หวัดดีคับคน (เคย) เลวมาแล้ว ‘GUNNER.NETWORK’ กับชีวิตฮือๆ ที่เล่าได้แบบฮาๆ
สิบเก้านาฬิกา เป็นเวลาดึกสุดเท่าที่เราเคยนัดสัมภาษณ์ใคร แต่สำหรับต้นเรื่องคนสำคัญอย่าง ‘GUNNER.NETWORK’ ก็ดูเข้าใจได้
เขาชวนเรามาที่ Flick of the Light สตูดิโอทำเพลงของเวย์ ไทเทเนียม นอกจากจะได้ฟังเพลงใหม่ที่ทำร่วมกับ Younggu และเพลงใหม่ของตัวเขาเองก่อนใคร ที่นี่ยังเปรียบเสมือนโรงงานสร้างสรรค์ของเหล่าแรปเปอร์มากฝีมือ เพลง CHI MI ที่มีท่อนดังอย่างเธอโยกอยู่ในฟลอร์ก็ทำคลอดที่นี่เหมือนกัน
หากกันเนอร์ปล่อยเพลงเมื่อ 10 ปีก่อนคงถูกมองว่าเป็นผู้ก่อการร้ายทางดนตรี เพราะลายเซ็นจัดจ้านของเขามาก่อนกาลเกินกว่าใครจะเข้าใจ แต่ในยุคสมัยที่เวทีนางงามใช้เพลงหมาเห่า หรือวง T-POP แถวหน้าอย่าง Proxie หันมาทำเพลงรถแห่ นิตยสารโลกดนตรีคงมีอะไรให้เขียนถึงอีกเยอะ
ชายหนุ่มในชุดเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงโหลดต่ำพร้อมเข็มขัดหัวเพชรแวววับ ซ่อนผมคอร์นโรลไว้ใต้หมวกปีกอย่างดี ประดับประดาด้วยสร้อยแหวนเงินทอง สมกับเป็นดีไซเนอร์ผู้โด่งดังจากแบรนด์ RocheBoy ตอบรับคำทักทายเราอย่างเป็นมิตร ก่อนนำเราเข้าไปเจอกับพี่ชายไนเจล โปรดิวเซอร์คู่บุญ และมีเพื่อนที่กลายมาเป็นผู้จัดการคอยนั่งประกบไม่ห่าง พร้อมถ่ายวิดีโอประกอบการสัมภาษณ์ไปด้วย
แม้ไม่ทราบเวลาแน่ชัดว่า 1 ทุ่มกี่นาที แต่หลังจากบทความนี้เผยแพร่ไปในช่อง Tiktok ของกันเนอร์คงปรากฏคลิปสั้นประจำวันที่ 12 มิถุนายน ระบุกิจกรรมและเวลาชัดเจน พร้อมวลีฮิต “จัดไป น้องชาย”
เขาบอกเราว่าอ่านภาษาไทยออกแค่ภาษาแชต ภาษาอังกฤษยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเด็กเกเรนิยมนั่งเตร็ดเตร่อยู่บ้านมากกว่าไปโรงเรียน นั่นกลายเป็นข้อดีที่ทำให้เขาหยิบจับคำพูดในโลกออนไลน์มาแต่งเพลงจนไวรัลนักต่อนัก
“จําได้มั้ยว่าสตูดิโอที่ใช้อัดเพลงแรกในชีวิตคือที่ไหน” เราโยนคำถามให้เขานึกถึงอดีต
“ที่บ้าน เรียกเพื่อนมาที่บ้านแล้วก็ให้เขาถือไมค์ ถือลําโพง”
“ตอนนั้นทําเพลงเองเป็นเหรอ”
“ไม่เป็น ฟรีสไตล์ไปเรื่อย มั่วไปเรื่อย ลองดูว่ามันน่าจะเป็นแบบนี้ จนออกมาเป็นไอ้ว้ายตายแล้วค้าบ” เขาพูดถึงเพลง No Date เพลงแรกในประสาทการรับรู้ของเราที่มีทั้งคำว่าปลาคาร์ฟกับปลาดุกอยู่ในเนื้อ
