โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดความเห็นสภาฯ ถกทางรอด สึนามิภาษีทรัมป์ ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.

THE STANDARD

อัพเดต 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
เปิดความเห็นสภาฯ ถกทางรอด สึนามิภาษีทรัมป์ ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.

วันนี้ (31 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ซึ่งมี ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่การประชุม เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาส่งข้อเสนอแนะไปยังคณะรัฐมนตรีในการออกมาตรการและดำเนินนโยบาย เพื่อรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากข้อตกลงในการเจรจาอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา ก่อนถึงเส้นตายในพรุ่งนี้ (1 สิงหาคม)

5 แนวทางรับมือคลื่นสึนามิเศรษฐกิจ

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร ได้ร่วมนำเสนอญัตติดังกล่าวว่า ผลการเจรจาในวันพรุ่งนี้ยังไม่อาจคาดเดาได้ และอาจไม่มีข้อสรุปในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่านี่เป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับประชาชนไทย รวมถึงเกษตรกรและแรงงานอีกนับล้านคนทั่วประเทศ

สิ่งสำคัญในวันนี้ คือ คนไทยต้องรับรู้และเข้าใจตรงกันว่า รัฐบาลจะนำอะไรไปแลกเปลี่ยนบนโต๊ะเจรจา เพื่อเตรียมรับมือกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะวันที่ 1 สิงหาคม กำลังจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย และเป็นสัญญาณว่าระเบียบโลกใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ที่ผ่านมาคนไทยอาจยังไม่รู้สึกถึงผลกระทบโดยตรง เราเพียงรับฟังข่าวมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ ที่ทำสงครามการค้าสลับกับการเจรจาประนีประนอม เราเห็นเพียงตัวเลขรายวันที่สหรัฐฯ โดยเฉพาะในยุคประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เคยตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้าไทยสูงถึง 36% ดังนั้น ตนคาดหวังในวันพรุ่งนี้ คือ การได้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ว่าทีมไทยแลนด์จะสามารถต่อรองได้มากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตาม หลังวันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป คลื่นสึนามิทางเศรษฐกิจกำลังจะกระทบประเทศไทย สิ่งที่ตนต้องการสื่อสารกับเกษตรกร ผู้ประกอบการ แรงงานทั่วประเทศ และคณะรัฐมนตรี คือ วันนี้ไม่ใช่เวลามาพูดถึงตัวเลข เพราะกระบวนการเหล่านั้นผ่านไปแล้ว สิ่งที่สภาควรถกเถียง คือ การมองไปข้างหน้าว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนไทยจะถาโถมในภาคส่วนใดบ้าง และรัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรในการลดแรงกระแทก พร้อมทั้งชี้ทางให้ประชาชนอพยพจากคลื่นสึนามิทางเศรษฐกิจครั้งนี้ได้อย่างไร

ณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ยางล้อ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด หากผลการเจรจาในวันพรุ่งนี้ล้มเหลว และเกิดฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด อุตสาหกรรมเหล่านี้จะกลายเป็นคลื่นสึนามิทางเศรษฐกิจ ที่ซัดกระหน่ำหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง

ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นแนวทางการทำงานเชิงรุกในเวทีระหว่างประเทศ โดยข้อเสนอดังกล่าวจะชี้ให้เห็นทั้งข้อดีและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน โดยมีข้อเสนอ 5 ข้อ ดังนี้

  • ประเทศไทยต้องเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามกติกาที่ประเทศอื่นกำหนด ไปสู่การเป็นผู้ร่วมกำหนดกติกาผ่านความร่วมมือในเวทีภูมิภาค เช่น อาเซียน และ BIMSTEC เพื่อสร้างอำนาจต่อรองและปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างยั่งยืน

  • ประเทศไทยต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางการค้าและการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากประเทศยักษ์ใหญ่ โดยต้องลดอุปสรรคทางกฎหมายและข้อบังคับที่เป็นกีดขวาง เพื่อสร้างความสะดวกและความมั่นใจสูงสุดในการลงทุนในประเทศให้เกิดขึ้นโดยเร็ว

  • ประเทศไทยต้องกล้าหาญเปิดเวทีเจรจากับประเทศมหาอำนาจอย่างสร้างสรรค์ ไม่เป็นเพียงผู้ตาม ในเรื่องข้อตกลงการถ่ายโอนเทคโนโลยี และการสร้างมูลค่าเพิ่มในท้องถิ่น เพื่อให้การลงทุนในประเทศไม่สามารถมากินรวบทั้งห่วงโซ่อุปทานได้ รวมถึงส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานหมุนเวียน

