โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

เตือน ‘กนง.‘ เร่ง ’ลดดอกเบี้ย‘ หวั่นนโยบายการเงิน ทุบซ้ำศก.ทรุด

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 18 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) 13 ส.ค.2568 เป็นการประชุมครั้งที่ 4 ของปี ถูกจับตาใกล้ชิด ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง และเผชิญแรงกดดันหลายด้าน ทั้งส่งออกที่หลายฝ่ายคาดอาจชะลอตัวหนักหรือเข้าสู่ “ภาวะติดลบ” บวกกับการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวตามเป้า ยิ่งเงินเฟ้อปัจจุบันอยู่ระดับต่ำ ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้ความจำเป็นในการปรับ “นโยบายการเงิน” มีมากขึ้นนับจากนี้
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า การพิจารณาดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ (13 ส.ค.) อยู่บนสถานการณ์ Tricky ที่ยากซับซ้อนค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นรอบการประชุมครั้งสุดท้ายของผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ดังนั้น การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยคาดเดายาก

หากดูปัจจัยโดยรวม โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจถือว่าใกล้เคียงกับการประชุม กนง. ครั้งก่อน ดังนั้นสัญญาณเศรษฐกิจยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ หากดูปัจจัยเบื้องต้นคาด กนง. มีโอกาส “คงอัตราดอกเบี้ย” มากกว่า “ลดดอกเบี้ย” แต่ทิศทางดอกเบี้ยยังเชื่อว่าหลังจากนี้จะยังเป็นดอกเบี้ย “ขาลง” ต่อเนื่อง

  • สัญญาณเศรษฐกิจทรุดชัด “ควรลดดอกเบี้ย”

แต่โดยส่วนตัวแล้วมองว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญปัจจุบัน “ควรลด” ดอกเบี้ย เพราะสถานการณ์ชัดและที่ผ่าน มาธปท. สื่อสารต่อเนื่องว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังชะลอตัวชัดเจน และพร้อมลดดอกเบี้ย แต่อยากลดในภาวะที่เป็นไทม์มิ่งที่ effective ที่สุด เนื่องจากขีดความสามารถดำเนินนโยบายการเงิน (Policy Space) มีค่อนข้างน้อย ต้องมั่นใจว่าลดดอกเบี้ยแล้วจะมีประสิทธิผลสูงสุด
ทั้งนี้ มองว่า ปัจจัยเอื้อให้ “ลดดอกเบี้ย” มีค่อนข้างมาก ทั้งเศรษฐกิจไทยที่ต่ำกว่าศักยภาพ ท่องเที่ยวหาย การบริโภคในประเทศหดตัว เงินเฟ้อติดลบ เงินบาทแข็งค่า ดังนั้นควรเห็นนโยบายการเงิน “ลดลงได้” และการส่งผ่านนโยบายการเงินไปสู่ภาคธนาคาร มองว่าเป็นประเด็นสำคัญ
ประเด็นสำคัญที่สุดของ ธปท.วันนี้ คือ Policy space มีน้อย จึงอยากเก็บกระสุนไว้ แต่ความเสี่ยง คือ ยิ่งเรารอนานตัวนโยบายการเงินอาจเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจเองได้
อย่างไรก็ตาม การลดดอกเบี้ยในภาวะที่การเข้าถึงสินเชื่อยาก แบงก์เข้มงวดปล่อยกู้มากขึ้น เพราะสิ่งที่กลัว คือ ลดดอกเบี้ยแล้วไม่ส่งผ่านอาจเป็นกระสุนที่ไม่ Effective ดังนั้น หากลดดอกเบี้ยควรมีวิธีทะลวงให้การส่งผ่านผ่านช่องทางสินเชื่อทำงานได้ดี

  • ควรลดดอกเบี้ยตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างรอให้แย่

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และ นายกสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันมองว่าควร “ลดอัตราดอกเบี้ย” เนื่องจากไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ หากรอจนเศรษฐกิจชะลอตัวลงรุนแรงแล้วค่อยกระตุ้นอาจจะต้องใช้แรงขับเคลื่อนจำนวนมาก
ดังนั้น มองการลดดอกเบี้ยก็เหมือนการซื้อประกัน เพราะเมื่อมองเห็นปัญหาอยู่ข้างหน้า ควรซื้อประกันไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้ หากรอให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วค่อยซื้อประกันอาจไม่ทันการณ์ และปัญหาต่างๆ จะรุนแรงกว่าที่คิด อาจต้องใช้ “ยา” หรือมาตรการที่รุนแรงแก้ไขปัญหาในอนาคต