กันเนอร์ปล่อยเพลงทันทีที่ทำเสร็จ โดยไม่ขอคำอนุมัติจากใคร และไม่คาดฝันว่ามันจะเปลี่ยนชีวิต
“ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นแรปเปอร์ขนาดนั้น แค่คิดว่ามันลั่นดี” เขายืนยันเหมือนทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ว่าไม่อยากนิยามตัวเอง “ภาพจำของแรปเปอร์จะเท่ๆ หน่อย มีความอเมริกัน แต่เพลงผมไทยๆ รั่วๆ แบบเพลงโหน่งเท่งหม่ำ มันไม่ค่อยแรปเปอร์เลย หรือแนแหน่แนแน่ (ท่อนหนึ่งในเพลงรัก) แรปเปอร์อะไรร้องแนแหน่แนแน่”
เสียงหัวเราะเบากับรอยยิ้มจางๆ เล็ดลอดออกมาให้เห็น ส่งให้เราตั้งคำถามถึงวัยเด็กได้ไม่ยากว่า เด็กชายกันเนอร์ที่พ่อตั้งชื่อให้เพราะชอบทีมอาร์เซนอลฝันอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่จำความได้หรือเปล่า
เขาตอบทันควันว่าตอนเด็กยังไม่รู้จะทำอะไรด้วยซ้ำ อย่างมากที่สุดก็คิดอยากรวยเพื่อให้ที่บ้านไม่ลำบาก
กันเนอร์คิดได้แบบนั้นตั้งแต่วันที่พ่อผู้ให้กำเนิดเดินเข้าซังเต
ได้ข่าวว่าคุณชอบหมา
ผมชาติหมา คุณชอบไหม
แสงไฟย้อมทั้งสตูดิโอจนเป็นสีม่วง ฉาบทับใบหน้าคนตรงข้ามเราจนมองไม่เห็นแววตา ช่วยให้เขาพูดถึงอดีตได้อย่างสบายใจ แม้จะมีผู้คนรายล้อมอยู่คับห้อง
อันที่จริงกันเนอร์บอกว่าเขาไม่เจ็บปวดอะไร เพราะเขาเป็นคน ‘ฮาๆ’ อยู่แล้ว
“แต่ก่อนบ้านผมรวย มีรถตู้ยี่ห้อโฟล์ค อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากซื้ออะไรก็ได้ซื้อ ผมซื้อของเล่นทุกวัน มีคนเอากระเช้ามาให้พ่อเต็มไปหมด แต่ช่วงเวลานั้นมันแป๊บเดียวเอง”
เพราะพอถึงอายุ 10 ปี ธุรกิจส่งออกอาหารทะเลที่พ่อทำกับหุ้นส่วนก็เกิดปัญหาใหญ่ ส่งผลให้เสาหลักต้องถูกจองจำในคุก ครอบครัวล้มละลายจนถูกยึดบ้าน
พวกเขาย้ายสำมะโนครัวมาอยู่บ้านผู้เป็นแม่ย่านเพชรเกษม เริ่มต้นสร้างตัวอีกครั้งด้วยการเปลี่ยนบ้านหลังน้อยเป็นร้านรับซื้อของเก่า ร้านส้มตำ จนมาเป็นร้านอาหารตามสั่ง เพื่อประคับประคองครอบครัวให้อยู่รอด และปลุกปั้นลูกชายให้เติบโตอย่างดีจนถึงวันที่พ่อถูกปล่อยตัว เด็กชายกันเนอร์ในตอนนั้นจึงไม่รู้จักว่าความลำบากของพ่อแม่คืออะไร