  • ประเทศไทยควรมุ่งสู่การยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจและสังคมให้เทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเร็ว เช่น การเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD และเปิดโอกาสความร่วมมือในหลายมิติ ทั้งด้านการลงทุน การศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี

  • ในฐานะประเทศอำนาจปานกลาง (Middle Power) ไทยควรมองไม่เพียงแค่ไปยังประเทศมหาอำนาจ (Global North) เท่านั้น แต่ต้องขยายความร่วมมือไปยังประเทศกำลังพัฒนา (Global South) ในภูมิภาคโดยรอบ เพื่อสร้างบทบาทผู้นำและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน โดยเฉพาะในอาเซียน

วิธีการเดินเกมทั้ง 5 ด้านนี้ เป็นแนวทางที่เราสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีตั้งแต่วันนี้ สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ไม่ว่าเราจะเลือกใช้กลยุทธ์ใดก็ตาม คือการยึดหลักการทูตที่มีหลักการ เพื่อให้ทุกการตัดสินใจของประเทศไทยในอนาคต ไม่ถูกวิจารณ์ว่ากำลังเข้าข้างมหาอำนาจประเทศใดมหาอำนาจหนึ่ง

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ มีประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไว้ว่า หากเกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุดในวันพรุ่งนี้ โดยประเทศไทยถูกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 36% การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้อาจลดลงเหลือเพียง 1.1% เท่านั้น และในปีหน้าจะลดต่ำลงเหลือ 0.4%

ณัฐพงศ์กล่าวต่อว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทย แต่ในฐานะผู้บริหารประเทศ เราต้องพร้อมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้เสมอ สิ่งที่พวกเราต้องการได้ยินจากรัฐบาล หากเกิดฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดขึ้น รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาผลกระทบและนโยบายในการยกระดับประเทศไทยให้มีความเข้มแข็ง และยืนหยัดในเวทีโลก

ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้ทันเทรนด์โลก

รวี เล็กอุทัย สภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ในอัตราสูงถึง 36% และเป็นหน้าที่ของทีมไทยแลนด์ ที่ได้เดินทางไปเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ เพื่อหาทางออกและข้อเสนอที่ดีที่สุดให้แก่ประเทศไทย โดย เส้นตาย (Deadline) สำหรับการเจรจาครั้งนี้ กำหนดไว้ในวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งจะมาถึงในวันพรุ่งนี้

รวีกล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่ตนเพิ่งได้รับข่าวว่า ประเทศไทยของเราสามารถตกลงเจรจากับทางสหรัฐฯ ได้แล้ว ส่วนตัวเลขภาษีนั้นจะเป็นเท่าไร ต้องรอฟังการแถลงอย่างเป็นทางการอีกทีหนึ่ง

ตนมีความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต่างมีความพยายามอย่างเต็มที่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาในการเจรจา เพื่อแสวงหาผลของการเจรจาที่ดีที่สุดในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย และคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ที่มีความกังวลต่อราคาสินค้าทางการเกษตร และกลุ่มผู้ประกอบการ SME ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างเศรษฐกิจในครั้งนี้

รวีกล่าวว่า ตนเชื่อว่าจะสามารถต่อรองอัตราภาษีจาก 36% ให้สามารถเข้ามาสู่ในระดับที่ไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ รวมถึงตั้งหลักและรองรับกับผลกระทบที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน หากดูประเทศต่างๆ ที่เจรจาสำเร็จไปแล้ว อย่างเช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

ขณะที่ ประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เราจำเป็นจะต้องมาวิเคราะห์ต่อว่า การเจรจาเหล่านี้ที่สำเร็จไปแล้วนั้น ผลการเจรจานั้นดีต่อเศรษฐกิจของแต่ละประเทศมากน้อยแค่ไหน และผลเสียหรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมามีอะไรบ้าง เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนมาตรการรองรับสำหรับประเทศไทยได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที

