‘Microsoft’ จ่อแตะ 4 ล้านล้านดอลลาร์! ผลประกอบการ ‘ทะลุเป้า’ คลาวด์โต 39%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัท “ไมโครซอฟท์” (Microsoft) เตรียมขึ้นเป็น “บริษัทที่สองของโลก” ที่มีมูลค่าตลาดแตะ 4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 130 ล้านล้านบาท หลังจากรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ “เหนือความคาดหมาย” ของวอลล์สตรีท ส่งผลให้หุ้นพุ่งขึ้นถึง 9% ไปสู่ระดับกว่า 560 ดอลลาร์ในการซื้อขายช่วงดึกที่นิวยอร์ก จ่อมีมูลค่าตลาดแตะ 4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยก่อนหน้านั้น “Nvidia” ผู้ผลิตชิปประมวลผลกราฟิก กลายเป็นบริษัทแรกที่ทำสถิตินี้ได้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
สำหรับเครื่องยนต์ของไมโครซอฟท์ที่นักลงทุนชื่นชอบ คือ การเติบโตของ “ธุรกิจคลาวด์” ที่ผลประกอบการออกมาสูงกว่าคาดการณ์ มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 39% ซึ่งเหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 34% อย่างเห็นได้ชัด
ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ว่า ไมโครซอฟท์ซึ่งอาจเป็นผู้ใช้จ่ายรายใหญ่ที่สุดในยุค AI กำลังเริ่มเห็น “ผลตอบแทน” ในรูปแบบของยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ในการประชุมร่วมกับนักวิเคราะห์ สัตยา นาเดลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า “Copilot” ซึ่งเป็นแชทบอทที่บริษัททำการตลาดให้กับบุคคลทั่วไป ธุรกิจ และนักพัฒนา มีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านรายต่อเดือน นาเดลลากล่าวว่า มีลูกค้าประมาณ 800 ล้านรายที่โต้ตอบกับฟีเจอร์ AI ที่กระจายอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไมโครซอฟท์
เขากล่าวว่า“Microsoft 365 Copilot” กำลังกลายเป็นวิธีใหม่ในการจัดระเบียบการทำงาน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้นำเครื่องมือ AI รวมถึงเครื่องมือที่ขับเคลื่อนโดย OpenAI มาใช้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยหวังว่า แชทบอทที่โต้ตอบได้และเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติที่ทรงพลังจะช่วยเพิ่มยอดขายซอฟต์แวร์ และบริการคลาวด์ของบริษัท
แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งนี้มาพร้อมกับต้นทุนที่สูงลิ่ว เนื่องจากไมโครซอฟท์กำลังเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการฝึกอบรม AI เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) และเครื่องมือต่างๆ
ไมโครซอฟท์เผยว่า จะใช้จ่าย “มากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์” ในไตรมาสปัจจุบัน เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนบริการ AI ของบริษัท ซึ่งจะมากกว่าค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอย่างน้อย 50%
ด้านนักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ได้แก่ อานูรัก รานา และแอนดรูว์ จิราร์ด เขียนในบทวิเคราะห์ว่า “การเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจคลาวด์ Azure ในไตรมาสนี้ อาจช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการใช้จ่ายลงทุนที่สูงขึ้นของบริษัทได้”
พวกเขายังคาดการณ์ว่า “สิ่งนี้จะทำให้ไมโครซอฟท์มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ในการลงทุนในธุรกิจ AI โดยการใช้จ่ายน่าจะเอนเอียงไปทางสินทรัพย์ระยะสั้น เช่น เซิร์ฟเวอร์และ GPU มากขึ้น”
ในขณะเดียวกัน คู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของบริษัทในด้านบริการคลาวด์อย่าง Amazon.com และ Alphabet ก็ได้ประกาศแผนการขยายธุรกิจครั้งใหญ่เช่นกัน
สำหรับยอดขายรวมของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้น 18% เป็น 7.64 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ โดยมีกำไรสุทธิ 3.65 ดอลลาร์ต่อหุ้น ด้านนักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยคาดการณ์รายได้ที่ 7.39 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นที่ 3.37 ดอลลาร์
ทั้งนี้ วอลล์สตรีทส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นไมโครซอฟท์ โดยมีนักวิเคราะห์ 65 จาก 72 รายให้คำแนะนำ “ซื้อ” และมีเพียง 1 รายให้คำแนะนำ “ขาย” ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยบลูมเบิร์ก
อ้างอิง: bloomberg, bloomberg(2)