โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

วัดผลงาน “พท.- ภท.” ปลดล็อกกฎหมายใหญ่ “แอลกอฮอล์-กัญชา”

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นโยบายด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของพรรคเพื่อไทย ในห้วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นการปลดล็อกและปรับแก้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เรียกได้ว่าเป็นการ “ล้างท่อ” กฎหมายต่างๆที่ค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็น การแก้ไข พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เพื่อส่งเสริมสุราชุมชน และการท่องเที่ยว สนับสนุนการผลิตสุราในระดับชุมชน

ด้วยการปลดล็อกให้กลุ่มสหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชนสามารถผลิตสุราได้ โดยไม่ต้องมีกำลังการผลิตขั้นต่ำเหมือนเดิม ปลดล็อกการโฆษณา ด้วยการแก้กฎหมายผ่อนคลายข้อห้ามเรื่องโฆษณา ทำให้สามารถประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ไม่มุ่งหวังผลกำไรหรือเป็นการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทย

การผ่อนคลายการขายในวันสำคัญทางศาสนา โดยอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบางพื้นที่และบางประเภทสถานประกอบการ เช่น สนามบิน โรงแรม ย่านธุรกิจท่องเที่ยว และสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ, การปรับปรุงกระบวนการผลิต โดยสนับสนุนให้มีการพิจารณาแบ่งประเภทสุราใหม่ ให้มีความหลากหลายในการแสดงชื่อสุราบนฉลาก และอนุญาตให้มีการบรรจุสุราในบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก

เพื่อเป็นของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว การสนับสนุนเกษตรกร โดยออกมาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมเกษตรกรที่นำสินค้าเกษตรในท้องถิ่นมาผลิตเป็นสุรา รวมทั้งการผ่อนคลายให้โรงเบียร์ขนาดเล็กและกลางสามารถซื้ออากรแสตมป์มาติดได้ แทนการติดตั้งเครื่องพิมพ์เครื่องหมายแสดงการเสียภาษี ซึ่งมีมูลค่าสูง

นายกวี สระกวี นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย กล่าวแสดงความคิดเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การเปลี่ยนแปลงกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงที่ผ่านมา มีทั้งการปรับเล็ก ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป เช่น การอนุญาตให้สถานบริการกลางคืน โรงแรม หรือพื้นที่ท่องเที่ยวสามารถจำหน่ายได้ในบางช่วงเวลา แต่ประเด็นสำคัญที่สุดที่ถือเป็น “การปลดล็อกครั้งใหญ่” คือ พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ ที่ใช้เวลาผลักดันกว่า 2 ปี

ซึ่งมี 4 ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่การจำหน่ายในวันหยุดนักขัตฤกษ์ (วันพระใหญ่) ,การจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) ,การจำหน่ายคราฟต์เบียร์นอกสถานที่ และการจำกัดเวลาจำหน่าย (14:00-17:00 น.) แต่ละประเด็นมีความซับซ้อนและต้องแก้ไขกฎหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งรัฐบาลได้พยายามผลักดันกฎหมายสำคัญที่ต้องผ่านสภาให้แล้วเสร็จ

นายกวีระบุว่า สิ่งที่น่ากังวลคือกฎหมายลูก เนื่องจากรายละเอียดสำคัญจำนวนมากยังขึ้นกับประกาศกระทรวง หากร่างไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. ก็อาจทำให้การปลดล็อกไม่เกิดผลจริง

“ตอนนี้ พ.ร.บ.ใหญ่ผ่านแล้วและรอประกาศใช้ แต่ยังไม่มีการออกกฎหมายลูก หากการร่างล่าช้า ผู้ประกอบการจะตกอยู่ในสภาวะสุญญากาศ เพราะกฎหมายเก่าก็ใช้ไม่ได้ ขณะที่กฎหมายใหม่ก็ยังไม่สามารถปฏิบัติได้จริง ทำให้ภาคธุรกิจเหมือนถูกมัดมือ แม้ว่ารัฐบาลเพื่อไทยเป็นผู้ผลักดัน พ.ร.บ.นี้มาอย่างจริงจังตั้งแต่ต้น แต่หากเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็ไม่แน่ว่ารัฐบาลใหม่จะเดินตามเจตนารมณ์เดิมหรือไม่ โดยเฉพาะในขั้นตอนการออกกฎหมายลูก ซึ่งถือเป็นจุดชี้ขาดว่าจะปลดล็อกได้จริงหรือไม่”

อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่าหากมีรัฐบาลใหม่ การร่างกฎหมายลูกจะสานต่อเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. หลักที่ผ่านการพูดคุยอย่างยาวนานระหว่างทุกฝ่าย ซึ่งมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างความเป็นธรรมให้กับทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค การที่กฎหมายลูกถูกร่างอย่างละเอียดถี่ถ้วนจนเกินไป จนสุดท้ายทำให้การประชาสัมพันธ์และการให้ข้อมูลกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก หรือทำได้เฉพาะข้อมูลด้านโภชนาการเราก็จะไม่ก้าวไปไหน เราอยากเห็นอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีพลวัตมากขึ้น และสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม

ในมุมของพรรคภูมิใจไทย นโยบายเรือธงที่ทุกคนรับรู้เป็นอย่างดีคือ “นโยบายด้านกัญชา” ที่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในการปราศรัยใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้ง ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ. บุรีรัมย์ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า จะปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติด พร้อมผลักดันกัญชาเพื่อการแพทย์ อ้างว่าเป็นทางเลือกใหม่ทางเศรษฐกิจ

ต่อมาในปี 2564 ภายใต้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทรวงสาธารณสุขที่มี อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรี ออกประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด โดยไม่มีการตรากฎหมายเฉพาะควบคุมควบคู่กัน ทำให้เกิด สุญญากาศทางกฎหมาย อย่างไรก็ดี พรรคภูมิใจไทยมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแต่ก็เผชิญกับการต่อต้านจากพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทย กระทั่งร่างฉบับดังกล่าวต้องตกไปเพราะเกิดการยุบสภาในปี 2566

หลังการเลือกตั้งในปี 2566 พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล ในยุครัฐบาลเศรษฐา 1 พรรคเพื่อไทยพยายามนำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด โดยสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขทบทวนประกาศดังกล่าว พร้อมพิจารณานำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดประเภท 5 โดยอนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะในทางการแพทย์ พร้อมกำหนดให้จัดทำกฎกระทรวงควบคุมการใช้ให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 แต่ก็ต้องล้มเหลวลงเมื่อเจอแรงต้านจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยจนนำไปสู่การชะลอท่าทีของพรรคเพื่อไทยในเวลาต่อมา

ภายหลังการปรับคณะรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศว่า จะดึงกัญชากลับมาอยู่ในบัญชียาเสพติดอีกครั้ง โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุย้ำชัดเกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะเร่งกำหนดให้กัญชาใช้เพื่อทางการแพทย์เท่านั้น ที่สุดแล้วกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับปรุงประกาศ เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565

ควบคุมไม่ให้นำกัญชาเฉพาะส่วนที่เป็น "ช่อดอก" ไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรดังกล่าวโดยคำแนะนำของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย โดยราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2568 ควบคุมช่อดอกกัญชา มีผลตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2568

นายสุปรีย์ ทองเพชร นายกสมาคมสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SME กล่าวแสดงความคิดเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ประเมินการใช้กัญชาทางการแพทย์วันนี้มีมูลค่าขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาทยังไม่นับรวมการส่งออก ปัญหาที่ผ่านมาเรื่องของกัญชา คือ ไม่มีเส้นมาตรฐานที่ชัดเจนทำให้การยกระดับมาตรฐานทำได้ยาก

แต่เมื่อมีการสร้างเส้นมาตรฐานที่ชัดเจนขึ้นก็สามารถที่จะให้ความรู้และนำผู้ประกอบการเข้าสู่กระบวนการมาตรฐานได้ซึ่งจะนำไปสู่ความเท่าเทียมกันในการทำธุรกิจ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นการออกกฎที่เอื้อให้ทุนใหญ่ได้เปรียบทุนเล็ก ซึ่งเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าพรรคใดจะขึ้นมาเป็นรัฐบาลในอนาคตเรื่องของ "กัญชาทางการแพทย์" จะเป็นหนึ่งนโยบายที่ทุกพรรคขับเคลื่อนเดินหน้าต่อ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

อสังหาฯภูธรคึก จับเทรนด์ย้ายถิ่น–เกษียณ โครงการหรูบุกตลาดโคราช

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สรรพากรรีดภาษี 10 เดือน พลาด 1 หมื่นล้าน โค้งสุดท้ายปีงบ 68 ท้าทาย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

SET จัดตารางนัด 13 หลักทรัพย์ เข้าร่วม Oppday วันที่ 3 ก.ย. นี้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

10 วิธีป้องกันมะเร็งจากการเลือกทานอาหารที่ดีมีประโยชน์

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

ทหารแพทย์โรงพยาบาลสนาม หลอกฉีดวัคซีนปลอมให้กำลังพลกว่า 200 นาย

THE ROOM 44 CHANNEL

พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 3 กันยายน 2568 กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

สวพ.FM91

สรรพากรรีดภาษี 10 เดือน พลาด 1 หมื่นล้าน โค้งสุดท้ายปีงบ 68 ท้าทาย

ฐานเศรษฐกิจ

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 2 กันยายน 2568

สวพ.FM91

เอกชนฟาดการเมือง ทุบเศรษฐกิจซํ้าซาก จับตาจีดีพี Q4 อ่วม หนุนยุบสภาสู่โหมดเลือกตั้ง

ฐานเศรษฐกิจ

ชำแหละ 3 บิ๊กโปรเจ็กต์คมนาคม 3.06 แสนล้าน ชะงัก ลุ้น ครม.ใหม่

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...