู้ปกป้องอธิปไตยเช่นกัน

อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกผลักขึ้นมาเรียกร้องอย่างจริงจังคือ การยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับที่ 43 และ 44 ซึ่งถูกมองว่าอาจเปิดช่องให้ตีความเสียเปรียบต่อไทย ทั้งการยอมรับพื้นที่ทับซ้อนอย่างถาวร หรือเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ร่วมในทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลซึ่งอุดมไปด้วยพลังงานและทรัพยากรที่มีมูลค่าสูง การคงไว้ซึ่ง MOU ที่ถูกตั้งคำถามถึงความชอบด้วยกฎหมาย อาจกลายเป็นการสูญเสียโอกาสสำคัญในการปกป้องอธิปไตยของชาติ

นอกจากนี้ยังคำถามเรื่อง “ความจริงใจ ของรัฐบาล ว่าจัดการ“ฮุน เซน” แบบจริงจังหรือไม่ ที่ประกาศว่าจะดำเนินคดีแพ่งและอาญาในศาลไทย หลังจากไม่สามารถฟ้องต่อศาลโลกได้ เพราะไทยไม่ใช่สมาชิก เนื่องจากพ่อนายกฯ กัมพูชาเป็นผู้บัญชาการรบจนทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย แต่หลายเสียงมองว่าเป็นเพียงการ “เล่นตามกระแส” ก่อนจะปล่อยให้เรื่องค่อยๆ เงียบหายไป

รวมถึงข้อเรียกร้องให้รัฐบาลถอดถอนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ “ฮุน เซน” สมัยเป็นนายกฯ กัมพูชา ที่ได้รับในยุค “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกฯ เมื่อปี 2544 ซึ่งเป็นที่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเป็นผู้เสนอขอพระราชทานเป็นกรณีพิเศษ แต่สุดท้ายกลับมาทำร้ายประเทศไทย เช่นเดียวกับข้อครหาความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ของสองตระกูล “ชินวัตร-ฮุน” ที่นำมาซึ่งข้อครหาว่าเป็นการ “ชักศึกเข้าบ้าน” จนเกิดความเสียหายและสูญเสียอย่างมหาศาล

ตราบาปเหล่านี้เป็นโจทย์ที่รัฐบาลเพื่อไทยยากจะลบล้างได้ ในเมื่อมี “สทร.” เป็นผู้ครอบงำรัฐบาล เช่นเดียวกับการทำงานของรัฐบาล นอกจากไม่สลัดเงาทักษิณแล้ว ยังเลือกใช้วิธีเบี่ยงประเด็นไปโจมตีฝ่ายตรงข้าม เช่น การเดินหน้าเพิกถอนที่ดินเขากระโดงเพื่อกลบกระแสความล้มเหลวของตัวเอง หรือการโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย สายตรงข้ามทางการเมืองอย่างแข็งกร้าว ต่างจากท่าทีต่อสู้กับกัมพูชา จนถูกประชดว่า “มะเขือเผา”

สถานการณ์ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์เชิงลบ เมื่อในช่วงที่ประชาชนยังเผชิญความไม่สงบและกังวลต่อสงคราม รัฐบาลภายใต้การนำ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กลับมีการผลักดันให้การพนันโป๊กเกอร์ถูกกฎหมายโดยที่ชาวบ้านไม่รู้ตัว

ทั้งหมดนี้คืองานยากที่รัฐบาลเพื่อไทยต้องเผชิญและแก้ไขภายใต้วิกฤตศรัทธาและแรงกดดันทั้งในและนอก นักวิเคราะห์การเมืองบางส่วนประเมินว่า นี่อาจเป็นสัญญาณ “อวสานตระกูลชินวัตร” ในเร็วๆ นี้

โดยเฉพาะเมื่อคดีสำคัญกำลังนับถอยหลังเข้ามาภายในเดือน ส.ค.-ต้น ก.ย.นี้ เริ่มที่คดีของ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญกรณีคลิปเสียงอังเคิล ถือเป็นหนึ่งในจุดชี้ชะตา หลายฝ่ายมองว่ามีโอกาสเข้าข่าย “ไม่ซื่อสัตย์สุจริต” และ “ผิดจริยธรรมร้ายแรง” ในข้อกระทำไม่เหมาะสมแก่ “เกียรติศักดิ์ตำแหน่งผู้นำประเทศ”