สถานการณ์ปัจจุบันถือว่า เอื้อต่อการลดดอกเบี้ย ภายใต้ปัจจุบันที่ไม่มีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจก็อยู่ในภาวะที่ไม่ดีนัก ดังนั้น มองว่าต้องมีการลดดอกเบี้ยอย่างน้อยปีนี้ 1-2 ครั้ง เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้

  • ไทยติดกับดัก Policy Space

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างช้า เศรษฐกิจไม่ได้ฟื้นตัวแข็งแกร่งตามที่คาดหวัง ทำให้ขาดแรงส่งที่จำเป็น อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ

บ่งชี้ว่ายังไม่มีแรงกดดันด้านราคาประกอบกับความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อและอยู่ในระดับสูง เหล่านี้สร้างความลังเลให้กับภาคธุรกิจและผู้บริโภคในการตัดสินใจ

ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่า กระทบเชิงลบต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

เมื่อพิจารณาปัจจัยทั้งหมด แทบไม่มีปัจจัยใดที่สนับสนุนการ “คงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับสูงอีกต่อไป” ดังนั้น มองมีโอกาส กนง.จะ “ลดดอกเบี้ย” ได้ในรอบการประชุมครั้งนี้ เพราะการลดดอกเบี้ยท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่น และป้องกันไม่ให้ภาพรวมที่กำลังแย่อยู่แล้วกลับยิ่งแย่หนักลงไปอีก

หากกนง. ไม่ลดดอกเบี้ยครั้งนี้มองว่า โอกาสที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือมีต่อเนื่อง แต่ทำให้มีความจำเป็นที่ต้องลดดอกเบี้ยสองครั้งติดทั้งเดือนต.ค. และธ.ค. และอาจต้องลดต่อเนื่องถึงปีหน้า เพื่อใหม่มีแรงส่งเศรษฐกิจต่อเนื่อง
ทั้งนี้อาจเห็นจุดสิ้นสุดของดอกเบี้ยนโยบายไม่จบแค่ที่ 1.25% จากที่คาดการณ์ไว้แต่เดิม

แต่ดอกเบี้ยอาจลดลงไปจนถึงระดับที่ 1.0% ได้ ซึ่งสถานการณ์นี้ ไม่ใช่เป็นภาพที่ดี บ่งชี้ว่า แรงส่งเศรษฐกิจขาดหายไปมาก จำเป็นต้องใช้อัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงเพื่อเสริมสภาพคล่องและให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่เศรษฐกิจ และการที่ธปท.คาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ลงไปที่ 1.7% ตอกย้ำถึงความจำเป็นต้องมีแรงส่งจากนโยบายเพิ่มเติม โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกของปีหน้าหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว

“เราต้องเริ่มคุยมาตรการทางการเงิน ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยแล้ว เพราะเรามาติดกับดักเรื่อง Policy space ทำให้ไม่ลดดอกเบี้ย แล้วไม่ทำอะไร ไม่ได้ ต้องคิดนอกกรอบว่า มีเครื่องมืออื่นนอกจากดอกเบี้ยหรือไม่ ทั้งกลไกของการค้ำประกัน หรือการไปดูเรื่องค่าเงินบาท พอไปบอกว่าดอกเบี้ยอย่างเดียวเริ่มมีขีดจำกัด

  • ทุกปัจจัยเอื้อกนง.ลดดอกเบี้ย

นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) กล่าวว่า ทิศทางนโยบายการเงินมีโอกาสเป็นขาลงต่อ

เพราะภาวะการเงินช่วงนี้ยังค่อนข้างตึงตัว หากพิจารณาจากเครื่องชี้ทางการเงินต่างๆ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงยังคงสูงขึ้น แม้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75% แต่เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มติดลบ และกำลังติดลบเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงสูงขึ้นและตึงตัวขึ้น

ขณะเดียวกันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมาก แข็งค่าขึ้น 11% เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะสูงที่สุดในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริง (NEER) หรือตะกร้าเงินกลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนวิกฤติปี 2540 แล้ว

ทั้งนี้หากดูการพิจารณาในการปรับนโยบายการเงิน มี 3 ด้านหลัก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพ วันนี้ ภาพเศรษฐกิจไทยน่าห่วงแม้ทุกสำนักคาดการณ์ว่าการเติบโตจะอยู่ระหว่าง 1.5% ถึง 2%ต้นๆ

แต่ทุกคนเห็นตรงกันว่าครึ่งแรกของปีจะดี เนื่องจากได้ประโยชน์จากการส่งออกที่เร่งตัวขึ้นล่วงหน้า แต่การส่งออกครึ่งหลังจะชะลอตัวแน่นอนหรืออาจติดลบและอาจต่อเนื่องไปถึงครึ่งปีแรกของปี 2569 ดังนั้นภาพรวมการเติบโตตลอด 1 ปีข้างหน้าจึงจะค่อนข้างอ่อนแอ

ภาวะเงินเฟ้อยังคงติดลบ และอาจมีแรงกดดันจากสินค้านำเข้าจากจีนและหลายประเทศ ทำให้ กนง. ไม่ต้องกังวลว่าการลดดอกเบี้ยจะทำให้เงินเฟ้อสูงเกินไป

เรื่องเสถียรภาพกนง. อาจเคยกังวลว่าการลดดอกเบี้ยจะทำให้หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นแต่ในปัจจุบัน หนี้ครัวเรือนอยู่ในขาลง เป็นการลดภาระหนี้ (deleveraging) จากที่เคยสูงมากในอดีตดังนั้น การลดดอกเบี้ยไม่น่าจะทำให้เกิดความกังวลเรื่องหนี้ที่สูงขึ้นไปอีก แต่จะช่วยลดภาระการชำระดอกเบี้ยของผู้ที่มีภาระหนี้อยู่แล้ว

ดังนั้นทิศทางดอกเบี้ยน่าจะเป็นขาลง กนง. อาจพิจารณาเรื่องช่วงเวลาหรือไทม์มิ่งที่เหมาะสม และการพิจารณาถึงประสิทธิภาพของการทำนโยบาย ที่ปัจจุบันเริ่มมีการพูดถึงกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ ซอฟท์โลนดอกเบี้ยต่ำ และสินเชื่อปรับโครงสร้างต่างๆที่จะเข้ามาช่วยให้การส่งผ่านนโยบายมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยมองว่ามีโอกาสสูงพอสมควรที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20 นี้และถึงแม้จะยังไม่ลดในครั้งนี้เพื่อเก็บ policy space ไว้ แต่ก็ยังเชื่อว่าภายในปีนี้ ในการประชุมอีก 3 ครั้งที่เหลือ น่าจะมีอย่างน้อย 2 ครั้งที่ กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลง เพราะดอกเบี้ยยังคงเป็นขาลง ตลาดการเงินเองก็คาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้และอีกครั้งในไตรมาสที่ 4 ดังนั้นการลดดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบัน

การพิจารณาดอกเบี้ยที่กนง. มี3ด้านสำคัญ การเติบโต เงินเฟ้อ และเสถียรภาพ ที่วันนี้ชี้ไปในทิศทางที่ควรลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจน่าห่วง เงินเฟ้อติดลบ เสถียรภาพ หนี้ครัวเรือนเป็นขาลง ดังนั้นทิศทางดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในทิศทางขาลง”

  • ห่วงเศรษฐกิจไทยรุนแรงกว่าวิกฤติโควิด

นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า มองว่าการประชุมกนง.ครั้งนี้ หากดูจากการสื่อสารของธปท. และกนง.มาอย่างต่อเนื่อง มองว่าไม่น่าลดดอกเบี้ย เพราะธปท. ยังคงมองว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังคงดีตัวเลขทางเศรษฐกิจยังไม่แย่แม้จะมีหลายตัวเลขที่แย่ แต่การส่งออกก็ยังถือว่าดีอยู่ และครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของผู้ว่าการ ธปท. ที่อาจยังจะไม่เปลี่ยนแนวทางในการตัดสินใจในครั้งนี้

