โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ฟ้องเขมรฆ่าคนไทย ครม.สั่งฟันอาญา-แพ่ง/ไฟเขียวกริพเพน-เรือดำน้ำเสริมทัพ

ไทยโพสต์

อัพเดต 6 สิงหาคม 2568 เวลา 4.41 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ครม." ไฟเขียวซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพน 1 ฝูงบิน 4 เครื่อง พร้อมเรือดำน้ำ "ทอ." เตรียมลงนามสัญญากับสวีเดน 25 ส.ค.นี้ "ภูมิธรรม" อุบแจงรายละเอียด บอกเป็นความลับทางราชการ อ่านแถลงการณ์รัฐบาล แสดงความเสียใจสุดซึ้งต่อการสูญเสีย อนุมัติงบ 404.6 ล้านเยียวยาเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา เคาะเกณฑ์ทหารเสียชีวิตช่วยเหลือ 10 ล้าน ปชช. 8 ล้าน สั่งรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องอาญา-แพ่ง กัมพูชาเปิดฉากยิงคนไทย ลั่นต้องนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ "ณัฐพล" ชี้ไทยยื่น 8 ข้อเสนอหารือ GBC ขอประชาชนมั่นใจจะไม่ทำให้ไทยเสียประโยชน์ "ทบ." นำคณะ ICRC เยี่ยม 18 เชลยศึก "กัมพูชา" ไม่เลิกปูดเฟกนิวส์ไทยหมายหัว 2 พ่อลูกตระกูลฮุน "มทภ.2" รับมอบเสื้อยันต์พระอาจารย์ธรรมโชติ บ้านบางระจัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 5 ส.ค.2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการนำเรื่องจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนของกองทัพอากาศเข้าพิจารณาว่า น่าจะมี ตนได้เซ็นผ่านเข้า ครม.ไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือก็เป็นเรื่องที่ค้างก่อนที่ตนจะออกมาจากตำแหน่ง รมว.กลาโหม ซึ่งจะได้จบไป

"ผมได้จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว อยู่ที่ ครม.จะพิจารณาเรื่องสัญญาหรืออะไรต่างๆ ให้จบ เขาจะได้มีการปรับแผนของเขาให้เรียบร้อย" นายภูมิธรรมกล่าว

ถามถึงกรณีบางศูนย์อพยพให้ประชาชนกลับบ้านเนื่องจากจะปิดศูนย์อพยพ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่จริง ทางทหารยังไม่อนุญาตให้เข้าไป หากมีความบกพร่องหรือการบริหารจัดการที่ไม่ถูกต้อง ก็พิจารณาว่าใครที่ทำให้เกิดปัญหาโดยตั้งใจ แต่ถ้าไม่ตั้งใจค่อยมาว่ากัน ซึ่งไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรให้เกิดปัญหา

มีรายงานว่า ในประชุม ครม.ที่มีนายภูมิธรรมเป็นประธาน มีมติเห็นชอบในการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน 1 ฝูงบิน จำนวน 4 เครื่อง พร้อมกับเรือดำน้ำ ตามที่กองทัพอากาศและกองทัพเรือเสนอ ทั้งนี้ ภายหลังที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบเสร็จสิ้น ในห้องประชุม ครม.ได้มีการเก็บเอกสารดังกล่าวทันที ไม่มีการแถลงข่าวและเปิดเผยรายละเอียดในมติดังกล่าวแต่อย่างใด

หลังประชุม ครม. นายภูมิธรรมได้อ่านแถลงการณ์รัฐบาลว่า คำแถลงการณ์รัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤต เดินหน้าไปด้วยกัน” พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ก้าวผ่านสถานการณ์สำคัญสองประการที่ท้าทายและส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ เราเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่เดือน ก.พ.2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้อดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ การนำเสนอข่าวปลอมที่ทำลายความไว้วางใจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ที่สำคัญรัฐบาลยึดมั่นในการเลือกใช้แนวทางสันติวิธีภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และตามหลักมนุษยธรรมมาโดยตลอด

พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน เราชาวไทยมีเอกลักษณ์ที่สืบทอดกันมา คือความเป็นคนที่รักสงบ อยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความเข้าใจในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่มีต่อกันและกัน แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งที่นำไปสู่การสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ด้วยปฏิบัติการที่ไร้มนุษยธรรม รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินมาตรการตอบโต้ในทันที ทั้งทางการทหาร การข่าว และการต่างประเทศ อย่างรอบด้านและเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตของประชาชนในชาติ และทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้เหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนได้สิ้นสุดลงแล้วเบื้องต้น และได้เริ่มเข้าสู่การเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันผ่านการประชุม GBC ตามหลักสันติวิธี ซึ่งประเทศไทยของเราได้ยึดมั่นมาโดยตลอด

ไฟเขียวซื้อกริพเพน-เรือดำน้ำ

"รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว และพี่น้องประชาชนทุกท่านในจังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งแม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหาร เจ้าหน้าที่ราชการที่เสียชีวิต รวมรายละ 10,000,000 บาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8,000,000 บาท พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชน" นายภูมิธรรมกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงรายละเอียด ครม.อนุมัติซื้อเครื่องบินกริพเพนและเรือดำน้ำ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ครม.ได้รับทราบ ก็ต้องไปว่ากันตามระเบียบตามกฎหมาย เรื่องนี้ตนขอไม่คุย

ซักว่าจะใช้คำว่า ครม.อนุมัติเลยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่คุยๆ สองเรื่องนี้ไม่คุย เมื่อถามว่าหลังจากนี้ทางกองทัพขอยุทโธปกรณ์เพิ่ม นายภูมิธรรมกล่าวทันทีว่า เรื่องนี้ไม่คุย กองทัพกำลังรบกันอยู่ เป็นเรื่องความลับทางราชการ ไม่คุยเกี่ยวกับเรื่องเครื่องมือยุทโธปกรณ์ใดๆ ทั้งนั้น

ย้ำว่าแต่ก็รับทราบตามแนวทางของกองทัพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมยกสองมือขึ้นมาโบกพร้อมกล่าวว่า ไม่คุยๆ ถ้าไม่มีเรื่องอื่นจะไปแล้ว

ด้าน พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวว่า ครม.ได้อนุมัติหลักการโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง (วงเงิน 19,500 ล้านบาท) และยังได้มอบหมายให้ตนไปลงนามกับบริษัท SABB รวมถึงหัวหน้าหน่วยด้านยุทธภัณฑ์ทางทหาร โดย รมว.กลาโหมสวีเดนเข้ามาร่วมในพิธีลงนามในฐานะสักขีพยาน ซึ่งพิธีจะจัดขึ้นในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ที่ประเทศสวีเดน ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแนวทางที่กำหนด

"ทอ.ได้เตรียมการในเรื่องของสัญญาไว้หมดแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและกรอบกติกาสากลของสหประชาชาติ และเป็นไปตามระยะเวลาเหมาะสม ไม่มีสิ่งใดต้องน่ากังวล ซึ่งรัฐบาลก็เข้าใจในเรื่องของความมั่นคง" ผบ.ทอ.กล่าว

เช่นเดียวกับ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขสัญญาในการเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ครม.ได้อนุมัติแล้ว ส่วนเรือฟริเกตซึ่งมีการแก้ไขให้อนุมัติหลัก 2 ลำนั้น ก็เป็นสิ่งที่ ทร.เสนอ ต้องรอฟังผลที่ออกมาเป็นอย่างไร โดยจะให้ทางกองประชาสัมพันธ์ ทร. ทำรายละเอียดชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.เห็นชอบแก้สัญญาโครงการเรือดำน้ำ Yuan Class รุ่น S26T ที่ไทยลงนามรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับประเทศจีน เปลี่ยนใช้เครื่องยนต์จีน CHD 620 จากเดิมเครื่องยนต์เยอรมัน MTU 396 พร้อมแก้ไขขยายเวลาต่อเรือไปอีก 1,217 วัน ทั้งนี้ กองทัพเรือได้ลงนามในสัญญากับบริษัท CSOC สาธารณรัฐประชาชนจีนให้ต่อเรือดังกล่าวเมื่อปี 2560 แต่ติดปัญหาที่ทางจีนไม่สามารถหาเครื่องยนต์ MTU 396 ของเยอรมนีที่ระบุไว้ตามสัญญามาติดตั้งให้ได้ ทำให้การต่อเรือต้องหยุดชะงักไปในช่วงปี 2564 โดยปัจจุบันดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว 64% อนุมัติจ่ายเงินไปแล้ว 10 งวด จากทั้งหมด 18 งวด วงเงินรวม 7,700 ล้านบาท และยังคงค้างจ่าย 40% วงเงิน 5,500 ล้านบาท

ฟ้องอาญา-แพ่งเขมรยิง ปชช.

ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า นายภูมิธรรมมีข้อสั่งการใน ครม. เรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมายจากกรณีที่กัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์รุกรานอธิปไตยของไทย จนเกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพล และทางราชการเป็นจำนวนมาก โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ทั้งในประเทศและระดับโลก รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ด้วย

ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นหน่วยงานหลัก ดำเนินการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และอื่นๆ โดยให้เชิญเลขาธิการกฤษฎีกาเข้าร่วมประชุม เพื่อช่วยให้คำแนะนำทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายดังกล่าวโดยเร็วที่สุด เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ รวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าว ทั้งแจ้งให้ประชาชนผู้เสียหายทราบถึงสิทธิในการฟ้องร้องคดีอาญาและฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้สั่งการด้วย

นอกจากนี้ นายภูมิธรรมยังมีข้อสั่งการถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้มีการหยุดยิงแล้ว โดยขณะนี้การประชุม GBC ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ก็กำลังดำเนินการกันอยู่ ในช่วงวันที่ 4-7 ส.ค. แต่ยังมีภารกิจภายในประเทศที่หลายหน่วยงานยังต้องดำเนินการ คือ การเก็บกู้วัตถุระเบิดที่กองทัพกัมพูชายิงเข้ามา และยังมีหลงเหลืออยู่ในชุมชนและพื้นที่ของพลเรือน ขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคงดำเนินการด้วยความระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทั้งกับเจ้าหน้าที่และประชาชน

นายจิรายุกล่าวว่า ในส่วนโดรนที่บินเข้ามามากผิดปกติ และฝ่าฝืนข้อห้ามที่ทางการประกาศไว้ ขอให้สำนักงานการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม ร่วมกับฝ่ายความมั่นคง จัดระบบการรับแจ้งเหตุจากประชาชน และตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้เร่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดทันที พร้อมให้ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย เร่งประเมินสถานการณ์ร่วมกับ ศบ.ทก.ของรัฐบาล และกองทัพ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนทยอยให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย

"เรื่องการเผยแพร่ข่าวปลอม (Fake News) ซึ่งไทยถูกโจมตีทางออนไลน์จากการเผยแพร่ข่าวปลอมฝ่ายตรงข้าม ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนรับฟังข่าวสารด้วยความระมัดระวัง ให้ตรวจสอบก่อนที่จะส่งต่อข่าวหรือข้อมูล หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องมีการมอบหมายผู้ติดตามข่าวสารตลอดเวลาเมื่อพบ Fake News จะได้แก้ไข ชี้แจงและตอบโต้ได้อย่างให้ทันท่วงที รวมทั้งให้กระทรวงดีอีประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ และดำเนินการตรวจติดตาม Fake News ที่ถูกเผยแพร่ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดโดยเร็ว รวมทั้งประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามกฎหมายในกรณีที่มีความจำเป็นด้วย" โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ

นายจิรายุกล่าวด้วยว่า ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตามข้อเสนอของ สมช. โดยเจ้าหน้าที่รัฐ (ทหาร, ทหารพราน, ตำรวจ, ตชด.) เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ 10 ล้านบาท, บาดเจ็บสาหัส 1 ล้านบาท, บาดเจ็บมาก 5 แสนบาท ประชาชนทั่วไป เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ 8 ล้านบาท, บาดเจ็บสาหัส 8 แสนบาท, บาดเจ็บมาก 4 แสนบาท