ข้อแก้ต่างที่ว่า “ฮุน เซน” ไม่มีหน้าที่ในฝ่ายบริหาร อาจยากจะรับฟังได้ เพราะในความเป็นจริง แม้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา แต่ถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดของกัมพูชา

ส่วนข้ออ้างไม่รู้ว่าถูกอัดคลิปและไม่คาดคิดว่าจะถูกเผยแพร่ ก็ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องมีวิจารณญาณสูง และตระหนักถึงความอ่อนไหวของการสนทนาระหว่างประเทศ

ประเด็นสำคัญของคดีนี้อยู่ที่ว่า คำพูดและเนื้อหาในคลิปเหมาะสมกับฐานะผู้นำสูงสุดทางการบริหารของไทยหรือไม่ ที่ไปดูหมิ่นแม่ทัพภาคสอง และ “อังเคิลต้องการอะไรบอกมา เดี๋ยวหลานจัดให้”

หากศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย แม้วันนี้ “นายกฯ อิ๊งค์” จะไม่ลาออก แต่หากประเมินแล้วไม่รอด ก็อาจเลือกชิงลาออกก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจารึกในประวัติศาสตร์การเมืองว่าเป็นผู้นำที่ขาดความ "ซื่อสัตย์สุจริต” และ “ผิดจริยธรรมร้ายแรง” เช่นเดียวกับอดีตนายกฯ คนก่อน

ขณะที่วันที่ 9 ก.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาคดีชั้น 14 เพื่อตัดสินว่า “ทักษิณ ชินวัตร เคยถูกจำคุกจริงหรือไม่ หลังการสืบพยานที่ผ่านมาไม่ค่อยเป็นคุณ และพบข้อพิรุธมากมายว่าอาจเป็นป่วยทิพย์ หรือนักโทษเทวดา

ฉะนั้น ศาลฎีกาฯ ชี้ว่ายังไม่เคยถูกจำคุก ก็อาจต้องกลับไปติดคุกของจริง การขอพักโทษที่ทำไปก่อนหน้านั้นก็จะกลายเป็นโมฆะหรือไม่ เว้นแต่เจ้าตัวจะเลือกใช้วิธีหลบหนีคดีไปต่างประเทศซ้ำเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา และปล่อยให้บริวารลิ่วล้อติดคุกแทน

หากฉากทัศน์ของนายกฯ และพ่อนายกฯ เป็นดังที่ประเมินไว้ นอกจากปิดฉากเส้นทางการเมืองของ “ตระกูลชินวัตร” แล้ว แรงสั่นสะเทือนยังกระทบไปถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เข้าสู่โหมดล่มสลายหรือแพแตกเช่นกัน.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

ทักษิณ เสี่ยงนับโทษใหม่ ศาลรธน.คดีอิงค์ รอดยาก ชิงลาออกก่อนวันลงมติ?

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สิ่งที่หยั่งรากอยู่ใน‘อุปนิสัย’ของ‘สมเด็จฮวยเซ็ง’!!!

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กว่าจะได้เข็มกลัดธงชาติไทย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เขมรโกงนานาชาติ รับเงินกู้กับระเบิดมาทำ ร้ายไทยโดนไปอีก3นาย/ค้นภูมะเขือเจอเพียบ!

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ตร.CIB รวบเครือข่ายยาเสพติดสายใต้ ก่อนลำเลียงสู่ภาคใต้

TNews

4 ผลไม้ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มีอะไรบ้างที่กินประจำ?

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

4 ผลไม้บำรุงหัวใจ กินง่าย อร่อย สุขภาพดีเริ่มต้นได้ด้วยผลไม้ใกล้ตัว

TNews

กรมอุตุฯ เผยพยากรณ์อากาศรายภาค 7 – 13 ส.ค. 68 เตรียมรับมือสภาพอากาศ

TNews

เช็กสภาพอากาศ 15 วันจากนี้ กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักหลายพื้นที่

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

สภาพอากาศวันนี้ -15 ส.ค.ไทยฝนฉ่ำ กทม.ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60 – 80 %

ฐานเศรษฐกิจ

ทักษิณ เสี่ยงนับโทษใหม่ ศาลรธน.คดีอิงค์ รอดยาก ชิงลาออกก่อนวันลงมติ?

ไทยโพสต์

เขมรโกงนานาชาติ รับเงินกู้กับระเบิดมาทำ ร้ายไทยโดนไปอีก3นาย/ค้นภูมะเขือเจอเพียบ!

ไทยโพสต์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...