ในรายละเอียดของการเจรจาแต่ละประเทศ แม้จะสามารถลดระดับอัตราภาษีมาอยู่ใน 15-20% เป็นส่วนใหญ่ แต่โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น ก็ต้องแลกมาด้วยการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราภาษี 0% ในหลากหลายรายการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คำถามที่ตามมา คือ ประเทศไทยสามารถทำแบบนั้นได้หรือไม่ การลดภาษีเพื่อแลกกับการเปิดประตูให้สินค้าจากสหรัฐฯ เข้ามาในประเทศ เราควรจะกำหนดอยู่ในระดับใดที่เหมาะสมและจะไม่ทำให้คนไทยได้รับความเสียหายจนไม่สามารถแข่งขันได้

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโจทย์ที่รัฐบาลจะต้องยึดมั่น และนำไปสู่จุดหมาย รวมถึงการเตรียมมาตรการรองรับและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการอุดหนุนเยียวยาหรือมาตรการอื่นๆ ในการปกป้องการผลิตและผู้ส่งออกภายในประเทศเพื่อให้อยู่รอดและแข่งขันได้

สุดท้าย ตนยังเชื่อมั่นว่า ประเทศเล็ก ๆ จำเป็นต้องเดินหน้าร่วมกันในกลุ่มประเทศ เพื่อขยายฐานเศรษฐกิจให้ใหญ่และเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะเห็นได้ชัดว่า หากต้องการอยู่รอดในอนาคต โครงสร้างเศรษฐกิจแบบ Regionalization คือ สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ การสร้างความเข้มแข็ง การพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรม และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศให้สอดคล้องกับเทรนด์โลก เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขัน และสร้างอำนาจต่อรองกับประเทศพัฒนาแล้วและนานาประเทศในอนาคตได้

ร้องรัฐบาลดูแลเกษตรกรโคนม

อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เสนอญัตติด่วน ให้สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา เพื่อหามาตรการรองรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่มีต่อประเทศชาติ

อัครเดชกล่าวว่า หากรัฐบาลได้ ไปทำข้อกำหนดหรือข้อตกลงทางการค้ากับทางสหรัฐอเมริกา แล้วหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีผลกระทบต่อประชาชน โดยที่ผ่านมาประเทศไทยนั้น ได้ไปทำ FTA หรือข้อตกลงทางการค้าเสรีกับหลายประเทศ โดยยกตัวอย่างการนำผลประโยชน์ของเกษตรกรไปแลกกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เช่น การทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลีย และไทยกับนิวซีแลนด์ ซึ่งมีการทำข้อตกลงการค้าลดภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มาจากโค ไม่ว่าจะเป็นน้ำนมหรือนมแปรรูป

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้รับผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ซึ่งการทำ FTA จากทั้งสองประเทศนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยเอาผลประโยชน์ของเกษตรกรไปแลกกับการที่ไม่ต้องเสียภาษีส่งออกและภาษีนำเข้าระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเกษตรกรได้รับผลเสีย แต่คนที่ได้ผลประโยชน์ก็คืออุตสาหกรรม ที่สามารถส่งออกได้มากขึ้น

อัครเดชกล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ในอนาคตหากไปทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ โดยเอาผลประโยชน์ของเกษตรกรไปแลกกับผู้ผลิตอุตสาหกรรม แล้วมีการนำเข้าข้าวโพดเสรีจากต่างประเทศ นำเข้าข้าวบาร์เลย์นำเข้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมู เนื้อวัวหรือ กุ้ง หรือผลิตภัณฑ์เครื่องในต่างๆ โดยไม่เสียภาษี เกษตรกรจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แต่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างหากที่ได้รับผลบวก

อัครเดช กล่าวว่า ก่อนเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตนได้ลงพื้นที่ที่ราชบุรี โดยเกษตรกรชาวนาร้องราคาข้าวเหลือเกวียนละ 6,000 บาท ซึ่งหากเกษตรกรไม่มีรายได้ ไม่มีเงินอยู่ในมือ เศรษฐกิจของประเทศจะดีได้อย่างไร เพราะเกษตรกรคืออาชีพหลักของประเทศ เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ รัฐบาลต้องปกป้องคนเหล่านี้ การที่เอาผลประโยชน์ของชาวเกษตรกรไปแลกกับอุตสาหกรรมเพื่อให้ต่างชาติมาลงทุนเยอะ แล้วจะมีมาตรการในการดูแลเกษตรกรอย่างไร

