สรุปเหตุเรือจีนไล่ชนเรือฟิลิปปินส์ ปมทะเลจีนใต้-ไต้หวัน เขย่าสัมพันธ์ 50 ปี
เรือรบของกองทัพเรือจีนชนเข้ากับเรือยามชายฝั่งจีน ระหว่างไล่ติดตามเรือลาดตระเวนฟิลิปปินส์ใกล้สันดอนสการ์โบโรห์ ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างสองประเทศ เหตุเกิดขณะเรือจีนทั้งสองลำพยายามสกัดเส้นทางเรือฟิลิปปินส์ที่กำลังคุ้มกันเรือส่งเสบียงให้ชาวประมง โดยฟิลิปปินส์เผยว่าได้เสนอความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่เรือที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ขณะที่ทางการจีนยืนยันว่าการปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไป “ตามกฎหมาย” โดยไม่กล่าวถึงการชนกัน
ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างฟิลิปปินส์และจีนซึ่งจะครบรอบ 50 ปีในปี 2568 กำลังเผชิญแรงกดดันและความขัดแย้งรุนแรง โดยเฉพาะประเด็นทะเลจีนใต้และสถานการณ์ไต้หวัน ซึ่งสะท้อนถึงสามปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางความสัมพันธ์ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ได้แก่ อิทธิพลทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ช่องว่างด้านอำนาจระหว่างสองประเทศ และบทบาทของการเมืองภายในฟิลิปปินส์ที่ส่งผลต่อนโยบายต่างประเทศ
ตลอดหลายทศวรรษ ฟิลิปปินส์พึ่งพาพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับจีน แม้ยุคสงครามเย็นจะสิ้นสุดลง แต่ความสัมพันธ์นี้ยังคงแน่นแฟ้น ทั้งในมิติการป้องกันประเทศและการยึดถือค่านิยมประชาธิปไตยแบบตะวันตก ซึ่งยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายประเทศในอาเซียนระแวดระวังต่อการขยายอิทธิพลของปักกิ่ง
อย่างไรก็ตาม ความไม่สมดุลของอำนาจระหว่างฟิลิปปินส์และจีนยังคงเด่นชัด ฟิลิปปินส์มองจีนเป็นภัยคุกคามเชิงยุทธศาสตร์ ในขณะที่จีนมองฟิลิปปินส์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์สหรัฐฯ ในการสกัดกั้นอำนาจตน การตีความที่ต่างกันนี้ทำให้มะนิลาพบความยากลำบากในการกำหนดนโยบายที่ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของตนเองอย่างแท้จริง
ความผันผวนของนโยบายจีนยังสะท้อนผ่านการเมืองภายในของฟิลิปปินส์ ซึ่งเปลี่ยนแปลงตามยุครัฐบาล โดยบางสมัยเน้นความร่วมมือ ในขณะที่บางสมัยเลือกเผชิญหน้า ปรากฏชัดในยุคประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ที่หันมาเสริมความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ และขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงกับญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย และบางประเทศในยุโรป
ล่าสุด มาร์กอสออกมาระบุว่าหากเกิดสงครามเหนือไต้หวัน ฟิลิปปินส์จะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุผลด้านภูมิศาสตร์และจำนวนแรงงานฟิลิปปินส์ในไต้หวันจำนวนมาก พร้อมย้ำว่า “เราไม่ต้องการทำสงคราม แต่หากเกิดขึ้นจริง เราจะถูกดึงเข้าไป ไม่ว่าชอบหรือไม่” ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนตอบโต้ทันทีว่าไม่ควรใช้ปัจจัยเหล่านี้เป็นข้ออ้างในการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น พร้อมเตือนให้ฟิลิปปินส์ยึดหลัก “จีนเดียว” และหลีกเลี่ยงการ “เล่นกับไฟ”
มาร์กอสโต้กลับว่าตนเพียง “กล่าวข้อเท็จจริง” และไม่เข้าใจว่าทำไมถูกมองว่าเป็นการยั่วยุ พร้อมย้ำว่าแม้ไม่อยากให้สถานการณ์ลุกลาม แต่รัฐบาลจำเป็นต้องวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้า
ความตึงเครียดถูกซ้ำเติมด้วยเหตุปะทะในทะเลจีนใต้ เมื่อเรือของกองทัพเรือจีนชนกับเรือยามฝั่งจีนเอง ระหว่างไล่ล่าเรือตรวจการณ์ฟิลิปปินส์ BRP Suluan ที่บริเวณใกล้สการ์โบโรห์โชล เหตุการณ์นี้เกิดจากการที่เรือยามฝั่งจีน CCG 3104 ใช้ความเร็วสูงปาดหน้าด้านขวาของเรือฟิลิปปินส์จนชนเข้ากับเรือรบของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ส่งผลให้เรือยามฝั่งได้รับความเสียหายหนักจนไม่สามารถใช้งานได้
จีนยืนยันว่ามีการปฏิบัติการขับไล่เรือฟิลิปปินส์ตามกฎหมาย ในขณะที่มาร์กอสประกาศชัดว่าเรือของฟิลิปปินส์จะไม่ถอนตัวออกจากพื้นที่พิพาท และจะปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศอย่างเต็มที่