โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

มนุษย์เงินเดือนใจพังรอวันระเบิด Quiet Cracking แตกสลายที่ทำงาน

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เคยรู้สึกไหมว่าการทำงานในแต่ละวันมันช่างหนักหนาขึ้นกว่าเดิม? แม้ว่าคุณยังคงทำผลงานได้ตามเป้าหมาย ส่งงานทันกำหนด ประชุมครบถ้วน แต่ข้างในใจ.. บางอย่างกำลังพังทลายลงช้าๆ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับบางคน แต่มันกำลังแพร่ขยายไปในวงกว้าง นี่คือปรากฏการณ์ 'Quiet Cracking' ปรากฏการณ์ใหม่ในวัยทำงาน ที่กำลังคืบคลานเข้าสู่ชีวิตคนทำงานทั่วโลก และอันตรายกว่าที่คุณคิด!

ก่อนหน้านี้ในสังคมการทำงาน หลายคนอาจอาจคุ้นเคยกับคำว่า 'Quiet Quitting' หรือการทำงานแค่พอผ่านไปวันๆ ไม่ทุ่มเทให้งานหามรุ่งหามค่ำ ซึ่งอาจเกิดจากการทบทวนความสำคัญของชีวิตหลังโควิด-19 หรือสะท้อนความไม่พึงพอใจกับงาน แต่ตอนนี้.. วัยทำงานกำลังเผชิญกับภาวะทางใจแบบใหม่อย่าง 'Quiet Cracking' หรือ "การแตกร้าวอย่างเงียบๆ" ในที่ทำงาน ซึ่งกำลังกลายเป็นความท้าทายใหม่ที่ซับซ้อนและน่าเป็นห่วงยิ่งกว่า

'Quiet Cracking' คืออะไร ต่างจาก 'Quiet Quitting' อย่างไร?

Quiet Cracking คือภาวะที่พนักงานยังคงทำงานได้ตามปกติและรักษามาตรฐานผลงานไว้ได้ แต่ภายในกลับเผชิญกับความทุกข์ทรมานอย่างมาก พวกเขารู้สึกเหมือนกำลัง "พังทลายจากภายใน แต่ยังคงพยายามรักษาสภาพไว้ให้จบงาน" เรียกง่ายๆ ก็คือ ภายนอกอาจฝืนยิ้มแต่ข้างในใจกำลังสับสนวุ่นวาย รู้สึกเครียดมากแต่ไม่สามารถทำอะไรได้หรือบอกใครได้

ผลสำรวจจาก TalentLMS บริษัทด้านระบบการจัดการเรียนรู้บนคลาวด์ ผู้บัญญัติศัพท์ "Quiet Cracking" และได้ทำการสำรวจพนักงานกว่า 1,000 คนในสหรัฐฯ และพบว่า 54% ของพนักงานประสบภาวะ Quiet Cracking โดย 1 ใน 5 พบเจอบ่อยหรือตลอดเวลา

นอกจากนี้ งานวิจัยเรื่อง The Change Lab 2025 Workplace Report: Thriving Through The Supercycle Of Change ของ ดร.มิเชลล์ แม็คไควด์ (Michelle McQuaid, Ph.D.) ก็พบด้วยว่า กว่า 55% ของพนักงาน กำลังเผชิญกับภาวะ Quiet Crackingและผู้ที่กำลังแตกร้าวอย่างเงียบๆ มีแนวโน้มที่จะประสบภาวะหมดไฟทางคลินิก มากกว่าคนปกติถึง 6.2 เท่า แต่ส่วนใหญ่กลับไม่รู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และน้อยคนนักที่จะกล้าพูดถึงมัน

นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ 'Quiet Cracking' แตกต่างจาก 'Quiet Quitting' อย่างชัดเจน ก็คือ หากเป็น Quiet Quitting คนๆ นั้น มักจะตัดสินใจที่จะลดความทุ่มเทในการทำงานลง ทำงานเพียงแค่ตามหน้าที่ให้ผ่านไปวันๆ ไม่ขอรับงานอื่นที่นอกเหนือจากความรับผิดชอบของตน และกำหนดขอบเขตการทำงานที่ชัดเจนโดยเจตนา

ขณะที่ Quiet Cracking เป็นการถดถอยของความพึงพอใจต่องานที่ทำอยู่ และนำไปสู่การไม่ผูกพันกับงานอย่างช้าๆ แต่สม่ำเสมอ เป็นการ "ล่มสลายจากภายใน" ที่ไม่ตั้งใจ มันคือภาวะหมดไฟที่ลึกกว่า ตรวจจับได้ยากกว่า และพนักงานมักรู้สึกว่าไม่ได้รับการชื่นชมหรือถูกปิดกั้นโอกาสก้าวหน้า

ทำไมวัยทำงานยุคนี้ถึง "แตกสลายเงียบๆ" ในที่ทำงาน ?