ในขณะนี้มีกองทุนดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการทำ FTA แต่กฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ดังกล่าวนี้ ยังไม่ถึงไหน โดยตนฝากไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จตุพร บุรุษพัฒน์ ให้ตามเรื่องในฐานะที่เป็นเจ้าของร่าง พรบ. ตัวนี้

ตนในฐานะที่เป็นประธานกรรมาธิการอุตสาหกรรมซึ่ง ได้มีโอกาสเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาติดตามผลกระทบของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ได้ร้องเรียนมาว่ามาตรการในการรองรับจากรัฐบาลยังไม่มี แล้วถ้าหากทำข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ จะเอาอะไรไปดูแลเกษตรกร

ตนจึงขอฝากนำเรื่องเรียนนายกรัฐมนตรี ว่าอย่านำเรื่องผลประโยชน์ของเกษตรกร ไปแลกกับอุตสาหกรรม แต่หากจะทำก็ต้องมีมาตรการในการรองรับว่า เมื่อเกษตรกรได้รับผลกระทบแล้ว กองทุนที่ดูแลจะต้องทำหน้าที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ แค่เกษตรกรที่ผู้เลี้ยงโคนมรัฐบาลยังไม่มีมาตรการในการรองรับเลย

ตนฝากยื่นญัตติด่วนนี้ให้รัฐบาลไปจี้รัฐบาล ให้ดำเนินการ และฝากไปถึง อรรถกร สิริลัทยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าจะมีมาตรการในการดูแลเกษตรกรอย่างไร ในวันนี้รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่า คนไทยได้อะไร ไม่ใช่แค่ดูแต่ตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว และตนเห็นด้วยว่าวันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่ประเทศไทยจะต้องปฏิรูปอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง หากกลัวการขึ้นภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ แล้วเราไม่ทำอะไรเลย ตนก็คิดว่าเราจะเสียโอกาส

อัครเดชได้กล่าวถึง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในการดำเนินนโยบายจัดการอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญที่มาลงทุนในประเทศไทย แต่คนไทยก็ไม่ได้อะไร ไม่ได้การจ้างงาน ซัปพลายเชนไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย ภาษีก็ไม่ได้เก็บ รวมถึงสร้างมลภาวะในประเทศไทย

รวมถึงการปกป้องสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และสนับสนุนให้คนไทยใช้ของในประเทศไทย การสนับสนุนธุรกิจ SME ลดปัญหาอุปสรรค ให้เติบโต และจะทำอย่างไรให้ไปถึงเวทีนานาชาติได้ โดยสิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ริเริ่มทำโดยเร็วเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากภาษีของสหรัฐฯ และที่สำคัญคือการสนับสนุนให้เกิดซัปพลายเชนในประเทศ

อัครเดช กล่าวว่า ขอให้ทางคณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน และจริงจัง อีกทั้งยังขอฝากเรื่องการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ให้ยึดประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศเป็นหลัก และดูแลประชาชนที่เสียผลประโยชน์จากการไปทำข้อตกลงทางการค้าด้วยว่า จะต้องมีเงินเยียวยา มีกองทุน มีมาตรการอย่างไรให้ผู้ได้รับผลกระทบสามารถอยู่รอดในภาวะท่ามกลางสงครามทางการค้าในปัจจุบัน

เชื่อไทยจะได้รับข่าวดี

ขณะที่ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงว่า อัตราภาษีที่จะเกิดขึ้นน่าจะใกล้เคียงกับประเทศอาเซียน เช่น เวียดนาม 20% และอินโดนีเซีย 19% ซึ่งไทยจำเป็นต้องเกาะกลุ่ม ให้ได้ หากภาษีออกมาสูงหรือต่ำกว่าที่คาด คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหากเข้าใจจะแก้ปัญหาให้ถูกต้อง ส่วนข้อกังวลต่อผลกระทบที่อาจทำให้อุตสาหกรรมในไทยมีความเสี่ยง

แม้ไม่มีประเด็นภาษี ประเทศไทยก็ยังมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งความสามารถในการแข่งขัน ต้นทุนที่สูง การถ่ายโอนเทคโนโลยี และระบบราชการที่ล่าช้า ทำให้การส่งออกเผชิญแรงกดดัน