เขากลับหันไปทำความรู้จักเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่ายาเสพติด เพราะมันทำให้ชีวิตวัย 13 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก
“สภาพแวดล้อมก็เกี่ยวที่ทำให้ผมเป็นแบบนั้น แต่มันอยู่ที่ตัวเราเอง ผมไม่ได้เป็นคนใจแข็งขนาดนั้น ผมก็ไปตามโลก เห็นเพื่อนเขาสนุกดี เคิร์ท โคเบน ยังเสพยาได้ เขาไม่เห็นเป็นคนร้ายเลย ความคิดของผมในตอนนั้นคือคนเล่นยาไม่ใช่คนร้าย ถึงมันจะผิดกฎหมายแล้วก็ทําให้เดือดร้อน” เขาสารภาพแต่โดยดี
จากปี 2010 ถึง 2018 จากอายุ 13 กลายเป็น 20 ปี นั่นคือช่วงเวลาที่เขาเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ ถึงขนาดกลายเป็นคนเดินเข้าซังเตเสียเอง จนพ่อต้องไปประกันตัวที่โรงพักในวันเกิด หรือแม้กระทั่งเลือกจบชีวิตตัวเอง เพราะพิษยาก็ทำมาหมดแล้ว
“ผมเพี้ยนเลยแหละ ผมดูดยาบ้าแล้ว เลิกกับสาวเพราะเขาไม่โอเคที่ผมเพี้ยน แม่ก็ลําบากเรื่อยๆ ผมทําที่บ้านเดือดร้อน อะไรหลายอย่างไม่มีอะไรดี ไม่รู้จะทําอะไรต่อ พยายามหาตังค์ก็ไม่เวิร์ก ทำมาหมดทุกอย่างทั้งดีทั้งไม่ดี เงินหาได้ก็ไปเร็ว เป็นช่างสักก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอที่จะหาเงินได้เยอะ”
โชคดีที่โลกนี้ยังไม่สิ้นชื่อกันเนอร์ เขาตัดสินใจเข้ารับการบำบัดยาเสพติดราวๆ 2 เดือน ที่นั่นไม่ได้มีสูตรลับมากไปกว่าการใช้ชีวิตร่วมกับคนติดยาด้วยกัน บางคนสกปรกมาก บางคนเลอะเลือนมาก ทำให้เขาไม่อยากเห็นตัวเองอยู่ในสภาพนั้น และไม่อยากกลับมาอยู่ในสภาพนี้อีก จะเรียกว่าเข็ดหลาบก็ไม่ผิด
เขากลับออกมาด้วยวิธีคิดใหม่ เลิกคบเพื่อนกลุ่มเดิม พยายามอย่างมากที่จะไม่ออกจากบ้าน ทวงเวลาที่เคยเสียไปด้วยการทบทวนตัวเองและกลับไปค้นหาความชอบในวัยเด็ก กระทั่งกองเสื้อผ้าแฟชันผุดขึ้นมาในความทรงจำ ปรากฏภาพเด็กหนุ่มที่หาเครื่องของมาประโคมตัวเอง แต่เพราะการถือครองสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้เขาแต่งตัวโดดเด่นได้ไม่มากนัก
จากเด็กที่แบมือขอเงินแม่ไปเสพยา วันนั้นเขาขอให้แม่ซื้อจักรเย็บผ้าเป็นของขวัญแด่ชีวิตใหม่
“แม่รักผมมาก ซัพพอร์ตทุกอย่าง ผมไม่อยากไปโรงเรียน เขาก็บอกไม่ต้องไป ผมอยากจะทําอะไร เขาก็สนับสนุนได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าเขาจะมีตัง หรือไม่มี”