"ครม.อนุมัติกรอบวงเงินรวม 404.6 ล้านบาท สำหรับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระหว่างวันที่ 16 ก.ค.-2 ส.ค.2568 โดยแบ่งการเบิกจ่ายจาก 2 แหล่ง ได้แก่ งบกลางเพื่อแก้ไขและเยียวยาความเดือดร้อนในบางกรณีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับบริจาคและช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม" นายจิรายุกล่าว

GBC ไม่ทำให้ไทยเสียประโยชน์

ส่วน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และรักษาการ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา หรือ GBC หลังจากฝ่ายเลขานุการ 2 ฝ่ายได้ประชุมเป็นวันที่สองว่า จากที่ได้ติดตามเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ค่อยมีเรื่องมาเสนอมากนัก แต่ฝ่ายไทยได้เตรียมการไว้ 8 ข้อ โดยฝ่ายเลขาฯ กัมพูชาได้รับขอเสนอไปพิจารณา และปรึกษากับผู้บังคับบัญชา เนื่องจากทางฝ่ายกัมพูชาก็มาเฉพาะ ระดับเลขานุการเช่นกัน ซึ่งตามกรอบ GBC ช่วง 4-6 ส.ค. เป็นการประชุมของกองเลขาฯ สองฝ่าย

ถามว่า ข้อเสนอ 8 ข้อแตกต่างจากข้อตกลงในระดับพื้นที่ 7 ข้ออย่างไร พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เป็นการลงในรายละเอียดจากข้อตกลงเดิม ส่วนกรณีที่ทางกัมพูชามีความเคลื่อนไหวในลักษณะการเคลื่อนกำลังเข้าประชิดชายแดนในระหว่างการประชุม GBC ก็จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมด้วย แต่ขอไม่พูดในรายละเอียด ซึ่งจะนำประเด็นที่เป็นข้อห่วงใยทั้งหมดเข้าไปหารือร่วมกัน

พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ข้อห่วงใยที่กองทัพและรัฐบาลฝากให้ไปหารือกับทางกัมพูชานั้น ในกองเลขาฯ GBC มีผู้แทนของรัฐบาล เหล่าทัพ รวมทั้งกองทัพบกอยู่ด้วย เพื่อร่วมกันพิจารณาว่า หากกัมพูชาเสนอเรื่องใดมาทางฝ่ายไทยจะยอมรับได้หรือไม่ ซึ่งโดยหลักการหากกัมพูชาเห็นด้วยกับข้อเสนอ 8 ข้อของไทย ก็ถือว่าผ่าน และเข้าสู่ที่ประชุมหลักในวันที่ 7 ส.ค. โดยก่อนการประชุมหลักทางกองเลขาฯ ก็จะกลับมาไทย เพื่อให้ สมช.เห็นชอบ ก่อนลงนามในวันประชุมหลักต่อไป แต่หากข้อเสนอทั้ง 8 ข้อที่ฝ่ายไทยเสนอไปทางกัมพูชายอมรับได้เพียงบางส่วน ก็จะบันทึกเฉพาะส่วนที่กัมพูชาเห็นด้วยตรงกัน และจะนำประเด็นที่ทางกัมพูชาไม่เห็นด้วยไปประชุมในครั้งต่อไป ทั้งนี้ก็ต้องดูด้วยว่าประเด็นที่กัมพูชาไม่เห็นด้วยขัดแย้งกับเจตนารมณ์โดยรวมหรือไม่

"ขอยืนยันว่าจะไม่ทำให้ไทยเสียประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะคนที่ไปประชุมไม่ได้มีเฉพาะกระทรวงกลาโหมเท่านั้น แต่ยังมีผู้แทนของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปด้วยเพื่อร่วมกันพิจารณา โดยได้ประสานกับส่วนราชการต่างๆ ว่าให้พิจารณาคนที่มีความรู้ความสามารถไปช่วยกัน เพราะถือเป็นวาระสำคัญของชาติ" พล.อ.ณัฐพลกล่าว

