สุโขทัยทิ้ง “มหายาน” ยกย่องเถรวาท มูลเหตุสงครามกับขอมสบาดโขลญลำพง?
เมื่อสุโขทัยทิ้งมหายาน แล้วหันมายกย่องพุทธศาสนาอีกนิกาย คือ “เถรวาท” จากลังกา ขอมสบาดโขลญลำพง ตัวแทนของกลุ่มอำนาจในศาสนาเดิมจึงเข้ายึดกรุงสุโขทัยศรีสัชนาลัย
หลักฐานที่ยืนยันว่าเมืองสุโขทัยนับถือพุทธศาสนานิกายมหายานมาก่อนคือ เมืองสุโขทัยยุคแรก ๆ บริเวณวัดพระพายหลวง มีปราสาทพุทธสถานนิกายมหายาน ซึ่งรับอิทธิพลมาจากลุ่มทะเลสาบเขมร (ผ่านแคว้นละโว้ หรือลพบุรีอีกที) ทำให้เชื่อได้ว่ากษัตริย์เมืองสุโขทัยสมัยแรกนับถือลัทธิมหายาน
ไม่มีหลักฐานว่าใครสร้างเมืองสุโขทัย หรือใครเป็นกษัตริย์องค์แรก แต่หลักฐานเก่าที่สุดเอ่ยถึง พ่อขุนศรีนาวนำถุม ระบุว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกผู้ปกครองเมืองสุโขทัยและศรีสัชนาลัย รวมถึงมีร่องรอยหลักฐานว่าตระกูลของท่านเป็นใหญ่ในดินแดนลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านมาแต่ดั้งเดิมด้วย
จารึกวัดศรีชุม(จารึกหลักที่ 2) ยกย่องพ่อขุนศรีนาวนำถุมว่า“รู้คุณอันวิเศษ” เชี่ยวชาญการศึกยุทธหัตถี เป็นผู้ “ประดิษฐานพระศรีรัตนมหาธาตุใกล้ฝั่งน้ำ…”คือบริเวณกลางเมืองสุโขทัย
สุจิตต์ วงษ์เทศชี้ว่า การประดิษฐานพระศรีรัตนมหาธาตุฯ หมายถึงการสร้างเมืองสุโขทัยใหม่ เปลี่ยนจากลัทธิมหายานแบบกัมพูชามาเป็นเถรวาทแบบลังกา จึงมีการสถาปนา“วัดมหาธาตุ” ขึ้นกลางเมือง
ผู้สืบตระกูลศรีนาวนำถุมคือบุตรชายนาม ผาเมือง เป็นเจ้าเมืองราดและเมืองลุมในลุ่มลำน้ำน่าน ท่านยังเป็น “ลูกเขย” กษัตริย์ขอมแห่งเมืองพระนคร ในลุ่มทะเลสาบเขมร (จารึกวัดศรีชุมเรียก ผีฟ้าเจ้าเมืองศรีโศธรปุระ) ผู้ยกบุตรสาวนาม “นางสุขรมหาเทวี” ให้เป็นภรรยา ทั้งยกย่องพ่อขุนผาเมืองโดยมอบพระแสงขรรค์ชัยศรีให้เป็นเกียรติยศ พร้อมนามศักดิ์สิทธิ์ “ศรีอินทรบดินทราทิตย์”
พ่อขุนผาเมืองมีสหายใกล้ชิดที่นับถือกันเหมือนญาติสนิทคนหนึ่งนาม พ่อขุนบางกลางหาว ผู้ต่อมาคือ“พ่อขุนศรีอินทราทิตย์”ต้นตระกูลศรีอินทราทิตย์แห่งอาณาจักรสุโขทัย
หลักฐานต่าง ๆ รวมถึงจารึกวัดศรีชุม ไม่ได้บอกว่าพ่อขุนบางกลางหาวครองเมืองใดมาก่อน มีเพียงจารึกสุโขทัยหลักที่ 45ที่มีข้อความแสดงร่องรอยบรรพบุรุษของท่านว่าอยู่ในสายตระกูลของ ผีปู่ผาคำนามว่า “ปู่ขุนจิตขุนจอด” ซึ่งเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกับเจ้าเมืองน่าน เมืองหลวงพระบาง และเชื่อมโยงลงไปเป็นเครือญาติกับตระกูลสุพรรณภูมิที่มีอิทธิพลอยู่ทางฟากตะวันตกของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
กลุ่มอำนาจเหล่านี้ล้วนรับเอาพุทธศาสนา “เถรวาท” เข้ามาแทนมหายานและพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิความเชื่อที่เคยมีอิทธิพลในแถบนี้มาก่อน
สุโขทัยทิ้งมหายาน ยกย่องเถรวาท
เมื่อพ่อขุนศรีนาวนำถุมหันมายกย่องเถรวาทแบบลังกา สร้างเมืองสุโขทัยใหม่ให้มีวัดมหาธาตุอยู่กลางเมือง โดยเฉพาะการดำริสร้าง “พระบรมธาตุ” ขึ้นใจกลางเมืองใหม่ เพื่อเป็นศาสนสถานสำคัญของบ้านเมือง แทนการสร้างปราสาทอันเป็นเทวาลัยฝ่ายฮินดูและพุทธาลัยฝ่ายมหายาน ถือเป็นการยอมรับพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทอย่างสมบูรณ์ในระดับผู้ปกครองรัฐ
จากนั้น “พระบรมธาตุ” ก็มีความหมายสำคัญต่อบ้านเมืองและแว่นแคว้นสุโขทัยสูงสุด แทนที่ปราสาทวัดพระพายหลวงที่เคยมีมาก่อน เป็นเหตุให้ขอมสบาดโขลญลำพงใช้กองทัพยึดเมืองสุโขทัยและศรีสัชนาลัย