กันเนอร์ตั้งชื่อแบรนด์เสื้อผ้าแฟชันของเขาว่า RocheBoy จากชื่อสารเสพติดที่ทำให้เขาเสียผู้เสียคน
ยิ่งหลงใหลการเย็บผ้า ก็ยิ่งอยากอยู่บ้าน
ใครจะรู้ว่าจักรเย็บผ้าของแม่และพิษยาจะทำให้เขากลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง
ผมเข้าไปในผับเปิด Henny
น้องผมบลอนด์ดูเหมือน Britney
ส่วนตัวผมค่อนข้างเทสดี
เปิดเพลง House ฟังแบบตุ๊กชี่
กันเนอร์ฝึกหัดเย็บผ้าด้วยตัวเองในยูทูบ เขาหยิบเสื้อวงดังต่าง ๆ มาตัดเย็บใหม่เป็นเสื้อ Custom Made ชิ้นเดียวในโลก บวกกับชอบฟังดนตรีแนวฮิปฮอป พังก์ เมทัลเป็นทุนเดิม ทำให้เสื้อผ้าของเขาแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน แบบที่ภาษาสมัยนี้เรียกกันว่า ‘เป็นหัวแถว’
ปี 2020 แบรนด์ RocheBoy ประสบความสำเร็จมาก เพราะ FKA Twings นักร้องสาวจากเกาะอังกฤษทักอินสตาแกรมมาขอให้เขาทำเสื้อลายเจ้าหญิงไดอานา ก่อนสวมใส่มันออกรายการ SWAY’S UNIVERSE พาชื่อกันเนอร์ไปปรากฏในนิตยสาร Vogue อเมริกา จนราคาพุ่งสูงถึง 4 - 5 หลัก สื่อไทยมากมายแห่แหนไปสัมภาษณ์เด็กหนุ่มสไตล์จัด เขาเองก็เริ่มทำยูทูบเพื่อให้คนรู้จักแบรนด์และตัวตนของเขามากขึ้นเช่นกัน
กันเนอร์บอกเราว่าเขาอยากกลับไปทำเสื้อผ้าอยู่เสมอ เพราะฝันอยากทำงานร่วมกับแบรนด์ใหญ่อื่นๆ อย่างที่ A$AP Rocky คอลแลบกับ PUMA เพียงแต่ชีวิตศิลปินทุกวันนี้ดันขาขึ้นจนฉุดไม่อยู่
หลังเริ่มทำยูทูบไม่นาน Younggu ที่ชื่นชอบคาแรกเตอร์ของเขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนกันเนอร์ไปทำเพลง พอได้ลองชิมลางดนตรีแล้ว ก็เริ่มกระหายอยากทำเพลงของตัวเองบ้าง ต่อมาเขารู้จักพี่ชายไนเจลโดยบังเอิญ และชักชวนกันมาทำเพลงทั้งที่ไม่รู้ประสา แต่เพราะความแปลกใหม่และไม่มีใครเหมือนอีกเช่นกัน ที่พาเพลง No Date โดนเส้นคนทั่วประเทศ ผับบาร์ชื่อดังต่างต้องการตัวเขาไปแสดงคอนเสิร์ต แม้นักร้องหน้าใหม่จะมีแค่เพลงเดียวก็ตาม
2 ปีที่ผ่านมา เราได้ยินเสียงของกันเนอร์ตลอดเวลาราวกับปล่อยเพลงทุกเดือน นั่นเป็นเพราะบรรดาศิลปินจากค่ายเล็กใหญ่ต่างต้องการวรรคทองเพียงไม่กี่คำจากมันสมองของชายผู้นี้ ต่อให้มันจะมั่วสะบัด ผิดหลักไวยากรณ์จนนักประพันธ์เพลงร้องไห้ แต่ก็ทำให้เพลงนั้นๆ ดังยิ่งกว่าพลุแตก