รักษาการ รมว.กลาโหมกล่าวถึงประเด็นหลายฝ่ายกังวลเรื่องมีประเทศมหาอำนาจเข้าร่วมสังเกตการณ์ว่า ขอไม่ต้องเป็นห่วง การกระทำใดก็ตามหากกัมพูชาฝ่าฝืนคำมั่นสัญญาที่ตกลงกันไว้ ในเรื่องของการหยุดยิง ก็จะถูกประณามในเวทีโลกและสังคมนานาชาติ แต่ไทยก็ไม่ได้ประมาท โดยหน่วยต่างๆ ในพื้นที่เฝ้าระวังอยู่ ทั้งนี้ ไม่ได้มองในแง่ร้ายเพียงอย่างเดียว แต่มองไว้ 2 ทาง

ศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ได้เผยแพร่การประชุมของเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยในวันที่ 5 ส.ค. เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ว่า เป็นการหารือต่อเนื่องในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อได้ข้อตกลงหยุดยิงที่มีความยั่งยืน และสามารถรักษาความมั่นคงในพื้นที่และความปลอดภัยของประชาชนได้

โดยในช่วงเช้า พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เข้าประชุมทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อให้กำลังใจและให้แนวทางต่อที่ประชุมให้ยึดกฎหมายประเทศไทย กฎหมายระหว่างประเทศ ผลประโยชน์ของชาติ และศักดิ์ศรีของประเทศไทยเป็นหลัก

เวลา 14.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการ ศบ.ทก. แถลงว่า การประชุม GBC วันนี้ เป็นการหารือเชิงเทคนิคและความมั่นคงกับฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การหารือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อวางแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนให้เกิดเสถียรภาพในระยะยาว โดยเฉพาะการยุติการกระทำที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ พร้อมยกระดับมาตรการคุ้มครองประชาชนในพื้นที่ให้มีความปลอดภัยสูงสุด

ทบ.นำICRC เยี่ยม 18 เชลยศึก

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีนายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการ CMAC กัมพูชา อ้างว่าทีมผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ระเบิด MK-84 ที่พบมีหมายเลขล็อต IMI 96G015-11 และผลิตในปี 2539 (1996) โดยไทยอาจซื้อจาก IMI (Israel Military Industries) ซึ่งมีสิทธิ์ในการผลิตและจำหน่ายระเบิดรุ่นนี้ จึงไม่ใช่ระเบิดที่เหลือจากสงครามอินโดจีนอย่างแน่นอนว่า กองทัพไทยเชื่อว่าสังคมโลกจะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีว่าที่ผ่านมากัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงมาอย่างต่อเนื่อง กรณีนี้การทำงานของ CMAC กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมา ไม่จริงใจต่อการเก็บกวาดทุ่นระเบิด บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลายพื้นที่พบมีความล่าช้ากว่ากำหนดมาตลอด ไม่เหมือนของ TMAC ฝ่ายไทย

"ขอยืนยันการปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพอากาศไทย เป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และหลักความชอบธรรมตามสิทธิป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด อีกทั้งขอให้กัมพูชา ใช้ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบทางเทคนิคจากองค์กรที่เป็นกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการบิดเบือนข้อมูลในห้วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน" โฆษกกองทัพบกระบุ

พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีกองทัพบกร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานภูมิภาคของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ที่กรุงเทพฯ เข้ามาเยี่ยมเชลยศึกชาวกัมพูชาที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายไทย จำนวน 18 นาย ว่าการเยี่ยมครั้งนี้ถือเป็นขั้นตอนปกติที่ ICRC ดำเนินการอยู่แล้ว ในฐานะองค์กรกลางด้านมนุษยธรรมที่มีมาตรฐานสากล ไม่ได้เป็นไปตามข้อเรียกร้องจากประเทศใดตามที่มีข่าวจากฝั่งกัมพูชา ซึ่งมักออกข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่บ่อยครั้ง จุดประสงค์ของ ICRC ในครั้งนี้ ก็เพื่อเยี่ยมและรับทราบการดูแลเชลยศึก ซึ่งกองทัพบกได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ตามที่ได้เรียนให้ทราบไปก่อนหน้านี้แล้ว