สำหรับการเจรจากับสหรัฐฯนั้น รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ให้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว คาดว่าจะสามารถประกาศผลก่อนวันที่ 1 สิงหาคม โดยบางสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จะถูกเก็บภาษีศูนย์ เช่นเดียวกับประเทศที่ไทยทำ FTA ด้วย ขณะที่สินค้าที่แข่งขันไม่ได้ จะขอเวลาผ่อนผัน 5 ปีก่อนปรับภาษีเป็นศูนย์

ทั้งนี้ทีมไทยแลนด์ ซึ่งประกอบด้วยกระทรวงหลัก อาทิ พาณิชย์ อุตสาหกรรม เกษตรฯ การต่างประเทศ สาธารณสุข และภาคเอกชน ได้หารือร่วมกันว่าจะให้ซื้อสินค้าในประเทศก่อน และจึงค่อยนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะข้าวโพดจากสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนอาหารสัตว์ให้เกษตรกร ถือเป็นการสร้าง ‘วิน-วิน โซลูชัน’

พิชัยกล่าวอีกว่า มีการหารือกับฝ่ายสหรัฐฯ เกี่ยวกับการสำรวจพลังงานทะเลลึกในอันดามัน ซึ่งสหรัฐฯ มีเทคโนโลยี พร้อมร่วมมือในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานของไทยในอนาคต โดยรัฐบาลได้ตกลงหลักการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนการอนุญาตให้นำเข้า-ส่งออก รวมถึงมาตรฐานสินค้าให้สอดคล้องกับสากล ทั้งนี้ ข้อตกลงที่ได้ในวันนี้ยังเป็นเพียงกรอบเบื้องต้น และจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในสภา เพราะเป็นประเด็นใหญ่ของประเทศ

สำหรับค่าใช้จ่ายการเจรจา 3 วัน พิชัยระบุว่า ใช้งบเพียงล้านกว่าบาท ไม่มีการบินเฟิร์สคลาส พร้อมเสริมว่า รัฐบาลได้กันงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท เพื่อประคองเศรษฐกิจช่วงรอยต่อ จนถึงปัจจุบันเหลือ 4.2 หมื่นล้านบาท เตรียมนำมาใช้ตรวจสอบสินค้าที่ผลิตในไทยจริง ป้องกันการใช้ไทยเป็นทางผ่าน และเร่งสร้างการจ้างงาน ซึ่งจากการเจรจาในวันนี้ เชื่อว่าเราจะได้ข่าวดี

จุรินทร์ แนะรัฐบาลมีใช้สมาธิแก้ปัญหา

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวว่า ตนขอเป็นกำลังใจให้กับทีมไทยแลนด์ ที่พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ภายใต้ศักยภาพที่มีและหวังว่าประเทศไทย จะได้รับข่าวดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และยิ่งไปกว่านี้ก็คือตลาดสหรัฐอเมริกามีความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง

อย่างน้อยที่สุดหากดูตัวเลขปีที่แล้วทั้งปี ประเทศไทยส่งออกไปสหรัฐอเมริกาคิดเป็นสัดส่วนที่เราส่งไปทั้งหมดอเมริกาถึง 18.29% ซึ่งเกือบจะเรียกได้ว่าเป็น 1 ใน 5 ของยอดส่งออกทั้งหมด โดยไทยสามารถทำเงินเข้าประเทศจากการส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นเงินไทยถึง 1.9 ล้านล้านบาท และได้ดุลการค้าสหรัฐฯ มหาศาลคิดเป็นเงินไทย 1.2 ล้านล้านบาท นี่คือความสำคัญของตลาดสหรัฐฯ ที่จะทิ้งไม่ ได้และการเจรจาภาษีก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ

จุรินทร์กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับ พิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าประเด็นเรื่องภาษีทรัมป์นั้น เป็นแค่ปัญหาส่วนหนึ่ง หรือแค่ปัญหาบางส่วน แต่ตนมีความเห็นขยายความไปกว่านั้น ว่าปัญหาภาษีทรัมป์นั้น ไม่ใช่ปัญหาทั้งหมดของประเทศ และไม่ใช่ปัญหาทั้งหมดของรัฐบาล แต่แค่หนึ่งในหลายหลายปัญหาที่รัฐบาลกำลังเผชิญ ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งในการแก้ไขปัญหาไปพร้อมกัน โดยประเด็นสำคัญที่สุดก็คือจะต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการแก้ปัญหา