สุจิตต์ ตั้งข้อสังเกตว่า ขอมสบาดโขลญลำพงนั้นจริง ๆ แล้วเป็นวงศ์เครือญาติของกษัตริย์แคว้นสุโขทัยศรีสัชนาลัยนั่นเอง
นั่นเพราะคำว่า “ขอม” หรือกรอม, กะหลอม ไม่ใช่ชื่อเรียกตนเอง แต่เป็นชื่อที่คนอื่นเรียก มีความหมายกว้าง ๆ ทางวัฒนธรรมหมายถึงพวกที่อยู่ทางใต้ (ของคนเรียก) คือแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาถึงลุ่มแม่น้ำโขง เป็นพวกตัดผมสั้น นุ่งโจงกระเบน นับถือฮินดู (พราหมณ์) หรือพุทธมหายาน โดยไม่เจาะจงว่าเป็นชนชาติใด
“(ขอม) จะเป็นใครก็ได้ที่เข้ารีตอยู่ในระบบความเชื่ออย่างหนึ่งในดินแดนทางใต้ แถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาถึงปากแม่น้ำโขง ในสมัยหนึ่งจะถูกเรียกว่า ‘ขอม’ ทั้งหมด
ในสมัยหลัง ๆ มักจะให้ขอมหมายถึงชาวเขมรในกัมพูชาโดยไม่จำกัดกาลเวลา แต่ชาวเขมรในกัมพูชาก็ไม่รู้จักคำว่า ‘ขอม’ และไม่ยอมรับว่าตัวเองคือขอม”
ดังนั้น ขอมสบาดโขลญลำพงในจารึกวัดศรีชุม จึงมิได้หมายถึงขุนนางชาวเขมรจากกัมพูชา และจากร่องรอยความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นละโว้ (ลพบุรี) กับบ้านเมืองตอนบน คือ สุโขทัย ศรีสัชนาลัย ทุ่งยั้ง ฯลฯ ขอมสบาดโขลญลำพงคือ ผู้มีอำนาจหรือเจ้าเมืองใดเมืองหนึ่งในเขตอิทธิพลของละโว้ ซึ่งเป็นเครือญาติกับตระกูลศรีนาวนำถุมแห่งสุโขทัยศรีสัชนาลัย
เมื่อพ่อขุนบางกลางหาวมีบทบาททางการเมืองมากขึ้นในสุโขทัย และใกล้ชิดกับเมืองทางทิศตะวันตกอย่างแคว้นสุพรรณภูมิ (พุทธเถรวาท) มากขึ้นเรื่อย ๆ ขอมสบาดโขลญลำพงจึงต้องเข้ามา “จัดแจง” อำนาจในสุโขทัยศรีสัชนาลัยเสียใหม่ ด้วยการเข้ายึดเมืองทั้งสอง นำไปสู่สงครามชิงเมืองคืนโดยความร่วมมือระหว่างพ่อขุนบางกลางหาวกับพ่อขุนผาเมือง เพื่อขับไล่ขอมสบาดโขลญลำพง และประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด
ความพ่ายแพ้ของขอมสบาดโขลญลำพง เสมือนเครื่องยืนยันการสิ้นสุดของลัทธิมหายานในแคว้นสุโขทัยศรีสัชนาลัยอย่างสมบูรณ์ โดยไม่หวนกลับมาอีก
จริง ๆ แล้วการยกย่องพุทธศาสนาที่ไม่ใช่มหายานเป็นประเพณีของบ้านเมืองในดินแดนสยามมาช้านานก่อนมีเมืองสุโขทัย เช่น เมืองอู่ทอง (จังหวัดสุพรรณบุรี) เมืองคู่บัว (จังหวัดราชบุรี) เมืองนครชัยศรี (จังหวัดนครปฐม) อันมีพัฒนาการมาแต่สมัยทวารวดี
แต่กรณีของสุโขทัยถือเป็นจุดตัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่อิทธิพลทางการเมืองและศาสนาจากแผ่นดินกัมพูชาเริ่มเสื่อมถอย และรัฐเกิดใหม่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับสุโขทัยอย่างล้านนา ล้านช้าง ตลอดจนกรุงศรีอยุธยา ล้วนละทิ้งลัทธิมหายานและฮินดูของอาณาจักรขอมแห่งเมืองพระนครกันทั้งสิ้น
อ่านเพิ่มเติม :
- “ภาพถ่ายเก่า” ขณะทำการขุดค้น วัดมหาธาตุ เมืองเก่าสุโขทัย
- ยุคมืดในประวัติศาสตร์สยาม และอุษาคเนย์ในยุคหัวเลี้ยวหัวต่อ
- เกร็ดการแย่งอำนาจครั้งสำคัญสมัยต้นสุโขทัย “พ่อขุนบางกลางหาว” ถึง “พระยาลิไท”
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2539). แคว้นสุโขทัย : รัฐในอุดมคติ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน.
ไมเคิล ไรท. (2559). ยุคมืดของประวัติศาสตร์ไทย หลังบายน พุทธเถรวาท การเข้ามาของคนไท. กรุงเทพฯ : มติชน.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 21 สิงหาคม 2568
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สุโขทัยทิ้ง “มหายาน” ยกย่องเถรวาท มูลเหตุสงครามกับขอมสบาดโขลญลำพง?
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com