งานวิจัยบอกอีกว่า ประมาณ 2 ใน 3 ของภาวะ Quiet Cracking มีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอก เช่น ความกดดันทางการเงิน ความกังวลเรื่องสภาพอากาศ ความไม่มั่นคงทางการเมือง และความตึงเครียดทางสังคม ส่วนที่เหลืออีก 1 ใน 3 มาจากปัจจัยเฉพาะในที่ทำงาน เช่น ความกลัวความไม่มั่นคงในงาน การสื่อสารที่แย่ในช่วงที่บริษัทมีการเปลี่ยนแปลง หรือเกิดความสับสนในบทบาทหน้าที่

ดร.มิเชลล์ แม็คไควด์ (Michelle McQuaid, Ph.D.) ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงาน จิตวิทยาเชิงบวก และประสาทวิทยา อธิบายว่า ตอนนี้วัยทำงานทั่วโลกกำลังเผชิญกับ "วัฏจักรแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่" ที่ความปั่นป่วนระดับโลกหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างท่วมท้น จึงสร้างคลื่นแห่งความกลัว ความไม่แน่นอน และความสงสัย (Fear, Uncertainty, Doubt – FUD) พัดโหมเข้ามาไม่หยุด

คราวนี้ สมองของเราถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ชัดเจนเป็นครั้งคราว ไม่ใช่รับมือบ่อยๆ ถี่ๆ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าคนทำงานต่างก็ทั้งกลัวและกังวลกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ, การปรับตัวต่อการทำงานด้วย AI, วิตกกังวลเรื่องสภาพอากาศ และความวุ่นวายทางสังคม ทั้งหมดโหมกระหน่ำมาในคราวเดียว ซึ่งพนักงานต้องแบกรับภาระความเครียดและความเหนื่อยล้าเหล่านี้ แต่กลับไม่สามารถระบายความเครียดในที่ทำงานได้เลย เพราะ "มันไม่เกี่ยวกับงาน" ก็เลยไม่กล้าพูดออกไป

นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้เกิด Quiet Cracking ได้แก่
- ตลาดงานที่ผันผวน ทำให้พนักงานต้องทนอยู่ในงานที่ไม่ชอบ
- การขาดสมดุลชีวิตการทำงาน เพราะวัฒนธรรม "Always on" เส้นแบ่งระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวหายไป จนรู้สึกว่าต้องทำงานแบบไม่มีวันจบสิ้น
- คำสั่งให้กลับเข้าทำงานในสำนักงาน (RTO) ที่พนักงานบางส่วนไม่เห็นด้วย
- ขาดการยอมรับและโอกาสในการเติบโต รู้สึกว่าบริษัทไม่เห็นคุณค่า และไม่มีช่องทางก้าวหน้าในอาชีพ
- ความไม่มั่นคงที่เกิดจากความไม่ชัดเจนในเนื้องาน ไม่มีช่องทางสื่อสารกับผู้จัดการ

ต้นทุนที่ซ่อนอยู่ของภาวะ "แตกร้าวเงียบๆ" ของพนักงาน

แม้ภาวะ Quiet Cracking จะเกิดขึ้นแบบเงียบเชียบ แต่ผลกระทบของมันนั้นร้ายแรง ทั้งต่อตัวพนักงานเองและต่อองค์กรด้วย โดยมีผลเสียตามมามากมาย ได้แก่

1. ลดประสิทธิภาพและผลผลิต: พนักงานที่รู้สึกไม่ผูกพันกับงานจะยังมาทำงาน แต่คุณภาพและคุณค่าของงานจะลดลง Gallup ประมาณการว่า พนักงานที่ไม่ผูกพันกับงานสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั่วโลกถึง 8.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการสูญเสียผลิตภาพ

2. สูญเสียความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม: พนักงานที่หมดพลังจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ ทำให้องค์กรพลาดโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ

3. การลาออกของพนักงาน: Quiet Cracking นำไปสู่ความต้องการที่จะลาออกจากองค์กร ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงในการหาคนมาทดแทน

4. ภาวะหมดไฟของผู้นำ: เมื่อพนักงานขาดความผูกพันทางอารมณ์ ผู้จัดการและผู้นำมักต้องรับภาระเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหมดไฟในระดับที่สูงขึ้นตามมาเป็นผลกระทบแบบลูกโซ่

วิธี "เยียวยาจิตใจ" ป้องกันอาการแตกร้าวเงียบๆ ในตัวคุณ

ข่าวดีคือ มีแนวทางที่ปฏิบัติได้จริงและมีหลักฐานรองรับ ที่เรียกว่า HEART Approach ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของ Quiet Cracking ได้ โดยผู้ที่มีความสามารถด้าน HEART Approach สูง จะมีโอกาสน้อยลง 31% ที่จะประสบภาวะนี้ ซึ่งกระบวนการดังกล่าว มีขั้นตอนดังนี้