ขณะนี้ต้องยอมรับว่า รัฐบาลกำลังเจอกับปัญหาทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ในทางการเมืองต้องยอมรับว่ารัฐบาลกำลังเผชิญกับปัญหาเสถียรภาพ และกำลังลามไปถึงความชอบธรรม นี่คือสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ปัญหาส่วนในเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจ GDP โตต่ำ ซึ่งพิชัย ก็ทราบดีอยู่แล้ว

แม้ว่าวันสองวันนี้กระทรวงการคลังอาจจะออกมาแถลงว่า GDP มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น จากที่ตั้งเป้าไว้ในปี 68 ว่า 3% อาจจะขยับไปได้ 2.2% แต่หลายสำนักก็ยังคงคิดว่าอาจได้สัก 2% หรือหากไปถึง 2.2% ก็ยังไม่ถึงตามเป้าหมายอยู่ดีซึ่งก็เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหา

รวมทั้งปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่คนไทย มีปัญหารายได้ลบรายจ่ายแล้วไม่เหลือพอใช้ และปัญหาในเรื่องของสังคม ปัญหายาเสพติด ปัญหาสแกมเมอร์ และปัญหาความมั่นคงซ้ำซ้อนเข้ามา เรื่องชายแดนไทยกัมพูชา

ตนได้นำเรื่องนี้มาเรียนเพื่อจะบอกว่าภาษีทรัมป์ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหาที่รัฐบาลกำลังเผชิญ สิ่งที่ต้องการจะบอกก็เพียงว่า รัฐบาลจะต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการแก้ปัญหา และสำคัญไปกว่านั้นก็คือจะต้องหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหาเพิ่ม เพื่อให้รัฐบาลได้มีเวลาและสมาธิในการแก้ปัญหาให้ประเทศต่อไป

สำหรับปัญหาภาษีทรัมป์นั้น เป็นปัญหาที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่มิติทางด้านการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ แต่ถูกนำมาผูกโยงกับปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและโลก และไปไกลถึงบังคับถึงขั้นเลือกข้าง

ตนเรียนเช่นนี้ เพราะชัดเจนสำหรับนโยบายสหรัฐฯ ว่า America First ซึ่งชัดเจนว่าสหรัฐฯ ต้องมาก่อน ผลประโยชน์ของสหรัฐต้องเป็นที่หนึ่ง นี่คือสิ่งที่ทรัมป์ได้ประกาศไว้

ขณะเดียวกันจีนก็ประกาศตอบโต้ว่า ในเรื่องการเจรจาภาษีทรัมป์ ไม่ว่าจะของชาติใดในโลกนี้ หากเจรจาแล้วได้กระทบต่อผลประโยชน์ของจีน จีนจะตอบโต้โดยเด็ดขาด นี่คือปรากฏการณ์ที่ประเทศไทยต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการสร้างสมดุลระหว่างความสัมพันธ์และผลประโยชน์ของไทยเองระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เพราะทั้งสองประเทศมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของเราเป็นอย่างยิ่ง

จีนมีตัวเลขการค้ากับไทยเป็นอันดับหนึ่งของโลก ในปีหนึ่งการตัวเลขการค้าระหว่างไทยกับจีน 4 ล้านล้านบาท แต่ในขณะที่กับสหรัฐฯ เพียงแค่ 2.6 ล้านล้านบาท เพราะฉะนั้นจึงเป็นประเด็นที่ต้องการชี้ให้เห็นว่า การค้าทั้งกับจีนและสหรัฐฯ เราต้องรักษาดุลยภาพทางเศรษฐกิจ ระหว่างไทยกับสองประเทศนี้ให้ดี

ขณะเดียวประเด็นภาษีทรัมป์ได้ไปไกลถึงขนาดที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หยิบยกปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา มาแปลงเงื่อนไขทับซ้อนในการเจรจาทางการค้า โดยการประกาศว่าหากไทย-กัมพูชาไม่หยุดยิง ก็จะไม่เจรจาต่อ นั่นแปลว่า ถ้าเราไม่ทำตามทั้งไทยและกัมพูชาไม่หยุดยิง การเจรจาภาษีทรัมป์ก็จะไม่เดินหน้าต่อ หากทรัมป์เอาจริง แต่แม้จะประกาศหยุดยิง ก็ไม่ได้แปลว่าภาษีจะลดลง เป็นแค่ได้เดินหน้าเจรจาต่อ เพราะไม่ได้ไปประกาศว่าถ้าหยุดยิงก็จะลดภาษี ซึ่งนี่คือความจริงที่เราต้องเข้าใจเสียก่อน

