‘คุณสู้เราช่วย’ ดึงลูกหนี้พ้นวิกฤติ แบงก์ชี้ยอดยึด ‘รถ-บ้าน’ ลดลง 50%
ปี 2568 ถือว่าเป็นโจทย์ยากสำหรับการ “แก้หนี้” ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว ลูกหนี้เปราะบางมากขึ้น จึงถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในการเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ ที่ผ่านมาหลายแบงก์เดินหน้าต่อเนื่องในการช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะ “คุณสู้เราช่วย” เพื่อช่วยลูกหนี้ให้รอดพ้นจากวิกฤติหนี้ และรอดพ้นจากภูเขาหนี้ที่รอถาโถมเข้ามาในระยะข้างหน้า
“ปิติ ตัณฑเกษม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
ดังนั้น ธนาคารตระหนักถึงผลกระทบต่อสถานการณ์ของลูกหนี้ที่มีความน่าเป็นห่วงเพิ่มขึ้น และปักธงให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการช่วยเหลือลูกหนี้
โดยเฉพาะ “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และเอสเอ็มอีกลุ่มเปราะบางที่กำลังเผชิญกับภาระหนี้อย่างหนักแต่ยังอยากจะลุกขึ้นมาสู้ ให้สามารถกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง
ซึ่ง ทีทีบี เล็งเห็นความสำคัญของโครงการนี้ว่ามีประโยชน์ต่อลูกหนี้เป็นอย่างมาก จึงผลักดันให้ลูกหนี้ของธนาคารเข้าร่วมโครงการให้ได้มากที่สุด เพื่อปลดหนี้ได้ไวขึ้น และแก้ไขปัญหาหนี้สะสมเรื้อรังอย่างยั่งยืน
โดยหากดูการช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านคุณสู้เราช่วยเฟส 1 ที่ผ่านมา ทีทีบีสามารถให้ความช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเทียบกับช่วงก่อนมีโครงการ ทั้งลูกหนี้บ้านที่สามารถช่วยได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,300 บัญชีต่อเดือน จากเดิม 800 บัญชีต่อเดือน ลูกหนี้สินเชื่อรถยนต์ เพิ่มขึ้นเป็น 12,000 บัญชีต่อเดือน จากเดิมช่วยเหลืออยู่ประมาณ 8,000 บัญชีต่อเดือน
ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ได้ช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งรายย่อยและเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 54,000 บัญชี หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อประมาณ 31,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ โดยในเฟส 2 ทีทีบีคาดการณ์ว่าจะช่วยลูกหนี้ได้เพิ่มอีก 20,000-30,000 บัญชี
“คุณสู้ เราช่วย ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่มีประสิทธิผลในอันดับต้น ๆ ในการใช้มาตรการการแก้ปัญหาได้อย่างถูกจุดสำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่มีภาระหนี้สินหนัก ซึ่งการช่วยเหลือของทีทีบี เราไม่ได้ดูแค่จำนวนลูกค้า แต่ได้ลงไปติดตามดูผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นว่าช่วยลูกค้าได้จริง สะท้อนจากลูกหนี้กลับมาจ่ายเงินตามปกติได้มากขึ้นจากเดิม 10 - 20% ลูกค้าที่ถูกยึดทรัพย์แต่ละเดือนลดลง 50% สินเชื่อรถยนต์ถูกยึดรถลดลงไปเกือบ 25% ส่งผลให้ธนาคารสามารถบริหารจัดการลูกหนี้ค้างจ่ายได้ดีขึ้นด้วย”
ด้าน “เอสซีบี เอกซ์” มีการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่องเช่นกัน ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมามีลูกหนี้ที่ได้รับการช่วยเหลือผ่านคุณสู้เราช่วยแล้ว 100,000 ราย
โดยมีสินเชื่อคิดเป็น 53% ของกลุ่มลูกค้าที่มีสิทธิ และคิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้บริษัทเตรียมช่วยเหลือต่อเนื่องในระยะที่ 2 โดยคาดว่าจะมีลูกค้าได้รับความช่วยเหลือรวมทั้งเฟส 1 และเฟส 2 อยู่ที่ 1.3 แสนล้านบาท
เช่นเดียวกับ “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” ที่เดินหน้าช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง ล่าสุดมียอดขอความช่วยเหลือแล้ว ณ สิ้นมิ.ย. ที่ 105,802 ราย โดยผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ จํานวน 56,114 ราย หรือ 53%ของลูกหนี้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด
คิดเป็นเงินให้สินเชื่อ จํานวน 21,284 ล้านบาท ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติข้างต้นจํานวน 56,114 ราย คิดเป็น 30.9 % ของจํานวนลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการทั้งหมด หรือมีสัดส่วนของมูลค่าหนี้เป็น 40.6% ของเงินให้สินเชื่อของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติภายใต้โครงการ
ด้าน “กลุ่มการเงินทิสโก้” มีการเดินหน้าช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง ผ่าน “คุณสู้ เราช่วย” ทั้งรายย่อยและเอสเอ็มอี โดยเฉพาะ ผ่านมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและลดภาระดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ผ่านเกณฑ์เข้าร่วมมาตรการของกลุ่มทิสโก้มีจำนวนประมาณ 13,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6% ของสินเชื่อรวม โดยสิ้นมิ.ย. ที่ผ่านมา มีลูกหนี้เข้ามาตรการจำนวนประมาณ 5,200 ล้านบาท หรือ 40% ของลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ และมีลูกหนี้ที่ปรับโครงสร้างสำเร็จจำนวนประมาณ 4,000 ล้านบาท