1. H - Honor Your Feelings (ให้เกียรติความรู้สึกของคุณ):
เมื่อคุณกำลังแตกร้าวเงียบๆ คุณกำลังทำงานหนักเกินไปเพื่อเก็บกดความรู้สึกที่แท้จริง การเก็บกดอารมณ์ทำให้ระบบประสาทของคุณทำงานหนักขึ้น งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ยอมรับอารมณ์ของตนเองแทนที่จะซ่อนมัน จะประสบภาวะ Quiet Cracking น้อยลงถึง 33%

ลองทำ: เมื่อความกดดันเริ่มก่อตัวขึ้น หายใจช้าๆ และพูดกับตัวเองว่า "ไม่เป็นไรที่จะรู้สึกไม่มั่นคงเรื่องเงิน, งาน, สังคม สมองของฉันกำลังพยายามรักษาความปลอดภัยให้ฉันอยู่

2. E - Engage Purposefully (ลงมือทำอย่างมีเป้าหมาย):
ส่วนหนึ่งของ Quiet Cracking มาจากความรู้สึกว่า คุณกำลังถูกเปลี่ยนแปลงโดยที่ควบคุมไม่ได้ แต่การหาทางเล็กๆ น้อยๆ เพื่อมีอิทธิพลต่อการตอบสนองของคุณ จะทำให้สมองของคุณเปลี่ยนจาก "ฉันไร้อำนาจ" เป็น "ฉันมีอำนาจบางอย่าง" ผู้ที่พบความหมายส่วนตัวในสิ่งที่เกิดขึ้นมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น 30% ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน

ลองทำ: ให้ถามตัวเองว่า "ในเมื่อการเปลี่ยนแปลงนี้กำลังจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว ฉันจะใช้มันเพื่อสิ่งที่สำคัญกับฉันได้อย่างไรบ้าง?"

3. A - Appreciate Your Strengths (ชื่นชมจุดแข็งของคุณ):
หากรู้สึกกำลังแตกร้าวเงียบๆ สมองของคุณมักจะจดจ่ออยู่กับทุกสิ่งที่รู้สึกพังทลาย แต่การโฟกัสอยู่กับสิ่งที่คุณเก่ง จะช่วยให้สมองของคุณมีหลักฐานว่า คุณสามารถรับมือกับความท้าทายได้ ผู้ที่ใช้จุดแข็งของตนเองเป็นประจำ มีแนวโน้มที่จะประสบภาวะ Quiet Cracking น้อยลง 38%

ลองทำ: ในแต่ละวัน ให้จัดการงานที่น่าเบื่อหนึ่งอย่างโดยใช้จุดแข็งของคุณ สังเกตว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงจากประสบการณ์นั้นอย่างไร

4. R - Reach Out for Support (ขอความช่วยเหลือ):
Quiet Cracking เติบโตได้ดีในความโดดเดี่ยว เมื่อคุณรู้สึกเหมือนเป็นคนเดียวที่กำลังดิ้นรนกับปัญหาทางการเงินหรือความกลัวเรื่องงาน แต่การขอความช่วยเหลือ แม้เพียงเล็กน้อย ก็เป็นการเตือนสมองของคุณว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว การขอความช่วยเหลือที่ชัดเจนทำให้ระบบประสาทสงบลง

ลองทำ: ทำคำขอที่เจาะจงหนึ่งครั้งในสัปดาห์นี้ ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำ ข้อมูล หรือแค่ใครสักคนที่จะรับฟังข้อกังวลของคุณ

5. T - Take Tiny Steps (ก้าวเล็กๆ ทีละก้าว):
เมื่อทุกอย่างรู้สึกหนักหนาสาหัส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย เดดไลน์งาน หรือความวุ่นวายทั่วโลก สมองของคุณอาจช็อตจนคิดอะไรไม่ออก การลงมือจัดการงานไปทีละเล็กๆ น้อยๆ จะทำให้สมองและระบบประสาทรับรู้ถึงความสามารถก้าวหน้าได้ แม้ในยามที่สิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้ ผู้ที่มุ่งเน้นไปที่ขั้นตอนที่จัดการได้ แสดงให้เห็นถึงการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น 31%

ลองทำ: เมื่อความกดดันถาโถมเข้ามา ให้ถามตัวเองว่า "มีสิ่งเล็กๆ สิ่งใดบ้างที่ฉันทำได้ตอนนี้?" และเริ่มต้นจากตรงนั้น

นอกจากนี้ การสร้าง "เกราะป้องกันทางการเงิน" เช่น กองทุนฉุกเฉิน ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณมีความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนสายงาน-ย้ายที่ทำงานใหม่ หรือออกจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงินในทันที

องค์กรจะช่วยป้องกัน Quiet Cracking ได้อย่างไร?