อย่างไรก็ตามแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ตนคิดว่า ผู้ที่เชี่ยวชาญในวงการการเมืองระหว่างประเทศเข้าใจดี ว่าที่ทรัมป์กำลังเข้ามามีบทบาทเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ก็เพราะการวิเคราะห์ว่าต้องการที่สร้างผลงานเพื่อขอรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

แต่ถึงจะจริงหรือไม่จริงนั้น ก็ต้องยอมรับว่าเราปฏิเสธไม่ได้ว่า ทรัมป์กำลังเอามิติความมั่นคงมาผูกกับมิติการค้าอย่างชัดเจน ซึ่งผลที่ตามมาก็คือทำให้รัฐบาลไทย แก้โจทย์ยากขึ้น เพราะแทนที่จะแก้โจทย์ความมั่นคง แก้โจทย์การค้า กลับต้องเอาโจทย์ความมั่นคงกับเอาโจทย์การค้ามาผูกกัน และแก้ไปพร้อมๆ กันทั้งปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาอธิปไตย

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องฐานทัพเรือพังงาที่ทับละมุ ตนเรียนว่าจุดยืนของตนคือสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของฐานทัพเรือ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปกป้องอธิปไตยชายฝั่งอันดามัน และพร้อมสนับสนุนเรื่องนี้เต็มที่ทุกโอกาส

แต่สิ่งที่ตนอยากจะขอพูดก็คือ ประเทศไทยจะต้องไม่ยอมให้ชาติใด มาตั้งฐานทัพที่ท่าเรือทับละมุ ที่ต้องพูดตรงนี้เพราะว่าอาจเป็นการชักศึกเข้าบ้าน เกิดสงครามใหญ่เมื่อไหร่ จังหวัดชายทะเลฝั่งอันดามัน สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะกลายเป็นดินแดนกระสุน ตกและนอกจากชักศึกเข้าบ้าน

ตนขอเรียนว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะประเด็นนี้จะเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวอย่างยิ่งต่อการรักษาดุลยภาพความสัมพันธ์ระหว่างไทย สหรัฐฯ และจีน ตนขอฝากรัฐบาลเก็บไปคิดและไม่ใช่เรื่องที่ผ่านไปแล้ว มันยังเป็นเรื่องของวันนี้และอนาคตที่รัฐบาลจะต้องตระหนักในจุดยืนเหล่านี้

จุรินทร์กล่าวอีกว่า ไม่ว่าผลเกี่ยวกับอัตราภาษีทรัมป์จะออกมาเป็นอย่างไร ตนขอย้ำใน 3 เรื่องที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญและต้องทำ

  • เรื่องนี้ที่รัฐบาลจะต้องจัดการโดยเด็ดขาดกับการนำเข้าสินค้าต่างประเทศ เข้ามาในเขตฟรีโซนหรือเขตปลอดอากร เช่นที่แหลมฉบัง อ้างว่าเพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สาม แต่แท้จริงคือการลักลอบนำเข้าสินค้าเหล่านี้ออกมา ตีตราว่า Made in Thailand
  • รัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลข้อตกลงกับสหรัฐฯ ให้ชัดเจน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แม้ปัจจุบันจะยังอยู่ในขั้นที่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งตนเข้าใจดี เพราะเคยทำงานในฝ่ายบริหารและทราบว่าบางเรื่องจำเป็นต้องเป็นความลับเพื่อประโยชน์ของประเทศ แต่เมื่อมีการประกาศภาษีแล้ว หรือถึงเวลาอันสมควร รัฐบาลต้องชี้แจงต่อประชาชนว่าไทยยอมแลกอะไรกับสหรัฐฯ เพื่อให้คนไทยได้รับรู้และเตรียมรับมือกับผลกระทบได้อย่างเท่าทัน โดยเฉพาะปัญหาภาษีทรัมป์ครั้งนี้ อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
  • เรายังไม่ทราบว่าผลการเจรจาจะออกมาอย่างไร แต่ก็คาดการณ์ได้สามทาง คือหากเราเอาภาษีเวียดนามเป็นตัวตั้ง คือ 20% ผลที่คาดการณ์ได้ก็คือภาษีไทยโดนเรียกเก็บมากกว่าเวียดนาม หรือประมาณ 20% บวกลบ และน้อยกว่า 20%

