สรุปมุมมองการประชุมกนง. 13 ส.ค. นี้ ควร “คง” หรือ “ลด” ดอกเบี้ยนโยบาย
เดินไปตลาดยังได้ยินคนพูดเรื่องเศรษฐกิจไทยไม่ดีนัก จากแรงกระเพื่อมเหล่านี้กลายเป็นแรงกดดันต่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 13 สิงหาคม 68 ซึ่งต้องตัดสินใจว่าจะปรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยให้ไปทางไหน ส่วนใหญ่ก็มองสองทางคือ “คง” หรือ “ลด” ดอกเบี้ยฯ
จากต้นปีมานี้ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาแล้ว 2 ครั้งจากก่อนหน้าที่อยู่ราว 2.25% ต่อปีมาสู่ระดับ 1.75% ต่อปีในปัจจุบัน โดยที่ผ่านมาเคยให้เหตุผลว่าต้อง “ลดดอกเบี้ยฯ” เพราะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มปรับลดลงท่ามกลางความเสี่ยงที่โลกก็ชะลอลงไปด้วย
แต่ถึงความเสี่ยงด้านต่ำของเศรษฐกิจไทยยังสูงลิ่ว ในการประชุมครั้งล่าสุด (25 มิ.ย.) กรรมการของกนง. ส่วนใหญ่ 6 ต่อ 1 เลือก “คง” ดอกเบี้ยนโยบายไว้เพราะให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาและประสิทธิผลของนโยบายการเงินภายใต้บริบทที่มีความไม่แน่นอนสูงและกระสุนดอกเบี้ยที่ไทยมีจำกัด
ดังนั้นหลายฝ่ายจึงจับตาการประชุม กนง.รอบ 13 สิงหาคมนี้ เพราะเป็นการประชุม กนง. ครั้งสุดท้ายของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้ วิทัย รัตนากร ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ที่จะเริ่มงาน 1 ต.ค. นี้
ท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนไป กนง. จะมีท่าทีแบบไหน Thairath Money อยากชวนมาอ่านมุมมองของนักวิเคราะห์ในไทยก่อนจะถึงการประชุมรอบนี้
ฝั่ง ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และนายกสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย มองว่า ช่วงที่เหลือของปี 68 นี้การรักษา "โมเมนตัม" ของเศรษฐกิจเป็นหัวใจสำคัญ จึงเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1 - 2 ครั้ง (ครั้งละ 0.25%) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่เนิ่นๆ เปรียบเสมือนการ "ซื้อประกัน" ไว้ก่อนที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงไปมากกว่านี้ ซึ่งจะช่วยประคองเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้
ในฝั่งที่คาดว่า กนง. อาจ “หั่น” ดอกเบี้ยนโยบายลงในรอบนี้ มีมุมมองจาก ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย หรือ CIMBT ว่า เมื่อเศรษฐกิจไทยต้องเจอแรงกดดันหลายด้าน ได้แก่
1. เงินเฟ้อต่ำลากยาว จากช่วงที่ผ่านมาเงินเฟ้อทั่วไปต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย สะท้อนถึงอุปสงค์ในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว
2. เศรษฐกิจไทยยังอ่อนแรง ทั้งฝั่งกำลังซื้อของประชาชน ภาคการผลิตที่อ่อนแอ และภาคก่อสร้างที่ยังไม่ดีขึ้น
3. สินเชื่อหดตัวต่อเนื่อง เกิดจากธนาคารระวังปล่อยกู้มากขึ้นเพราะมีความเสี่ยงด้านเครดิตสูง
4. ปัจจัยภาษีทรัมป์ (ภาษีสินค้านำเข้า) ที่แม้ไทยจะถูกเก็บที่อัตรา 19% แต่จะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกไทยในอนาคต
ทั้ง 4 เรื่องนี้เป็นเหตุผลหลักที่กนง.ควร “ลดดอกเบี้ย” ในการประชุมรอบนี้ เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดหนักกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทั้งขาการใช้จ่าย การลงทุน เพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงลดต้นทุนทางการเงินในภาพรวม ซึ่งมองว่าหากลดดอกเบี้ยช้าเกินไป ในอนาคตอาจต้องปรับลดดอกเบี้ยกว่าที่จำเป็นก็ได้
ขณะที่ทาง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีมุมมองว่าการประชุมกนง. รอบนี้คาดกนง. มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ต่อปี เพราะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากที่เคยประเมินไว้ ส่วนหนึ่งเพราะไตรมาส 2/2568 มีผลดีจากการเร่งส่งออกทำให้ GDP โตใกล้ 3.0% และความเสี่ยงที่ลดลงเมื่อไทยเจรจากับสหรัฐฯ นำสู่การเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าไทยที่อัตรา 19%
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เหลือของปี 68 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม 1-2 ครั้ง ในการประชุมที่เหลือของปีนี้ (รอบ 8 ตุลาคม, 17 ธันวาคม) เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะชะลอลงอย่างมีนัยในไตรมาส 4/2568 เพราะหลายสาเหตุ เช่น 1) การส่งออกครึ่งปีหลังที่ชะลอลง 2) ผลกระทบภาษีทรัมป์ที่เพิ่มขึ้น 3) ภาคการท่องเที่ยวยังหดตัวต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง 4) เงินบาทที่แข็งค่า ตอนนี้อยู่ที่ 5.9% YTD นับตั้งแต่ต้นปี เป็นที่ 5 ของภูมิภาค เพิ่มแรงกดดันต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวไทย
ในท้ายที่สุด หากกนง. จะเลือก “หั่น” ดอกเบี้ยนโยบาย ในฐานะประชาชนอาจต้องติดตามว่าฝั่งสถาบันการเงินจะปรับลดดอกเบี้ยฯ เงินกู้และเงินฝาก ช้าเร็วแค่ไหน
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สรุปมุมมองการประชุมกนง. 13 ส.ค. นี้ ควร “คง” หรือ “ลด” ดอกเบี้ยนโยบาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รอบรั้วการตลาด: อว. พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนด้วยพลังสหวิทยาการ
- ค่าครองชีพพุ่ง! สวนทางรายได้ ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งกดดัน “วัยใกล้เกษียณ” ต้องวางแผนการเงินสู้เงินเฟ้อ
- เหตุไทย-กัมพูชา นักท่องเที่ยวยกเลิกเดินทาง 8,000 คน สั่งแจงไม่ใช่พื้นที่ท่องเที่ยว
- ปรับโฟกัส เปลี่ยนพฤติกรรม เส้นทางหลุดพ้นวิกฤติหนี้ครัวเรือน
- "สินค้าจีนทะลัก" ระเบิดเวลาลูกใหม่ เบื้องหลังภาษีทรัมป์ 19% คนไทยอาจกระทบทั้ง SME - ภาคการผลิต
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath