“พารากอนเเคร์” เปิดตัวพรีเซนเตอร์ ชิงตลาดความงาม 7.6 หมื่นล้าน.
บริษัท ควอนตั้ม เฮลท์แคร์ ไทยแลนด์ ผู้นำเข้าเครื่องมือแพทย์ด้านความงามตลาดเมืองไทยมานานกว่า 10 ปี ประกาศทรานส์ฟอร์มครั้งสำคัญ ยกระดับเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท พารากอนเเคร์ (ไทยเเลนด์) จำกัด (ParagonCare (Thailand) Co.,Ltd) เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจภายใต้สำนักงานใหญ่ บริษัท พารากอนแคร์ กรุ๊ป (ParagonCare Group) ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นกลุ่มบริษัทเฮลท์แคร์ ดำเนินธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ที่มีผลประกอบการในปี 2567 ที่ผ่านมากว่า 3,300 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
โดย บริษัท พารากอนแคร์ (ไทยแลนด์) จำกัด จะยกระดับเพิ่มความแข็งแกร่งไปอีกขั้น พร้อมรองรับการขยายพอร์ตธุรกิจต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ ‘Diversification & Market Penetration’ ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผลักดันให้พันธมิตรทางธุรกิจเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน
พร้อมเดินหน้ารุกตลาดความงาม ด้วยการเปิดตัว ‘เจมีไนน์’ นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์ พรีเซนเตอร์ ULTRAFORMER MPT คนแรกของไทย และ‘โฟร์ท’ ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล พรีเซนเตอร์ VOLNEWMER คนแรกของไทย สำหรับถ่ายทอดภาพลักษณ์และขยายฐานสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ของตลาด ด้สสนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ด้านความงาม โดดเด่นและเป็นผู้นำในกลุ่มของ การยกกระชับผิว (Skin Lifting) แบบไม่ผ่าตัด (Non-Surgical)
ทั้งนี้ บริษัท พารากอนเเคร์ (ไทยเเลนด์) จำกัด ได้จัดงาน ParagonCare Grand Launch in Thailand ‘Refining New Gen Beauty’ สร้างปรากฏการณ์มิติใหม่ของนิยามความงามสุดยิ่งใหญ่ ในคอนเซปต์ Consumer Event พร้อมชูจุดเด่นเครื่องเครื่องมือทางการแพทย์ด้านความงาม ของบริษัท CLASSYS อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
นายเซอค ซังยุบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พารากอนเเคร์ (ไทยเเลนด์) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้นำในกลุ่มนำเข้าเครื่องมือแพทย์ด้านความงามเมืองไทยกว่า 10 ปี ได้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของ พารากอนแคร์ ประเทศไทย ที่มีความพร้อมทุกมิติในการสนับสนุนเพิ่มขีดความสามารถให้พันธมิตรทางธุรกิจมีความแข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดความงามทั่วโลกในระยะยาว ตอบโจทย์ปัญหาด้านความงามอย่างครบวงจร
อีกทั้งมุ่งเน้นเรื่องราคาที่สมเหตุสมผล รวมถึงสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ การให้การดูแลและบริการลูกค้าด้วยการบริการคุณภาพสูง ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอบรมผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลจากบริษัทผู้ผลิต รวมถึงเครื่องมือตรวจวัดที่ผ่านการสอบเทียบตามมาตรฐานสากลเป็นประจำทุกปี
ด้าน นางสาวอุมาภรณ์ เมธเมาลี ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจความงาม บริษัท พารากอนเเคร์ (ไทยเเลนด์) จำกัด กล่าวว่า ตลาด Medical Aesthetics ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับการทำหัตถการแบบไม่ผ่าตัด และหัตถการแบบผ่าตัดเล็กน้อย ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการรักษาที่ปลอดภัย มีระยะเวลาการฟื้นตัวสั้น และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดังนั้น จึงมีนโยบายที่มุ่งเน้นคุณภาพและการบริการ พร้อมทั้งความมุ่งมั่นและทุ่มเททำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2567 มีมูลค่ายอดขายกว่า 1,500 ล้านบาท ทั้งยังมุ่งหวังว่าในปี 2568 จะเติบโตไปสู่ 2,000 ล้านบาท
จากทิศทางภาพรวมตลาดโลกของเครื่องมือแพทย์ด้านความงามยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของการรวมกิจการและมุ่งหวังการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่ม บริษัทพารากอนแคร์ ไทยแลนด์ จึงมุ่งเน้นขยายธุรกิจของบริษัท ภายใต้กลยุทธ์ ‘Diversification & Market Penetration’ ดังนี้
1. การเพิ่มสินค้า (Product Expansion/Line Extension) เพื่อเพิ่มยอดขายต่อคลินิก/ลูกค้าเดิม (Upselling & Cross-selling)
2. การเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Penetration) เพื่อเพิ่ม % Market Share ในกลุ่มเป้าหมายเดิม
3. การขยายไปยัง Segment ใหม่ (Market Development & Segmentation Expansion) แสวงหาโอกาสในกลุ่มลูกค้าใหม่ หรือ Segment ใหม่ของธุรกิจความงาม เช่น เวชสำอาง (Cosmeceutical), Wellness & Anti-aging, Beauty Tech และอื่นๆ
สำหรับการขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ เน้นกลุ่มวัยรุ่นถึงวัยทำงาน สื่อสารส่งต่อแนวคิดเข้าถึงไลฟ์สไตล์และขยายสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ยังสะท้อนภาพความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องมือแพทย์ด้านความงามเมืองไทยได้อย่างแท้จริง
โดยคาดการณ์ตลาดธุรกิจศัลยกรรมตกแต่งและความงามของไทยในปี 2568 มีมูลค่าจะแตะระดับ 76,500 ล้านบาท เติบโต 2.8% จากปีก่อน จากการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่ารักษาและค่าบริการที่ปรับสูงขึ้น นอกจากนั้นในปี 2568 คาดว่าส่วนแบ่งมูลค่าตลาดของกลุ่มคลินิกอยู่ที่ 85% ลดลงจาก 90% ในปี 2564 เนื่องมาจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลจะมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 15% เนื่องจากจำนวนลูกค้าต่างชาติที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจุดแข็งด้านมาตรฐานการรักษาและชื่อเสียงของศัลยแพทย์ ซึ่งปัจจุบันมีคลินิกความงาม 7,000 แห่งทั่วประเทศ เฉพาะในกทม. 2,000 แห่ง