‘ณัฐวุฒิ’ เชื่อ ‘อิ๊งค์’ จ้อ ‘ฮุน เซน’ ไร้เจตนาขายชาติ ชี้ กัมพูชาตั้งใจละเมิดข้อตกลง
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคดีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม กับสมเด็จฮุน เซน ของกัมพูชา ที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากผลการวินิจฉัยไม่เป็นคุณ จะมีแผนรับมืออย่างไรบ้าง ว่าตนคงตอบแผนรับมือในนามรัฐบาลไม่ได้ แต่ทรรศนะส่วนตัว เชื่อมั่นโดยบริสุทธิ์ใจว่าเจตนา เนื้อหาสาระ และวิธีการที่ น.ส.แพทองธาร ใช้หารือทางโทรศัพท์กับสมเด็จ ฮุน เซน ในวันนั้น ไม่ได้เป็นเจตนาทำลายประเทศ หรือขายชาติขายแผ่นดิน หรือยกอธิปไตยของแผ่นดินไทยไปให้ใครเขา
ตนเองเชื่อมั่นมากเข้าไปอีกว่า เจตนาของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะผู้นำทั้งหลาย ไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่ต้น ถ้าเราฟังคำชี้แจงของทั้งกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศต่อคณะทูตนานาชาติ ทั้งวันที่ 1 และ 4 ส.ค. จะชัดเจนว่า คำชี้แจงของไทยเป็นเอกภาพ และส่อแสดงเจตนาของอีกฝ่ายว่า ประสงค์จะให้เกิดความขัดแย้งในแนวชายแดนตั้งแต่ต้นปี ที่มีการจัดมวลชนไปร้องเพลงชาติ สร้างเงื่อนไขต่าง ๆ รวมทั้งการวางทุ่นระเบิด และฉีกทุกสนธิสัญญา ข้อตกลง เพื่อนำพาสถานการณ์มาถึงจุดนี้ให้ได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เมื่อมีข่าวว่าแรงงานชาวกัมพูชาหลั่งไหลกลับประเทศ ก็ฉุกใจคิดอีกว่า ในช่วงที่ยังไม่มีสถานการณ์ปะทะใด ๆ ที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่า จะไม่บานปลายรุนแรง สมเด็จ ฮุน เซน ได้เคยเรียกแรงงานกัมพูชากลับประเทศมาแล้ว โดยอ้างว่า เดี๋ยวมันจะมีเหตุรุนแรงตามมา หากมองย้อนกลับไป สงสัยว่า ท่านรู้มาตั้งแต่ต้นหรือไม่ว่า ในที่สุดจะมีการใช้กำลังกัน และถ้ารู้ตั้งแต่ต้น ก็ดูวิธีเดินเกมของท่าน ก็คิดว่าเป็นคำตอบอยู่ในตัวเองแล้วหรือเปล่า
วันนี้ความสามัคคีเป็นเอกภาพของคนไทย สำคัญและจำเป็นมาก ๆ ในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ เราไม่สามารถคาดเดาแนวทางของอีกฝ่ายได้เลย เพราะไม่ยืนอยู่บนหลักการใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ยืนอยู่บนหลักเหตุผลอย่างที่ควรจะเป็น ยาวนานต่อเนื่องจนปัจจุบัน ถ้าจะบอกว่า นี่เป็นการพูดจาเรื่อยเปื่อยเลื่อนลอย ผมคิดว่าไม่ใช่ ผมคิดว่า นี่เป็นเรื่องยุทธศาสตร์ เขาต้องการสร้างเส้นเรื่องของเขาเอง จะปั้นน้ำเป็นตัวแค่ไหนก็ตาม แต่ทุกที่ ทุกเวที เขาจะเล่าตรงกันแบบนี้ทุกระดับ และสิ่งที่ทางการไทยจะต้องไปเจอ คือความจริงที่เราอดทนสร้างและรักษามาด้วยความชอบธรรม ต้องไปเจอกับความเท็จของเขาทุกเวทีเช่นกัน
ดังนั้นถ้าในประเทศไทยขาดเอกภาพทางความคิด ขาดความสามัคคี และมีการปล่อยข่าวลือสร้างความสับสนเรื่อย ๆ ข่าวลือนั้นจะเป็นเครื่องมือของอีกฝ่ายเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของข้อมูลจากประเทศไทย ดังนั้นตนเองคิดว่าไม่จำเป็นต้องมาเชียร์รัฐบาล ชื่นชมรัฐบาล แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเป็นทีมประเทศไทย และมองว่า รัฐบาลกับกองทัพเป็นคนละส่วนไม่ได้ เพราะเป็นเอกภาพมาตั้งแต่ต้น ผ่านการบริหารงานของ ศบ.ทก. ที่มีผู้นำทุกเหล่าทัพทำหน้าที่อยู่แล้ว ถ้าคนไทยสมัครสมานสามัคคี เกมโกหกพกลมใด ๆ ก็ทำอะไรเราไม่ได้ แต่ถ้าเราแตกแยกให้เขาฉวยโอกาสได้แล้ว ก็น่าห่วงใย
ส่วนหากการกระทำของ น.ส.แพทองธาร แม้จะไม่มีเจตนายกอธิปไตยของประเทศ แต่อาจถูกตัดสินว่า มีความผิดทางจริยธรรม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คำว่าจริยธรรมสำหรับตนเอง มันกว้างไกลเหลือเกิน และเมื่อเป็นเรื่องจริยธรรม ก็ไม่คิดว่าจะมีกระบวนการตุลาการใด ๆ มาเป็นผู้ตัดสินด้วยซ้ำ นี่คือหลักการ แต่เมื่อกฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ขอรอให้ถึงวันนั้น คงไม่แสดงความคิดเห็นอะไรไปก้าวก่ายการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ได้แสดงความคิดเห็นในหลักการไปแล้ว