แต่ส่วนตัวแล้ว มองว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งในการลดดอกเบี้ย เนื่องจาก เศรษฐกิจโดยรวมขณะนี้ “แย่มาก”ในทุกด้านยกเว้นตลาดหุ้นที่ดูเหมือนจะปรับตัวขึ้นได้

ทั้งนี้มองว่า ดอกเบี้ยสามารถลดลงได้อีกมาก และมองว่าควรลดลงไปถึง 0.5%ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดที่เคยเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 เพราะสถานการณ์ปัจจุบันมีความรุนแรงเทียบเท่าหรือมากกว่าวิกฤตโควิด-19 เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในภาวะซึมยาว และยังไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาฟื้น ดังนั้นการลดดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย

นอกจากนี้หากดูโมเมนตัมทางเศรษฐกิจปัจจุบันก็ไม่ดี เศรษฐกิจขาดแรงขับเคลื่อน ส่งออกคาดลดลงมากและอาจติดลบสูง ภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ผลกระทบจากสถานการณ์กัมพูชา เริ่มส่งผลกระทบทำให้มีการยกเลิกอัตราเข้าพัก การจัดสัมมนา ประชุมในประเทศไทยแล้ว เพราะต่างชาติต้องการลดความเสี่ยง

นอกจากนี้สิ่งที่น่าห่วงคือ แรงงานชาวกัมพูชาจำนวนมากเดินทางกลับประเทศแล้ว ซึ่งส่งผลทำให้โรงงาน โรงงานอาหารทะเลหลายรายต้องปิดตัวเนื่องจากขาดแคลนแรงงาน ดังนั้นมีผลกระทบมากต่อการผลิต

วันนี้มันไม่ควรมี Policy Space มีแต่อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ควรต้องใช้แล้ว กระสุนจะเก็บไว้ทำไม ในเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ลดได้เยอะถึง 0.5% และควรเริ่มมองเครื่องมืออื่นๆแล้ว โดยเฉพาะQE เพราะวันนี้สินเชื่อตกต่ำมากดังนั้นการส่งผ่านนโยบายต้องทำให้ตรงจุดตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่นกลุ่มยานยนต์ อสังหา

ทั้งนี้หากมองวัฏจักรขาลงของดอกเบี้ย น่าจะไปเห็นต่ำสุดที่ระดับ 0.50% และผู้ว่าคนใหม่เข้ามาอาจเห็นการลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง เพราะยิ่งลดเร็วเศรษฐกิจยิ่งฟื้นเร็ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'ทรัมป์' ลั่น จะขับไล่ 'คนไร้บ้าน' ออกจากเมืองหลวงและจับอาชญากรขังคุก

51 นาทีที่แล้ว

ทูตไทยประจำนิวยอร์ก-เจนีวา ลุยตอบโต้กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จีนต่อรองสหรัฐลดควบคุมส่งออกชิป AI เพื่อบรรลุข้อตกลงการค้า

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เก็บกู้อาวุธกัมพูชาใช้โจมตี 4 จว.ไทย 384 รายการ พบ BM-21 เพียบ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

จับตาประชุม กนง. 13 ส.ค. ‘CIMBT’ ชี้ลดดอกเบี้ย ช่วยพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดหนัก

The Bangkok Insight

ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง…มาเลือกลงทุนหุ้นตัวแรกกัน!!

The Bangkok Insight

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก รับข่าวดีผ่อนคลายนโยบายภาษี – หุ้นเทคฯ ยังนำตลาด

การเงินธนาคาร

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (11 ส.ค. 68) ขยับขึ้น 2.4% อยู่ที่ 119,297 เหรียญสหรัฐ

ประชาชาติธุรกิจ

18 ปี บนเส้นทางของ ‘ไทยเครดิต‘ มุ่งสู่ ’ธนาคารยุคใหม่‘ แบงก์โตเร็วที่สุดรอบ 10ปี

กรุงเทพธุรกิจ

คปภ.กางยุทธศาสตร์แผนพัฒนาฉบับที่ 5 รับมือสารพัดความเสี่ยงยุคใหม่ ทั้งภูมิรัฐศาสตร์-เทคโนโลยี -กระแส ESG-สู่โหมดSuper Aged Society

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...