การแก้ไขปัญหา Quiet Cracking ไม่ใช่แค่หน้าที่ของพนักงานเท่านั้น องค์กรเองก็ต้องก้าวเข้ามา และแก้ไขปัจจัยในที่ทำงานที่พวกเขาสามารถควบคุมได้ ได้แก่

1. แก้ไขช่องว่างระหว่างผู้จัดการและทีมงาน:
ผู้จัดการคือด่านแรกในการสนับสนุนพนักงาน การสำรวจพบว่า 47% ของพนักงานที่แตกร้าวเงียบๆ รู้สึกว่าผู้จัดการไม่รับฟัง การฝึกอบรมผู้จัดการให้มีทักษะในการสังเกตการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม อารมณ์ และสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญ

2. สร้างความโปร่งใส:
เมื่อองค์กรโปร่งใสในการตัดสินใจและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พนักงานมีแนวโน้มที่จะวิตกกังวลน้อยลงถึง 4.5 เท่า ความชัดเจนจะสร้างความมั่นคง

3. จัดสรรทรัพยากรเพื่อสร้างสมดุลภาระงาน:
การสื่อสารความคาดหวังของบทบาทหน้าที่อย่างชัดเจน กำหนดเส้นตายที่ทำได้จริง และเพิ่มจำนวนพนักงาน สามารถช่วยลดความเครียดและภาวะหมดไฟได้

4. ลงทุนในการพัฒนาทักษะและฝึกอบรม:
พนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมในช่วงปีที่ผ่านมา จะรู้สึกมั่นคงในบทบาทของตนเองมากขึ้น 140% การลงทุนในเส้นทางการเรียนรู้ที่มีโครงสร้าง และโปรแกรมพี่เลี้ยง จะช่วยให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและพร้อมสำหรับอนาคต

5. ริเริ่มโครงการการยอมรับและชื่นชม:
การรับรู้และชื่นชมผลงานของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีง่ายๆ แต่ทรงพลังในการเพิ่มขวัญกำลังใจและการมีส่วนร่วม โดยจะต้องครอบคลุม สม่ำเสมอ และสอดคล้องกับค่านิยมขององค์กร

ภาวะ Quiet Cracking คือความเสี่ยงทางธุรกิจที่บั่นทอนผลิตภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และความภักดีของพนักงาน การลงมือแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ถึงเวลาแล้วที่ทั้งคนทำงานและองค์กรจะต้องหันมามองปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีต่อใจและต่อยอดความสำเร็จร่วมกันได้อย่างยั่งยืน!

อ้างอิง: peoplemanagement, Fortune, YahooFinance, Psychologytoday, Techtarget

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

SX2025 ชวนหาทางรอดยุคโลกรวน เน้นร่วมมือ-ปรับตัว ใช้ปรัชญาพอเพียงระดับสากล

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'ไหตี่เลา' กำไรร่วง 14% รับจีนยุคประหยัดลดหม้อไฟหรู สงครามราคาเดือด

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ผู้ว่าสระแก้ว เปิดคัดกรอง ออกโฉนด ชาวบ้าน 3 อำเภอชายแดนติดกัมพูชา

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สกสว. ยกเป็นวาระแห่งชาติ คนไทย หายใจด้วยอากาศบริสุทธิ์ภายในปีนี้

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

เปิดโต๊ะอร่อยลิ้มรสอาหารจีนระดับตำนาน ที่ "ห้องอาหารจีนดรากอน" ลดพิเศษ 20%

Manager Online

ฉลองเทศกาลมงคล ด้วย "ขนมไหว้พระจันทร์" จากเซ็นทารา 13 แห่งทั่วไทย

Manager Online

“ถ้ำโต๊ะหลวง” เที่ยวมุมมองใหม่ในกระบี่ ตามรอยหนัง “Jurassic World Rebirth”

Manager Online

แก้วเก็บความเย็น แก้วสแตนเลส เกรด 201-304-316 แตกต่างยังไง บ่งบอกอะไร อันไหนดีสุด

sanook.com

เทน้ำเดือดลงในแก้ว 5 ประเภทนี้ เหมือนผสม "ยาพิษ" ด้วยตัวเอง แต่หลายคนยังคงใช้มันอยู่

sanook.com

2 ภาพวาด “สงครามส่งด่วน” ยอดประมูลรวมทะลุ 7.6 ล้าน

เดลินิวส์

SX2025 ชวนหาทางรอดยุคโลกรวน เน้นร่วมมือ-ปรับตัว ใช้ปรัชญาพอเพียงระดับสากล

กรุงเทพธุรกิจ

BIG FISH SOLO ART EXHIBITION

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...