แต่สิ่งที่ตนขอเรียนก็คือ ไม่ว่ามันจะออกมากี่เปอร์เซ็นต์ ทุกภาคส่วนของไทยกระทบแน่นอน โดยเฉพาะคนตัวเล็ก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ขอฝากก็คือ SME เกษตรกร และต้องยอมรับความจริงว่า วันนี้เกษตรกรขายข้าวได้เกวียนละ 6,000-7,000 บาทหลายเดือนติดกัน ไทยส่งออกข้าวติดลบตลอด

รัฐบาลมีมาตรการอะไรนอกจากเยียวยาจากผลกระทบจากผลภาษีทรัมป์ เพราะเราส่งเข้าไปตลาดสหรัฐฯ เป็นอันดับหนึ่งของโลก 53.6% จะมีมาตรการอะไรออกมา หากรัฐบาลประกาศไม่ประกันรายได้เหมือนที่ตนเคยทำ และยางล้อ ซึ่งเราก็ส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของตลาดสหรัฐฯ 19.3% ซึ่งก็คือ 20% หรือ 1 ใน 5 ของตลาดสหรัฐฯ ซึ่งหากยางล้อขายไม่ได้ ก็จะกระทบกับยางพาราในประเทศอย่างแน่นอน

“สุดท้ายตนก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่อยากให้ประเทศไทยเสียหายน้อยที่สุด เช่นเดียวกับที่รัฐบาล เพราะไม่เช่นนั้นก็กระทบรัฐบาลและต้องการเห็นประเทศไทยได้ประโยชน์มากที่สุด” จุรินทร์กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

ทุนนอกขานรับภาษีทรัมป์ 19% “BOI” ย้ำไทยพร้อมรับคลื่นลงทุนซัพพลายเชนเทคโนโลยีขั้นสูง

27 นาทีที่แล้ว

ไทยพาคณะทูต สื่อต่างชาติ ดูความเสียหายปั๊มน้ำมัน-โรงพยาบาลที่กัมพูชาโจมตี

36 นาทีที่แล้ว

Superman ขึ้นแท่นภาพยนตร์ DC เรื่องแรกในรอบหลายปีที่ทำรายได้ในสหรัฐฯ ทะลุ 300 ล้านดอลลาร์

58 นาทีที่แล้ว

ภาษีใหม่สหรัฐฯ สะเทือนวงการแฟชั่น แบรนด์ดัง Uniqlo – Adidas แห่ขึ้นราคาหนีขาดทุน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ชวลิต เตือน คนไทยในภาวะสงคราม จะมีคนหวังใช้ความกลัวและความเกลียดมาใช้ประโยชน์จากคนที่รักชาติ

TOJO NEWS

เทียบภาษีตอบโต้ของไทยที่ 19% สูง-ต่ำแค่ไหนเทียบกับโลก

THE STANDARD

3 หลักการช่วยเกษตรกรรับมือภาษีทรัมป์

สำนักข่าวไทย Online
วิดีโอ

"ฮุน เซน" ปิดคอมเมนต์หนี?! หลังชาวเน็ตไทยแห่ถามเรื่องเมียน้อย

WeR NEWS

ศาล รธน. สั่งฟัน “พิเชษฐ์” พ้น สส.-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

สำนักข่าวไทย Online

ยกระดับกำกับดูแลซื้อขายหลักทรัพย์ ป้องกันซ้ำร้อยคดีหุ้น MORE

สำนักข่าวไทย Online

รวบบัญชีม้าแก๊งตุ๋นโปรโมทสินค้าเสียหาย 1.3 แสน ตามอายัดได้คืน 3.5 หมื่น

Manager Online

ลูกสาวเจ้าของ ปั๊ม ปตท. บ้านผือ เขียนจดหมายภาษาอังกฤษยื่นคณะทูตนานาชาติ เล่านาทีสะเทือนใจจรวดกัมพูชาลงร้านสะดวกซื้อ

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อ 2 ประเทศมหาอำนาจ จีนและสหรัฐฯ ลงเล่นสมรภูมิไทย-กัมพูชา

THE STANDARD

อันวาร์เผย ทรัมป์เตรียมเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ปลายปีนี้ที่มาเลเซีย

THE STANDARD

รมว.คลังเผย การลดมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว คาดระยะยาวช่วยธุรกิจไทยแข่งขันดีขึ้น

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...