“ผมชอบเพลงร้องง่าย ไม่ชอบฟังเพลงร้องยากเกินไป คือเราขอร้องด้วยคนดิ รู้สึกแบบนั้น ก็เลยทําเพลงไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ใช้คําง่ายๆ ในชีวิตประจําวัน จากศัพท์วัยรุ่นใน TikTok บ้าง จากแฮชแท็กบ้าง”
เขาเล่ากระบวนการทำเพลงให้เราฟังอย่างย่อว่ามักจะมีท่อนฮุก หรือชื่อเพลงแล่นฉิวเข้ามาในหัวก่อน ทั้งเพลงโหน่งเท่งหม่ำ, มีผัวไม่มีผล, คนเลว2024 แล้วค่อยนั่งกดบีตทีละตัวกับโปรดิวเซอร์ บอกความต้องการว่าผมจะเอากลองแบบนี้ เอาสแนร์แบบนี้ อยากได้บีตแบบละตินๆ หรืออยากได้เสียงแปลกๆ แบบไหน เพราะเขาไม่ต้องการทำเพลงเหมือนคนอื่น แต่อยากสร้างสรรค์งานใหม่ของตัวเอง
แรปเปอร์หลายคนเลือกมองกลับไปปูมหลังของตัวเองเพื่อผลิตผลงาน แล้วดูเหมือนทุกคนจะมีเส้นทางชีวิตบนขวากหนามกันทั้งนั้น ไม่แปลกถ้าเนื้อหาของเพลงจะหนักหน่วง บางครั้งก็ชวนใจสลาย หรือไม่ก็หวานหยดย้อยเพราะความรักกำลังผลิบาน แต่ผลงานของกันเนอร์ต่างออกไป
“ผมแม่งไม่ใช่คนเศร้าขนาดนั้นเลย ไม่รู้ดิ เล่าเรื่องไม่ถูก” เขาตอบเขินๆ เมื่อถามว่าทำไมไม่หยิบเรื่องราวชีวิตสุดพลิกผันของตัวเองมาใส่ในเพลงบ้าง “สมมติผมเล่าเรื่องว่าผมลำบาก ชีวิตผมเดินทางมาแบบนี้ แม่งคงออกมาฮาหมด”
นอกจากเหตุผลว่าไม่อยากพรีเซนต์เรื่องราวเศร้าๆ ออกมาให้คนอื่นฟัง อีกเหตุผลที่เขาบอกเรา คือยังไม่โตพอจะแต่งเพลงเกี่ยวกับชีวิต
เดือนมิถุนายนมี 30 วัน กันเนอร์มีคิวเล่นคอนเสิร์ตทั้งหมด 22 งาน
ในวันธรรมดาที่ปราศจากงานใดๆ ชายหนุ่มอายุย่าง 27 ปียังคงตื่นมาดูการ์ตูน Sponge Bob และกินซีเรียลเป็นอาหารเช้า
เพื่อนผมมันชื่อชาลี ส่วนผมวิลลี่ วองก้า
คนก่อนมาจากปากี คนนี้มาดากัสกา
เรารู้ว่ากันเนอร์เป็นทั้งดีไซเนอร์และศิลปินที่ไม่มีใครเหมือน นอกจากการทำเพลง TikTok ของเขายังปรากฏภาพชายตัวสักลาย ทรงผมประหลาด เล่นสนามบอลกับลูกสาวตัวน้อยที่เขาตั้งชื่อให้ว่า ‘ชอว์ตี้’ เพราะดูฮิปฮอปดี
เขาพูดถึงลูกสาวอย่างกระตือรือร้น บอกเราว่าเธอกำลังเข้าเรียนเตรียมอนุบาลและชอบพูดเจื้อยแจ้วเป็นต่อยหอย ส่วนกิจกรรมที่เขาชอบทำกับลูกที่สุดคือการซื้อของเล่นให้ เพราะมันทำให้เขาคิดถึงตัวเองตอนเด็ก ๆ