นอกจากนี้ ในระบบงานของ ICRC ยังมีขั้นตอนในการเป็นหน่วยงานกลาง ที่ช่วยให้ญาติและครอบครัวของเชลยศึกได้รับทราบการถูกควบคุมตัว ผ่านทางช่องทางเฉพาะของ ICRC เพื่อให้ครอบครัวของทหารเหล่านี้สบายใจว่า ญาติของเขาไม่ได้สูญหายหรือเสียชีวิตจากการสู้รบ ซึ่งตนมองว่าประเด็นนี้คือจุดสำคัญที่รัฐบาลกัมพูชาอาจไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร

พ.อ.ริชฌากล่าวว่า สำหรับบรรยากาศโดยรวมในการดำเนินการ ในวันนี้เราได้เห็นภาพของความร่วมมือระหว่างกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และคณะ ICRC ในการขับเคลื่อนกลไกด้านมนุษยธรรมสากลในการดูแลเชลยศึก ซึ่งทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องว่าต้องมีการปฏิบัติตามหลักสากลอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายละเอียดการหารือและการพูดคุยกับเชลยศึกนั้น ทาง ICRC ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นไปตามแนวปฏิบัติและขั้นตอนที่ ICRC ยึดถืออย่างเคร่งครัด

"เรื่องการส่งตัวเชลยศึกกลับกัมพูชา ขอย้ำจุดยืนของกองทัพว่า เรามีความตั้งใจที่จะส่งเชลยศึกเหล่านี้กลับไปหาครอบครัวโดยเร็วที่สุด เมื่อสถานการณ์การสู้รบยุติลงอย่างแท้จริง เพราะทหารเหล่านี้ในอีกสถานะหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นพ่อ เป็นสามี เป็นลูกชายของครอบครัว เราไม่ต้องการให้ทหารเหล่านี้ต้องกลับไปเสี่ยงชีวิตในแนวหน้าหรือถูกทอดทิ้ง เหมือนที่เกิดขึ้นกับทหารกัมพูชาที่สูญหายหรือเสียชีวิตก่อนหน้านี้" รองโฆษก ทบ.ระบุ

เฟกนิวส์เขมรไทยหมายหัว 2 ฮุน

ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้มีการปล่อยข่าวสารที่บิดเบือน อาทิ ข่าวที่อ้างว่าไทยพยายามลอบสังหารสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และสมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเกลียดมาก ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรของสหประชาชาติ

"กรมสารนิเทศได้ออกมาตอบโต้ในทันทีแล้ว และไทยทำงานอย่างเป็นทีม โดยใช้กลไกสถานเอกอัครราชทูตไทย รวมถึงกรอบพหุภาคีและทวิภาคีทั่วโลก ในการชี้แจงและเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้อง ขณะเดียวกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมงานที่จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะสื่อมวลชนต่างประเทศด้วย" นายมาริษกล่าว

รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า จะประชุมผ่านระบบออนไลน์กับคณะเอกอัครราชทูตไทยที่ประจำการทั่วโลก ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เพื่อมอบหมายหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมเน้นย้ำความสำคัญกับสงครามจิตวิทยาและสงครามข่าวสาร

ถามถึงการลงพื้นที่ของไอซีอาร์ซีลงพื้นที่เยี่ยมเชลยศึกชาวกัมพูชา รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า เป็นการดำเนินมาตรการเชิงรุก หลังจากที่พลรบของกัมพูชาตกค้างอยู่ หลังจากที่ปะทะกับไทย ซึ่งประสานงานโดยคณะผู้แทนถาวร ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อแสดงให้ไอซีอาร์ซีเห็นว่าไทยมีความจริงใจ ยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 ซึ่งมีข้อบทที่อนุญาตให้ปล่อยตัวเชลยศึกได้ เมื่อสภาวะความขัดแย้งกันทางอาวุธหยุดสิ้นลง ไม่ใช่แค่การหยุดยิง ตราบใดที่มีโอกาสที่บุคคลเหล่านี้ จะปฏิบัติตัวเป็นปรปักษ์กับประเทศ ก็มีสิทธิจะคุ้มตัวไว้