ปัจจุบันกันเนอร์ยุติความสัมพันธ์กับคนรัก แม้ไม่ได้อยู่ร่วมกันฉันท์ครอบครัว เขาก็ไปหาลูกทุกอาทิตย์ที่ว่าง “ผมไม่ได้ไปไหน ถึงไม่ได้เป็นแฟน เขาก็เป็นแม่ของลูกผมตลอดชีวิต”
จากเคยนึกภาพไม่ออกว่าตัวเองจะเป็นพ่อคนได้ยังไง ลูกสาวบีบบังคับให้เขาต้องมีความรับผิดชอบ และเปลี่ยนให้หนุ่ม (เคย) เลือดร้อน ใจเย็นลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่ใช่แค่หน้าตาที่ถอดแบบกันมาเปี๊ยบ เขาอยากให้ชอว์ตี้เติบโตมาเป็นคน ‘ฮา ๆ’ เหมือนกัน และใช้สูตรชอบเรียนก็เรียน ไม่ชอบเรียนก็ไม่ต้องไป เหมือนที่แม่พร่ำสอนเขา ปล่อยลูกให้เติบโตและสนุกสนานตามวัย เพียงแต่กำชับไม่ให้ตะโกนกลางห้างเป็นพอ
กันเนอร์ย้ำเสมอว่าเขาไม่ใช่คนคิดมากอะไร ใช้เวลาคิดเรื่องเครียดครั้งล่าสุดนานกว่าเรื่องที่สุขที่สุดด้วยซ้ำไป ส่วนภาพร่างอนาคตของเขาก็ไม่ไกลเกิน 5 ปี เพื่อป้องกันความผิดหวัง คงเพราะชีวิตเพิ่งเคยลงตัวเป็นครั้งแรก และถึงคราวเป็นฝ่ายดูแลคนรอบตัวบ้าง
ปัจจุบันกันเนอร์กลายเป็นเสาหลักของครอบครัว พ่อแม่เลิกกิจการอาหารตามสั่ง ลูกสาวกำลังจะใส่ชุดนักเรียน เพื่อนพี่น้องที่ไว้ใจกลายมาเป็นเพื่อนร่วมงาน แม้จะเหนื่อยยากกว่าชีวิตสำมะเลเทเมา อย่างน้อยก็ได้ใช้ลมหายใจอย่างภาคภูมิใจทุกวัน
เขาเดินทางผิดพลาดมาเยอะ เติบโตพอจนไม่สนใจเสียงด่า และแข็งแกร่งพอจะกลับไปบอกตัวเองตอนอายุ 13 ให้ทำแบบเดิมอีกครั้งได้
“เพราะเด็กคนนั้นทําให้เป็นผมคนนี้ ผมแค่อยากกลับไปคุยกับเขาว่าใจเย็นๆ พยายามไม่ให้เดือดร้อนใคร ไม่หาเงินแบบผิดๆ ถ้าเกิดกลับไปเตือนมันแล้วแม่งกลายเป็นกลัวไปเลยทำไง ผมอาจจะไม่ได้ทําเพลงด้วยซ้ำ”
กันเนอร์เป็นคริสเตียน ยังคงเข้าโบสถ์กับแม่ทุกครั้งที่มีโอกาส เราถามเขาว่าเหตุการณ์ไหนในชีวิตที่อยากขอบคุณพระเจ้าที่สุด เขาคิดเพียงไม่นานราวกับเตรียมคำตอบไว้
“วันที่เสื้อขายได้ วันที่พ่อผมฟรี แล้วก็วันนี้ ผมขอบคุณพระเจ้าทุกวัน”
“ผมไม่ได้เป็นคนมีความเชื่อลึก แค่รู้สึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่พระเจ้า เพราะพระเจ้าไม่พาผมไปในที่ที่มันแย่แน่นอน”
ต่อให้คุณจะชอบเขาหรือไม่ก็ช่าง อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอย่าปฏิเสธหัวใจเลยว่าไอ้ท่อน หวัดดีคับคนเลวมาแล้ว มันติดหูดีเหลือเกิน