นายมาริษกล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา ในวันที่ 5 ส.ค. เป็นวันที่ 2 ระหว่างฝ่ายเลขานุการของทั้ง 2 ประเทศ มีเป้าหมายคือการหยุดยิงถาวร รวมถึงให้มีกลไกในการตรวจสอบ และมีขั้นตอนการหยุดยิงที่โปร่งใส นอกจากนี้ รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย เสนอให้มีการหารือระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ ระหว่างไทย กัมพูชา และมาเลเซีย แต่ตนได้ปฏิเสธ เพราะต้องการให้เกิดการดำเนินงานในกรอบทวิภาคีมากที่สุด ขณะที่ รมว.ต่างประเทศมาเลเซียเห็นพ้องและขอบคุณสำหรับคำแนะนำดังกล่าว อีกทั้งตนได้ฝากกับ รมว.ต่างประเทศมาเลเซียถึงเรื่องสงครามข่าวสาร โดยขอให้หาทางจัดการทำให้ฝ่ายกัมพูชาลดทอนการใช้สงครามข่าวสารให้น้อยลง เพราะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และทำให้การเจรจาของจีบีซีไม่เป็นไปในทางที่ดี

ที่สโมสรร่วมเริงไชย ภายในค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นจากพระครูวิชิตวุฒิคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เก้าต้น อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี พร้อมด้วยชาวบ้านบางระจัน ที่แต่งกายด้วยชุดนักรบโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา จำนวนกว่า 20 คน ซึ่งได้นำของใช้จำเป็น รวมไปถึงเสื้อผ้ายันต์ของพระอาจารย์ธรรมโชติ จำนวน 500 ตัว และผ้าประเจียดลงอาคม จำนวน 1,500 ผืน นำส่งมอบต่อให้กับทหารแนวหน้าได้มีกำลังใจ ปกป้องชายแดน โดย พล.ท.บุญสินได้ลองใส่เสื้อเกราะผ้ายันต์พระอาจารย์ธรรมโชติด้วยตนเอง ก่อนรับพรจากพระครูวิชิตวุฒิคุณให้แคล้วคลาดปลอดภัย.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

‘เท้ง’ กลัวข่มเหงเขมร

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘กระรอก’จะเห็นโพรงไหม?

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ไม้เด็ดพิชัย หลอกตาทรัมป์

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เคาะอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ช่วงถก ‘จีบีซี’ โดดเดี่ยวคู่สงคราม-แสวงหาพันธมิตร

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วิดีโอ

สาวเขมร พยายามโยง GPS วิถีลูกจรวด BM21 จากเขมร มาไทย อ้าง ระยะสูงสุดของพวกเขาอยู่ที่ 30-40 กม.

BRIGHTTV.CO.TH

ตาควัก ‘เหรียญ-แบงก์’ จ่ายค่าปรับแทนยาย ตร.ฮีลใจมอบหมวกกันน็อกให้ฟรี

เดลินิวส์

จับทหารเขมรBHQองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน คาดมาฝังตัวส่งความเคลื่อนไหว

Khaosod

"เรวัช" จี้ "หมอปลาย" ขอโทษสังคม ปมทำนายเกิดสงคราม เปิดสาเหตุ กัมพูชาไม่เก็บศพทหาร

Manager Online

อินเดียกล่าวหาสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ สองมาตรฐาน

JS100

“ดร.ตฤณห์”ซัดแรง! “วิชาสื่อวิญญาณไม่มีจริง” ชี้มิจฉาชีพแฝงตัวในคราบผู้วิเศษ

เดลินิวส์

‘หมอหมู’ สะท้อนข้อคิดจากศพ แค่คำถามธรรมดา อาจช่วยชีวิตคนได้

เดลินิวส์

รถกระบะเฉี่ยวชนคนข้ามถนน สาวนิรนามบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา จ.กาญจนบุรี

สวพ.FM91

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...