คลี่เวที The Face Thailand กับ ‘เต้ ปิยะรัฐ’ ผู้กุมเบื้องหลังกันตนาด้วยคำว่า I was born into it.
แสงบนรันเวย์สาดส่อง เครื่องแต่งกายครบชุด แต่ส้นสูงกลับบิ่นจนเกือบหักแม้ออกเดินอย่างมั่นใจ ขนาดว่าฝึกปรือมาอย่างดี ด้วยเสียงที่ตะโกนอยู่ล่างเวทีไม่ได้มีแค่คำชม ต้องคอยรับแรงกระแทกที่อาจทำให้หมดสภาพ ถูกเมนเทอร์บังเหียนจนมีแผล อาจถอดใจอยากเหวี่ยงความฝันทิ้งไป ทว่านี่เป็นสิ่งที่ต้องเผชิญ เมื่อคิดก้าวขาขึ้นสู่เวที ‘The Face Thailand’ สนามที่สะท้อนโลกทั้งใบของสื่อบันเทิง
และในขณะนี้ เรากำลังยืนอยู่ที่ด่านสุดท้าย ตาจ้องตากับผู้คุมหลังฉากที่สวมรองเท้าสีแดงแจ๋ตัดกับชุดดำ ดูลึกลับอย่างที่ไม่อาจมองออกว่าร่างกายเธอจะขยับไปทางไหนต่อ ทว่ากลับมีเสน่ห์ดึงดูดให้ค้นหา หากนี่เป็นเกมหมากรุก ‘เต้ - ปิยะรัฐ กัลป์จาฤกษ์’ ท่าจะเป็นขุนที่จ้องรุกฆาต ทันทีที่เผลอเดินเบี้ยผิด
เป็นตอนที่มันมาก ใครพลาดนี่เศร้าเลย
หากพูดถึงรายการโทรทัศน์ในประเทศไทยที่ทำให้ผู้ชมอินจนถอนตัวไม่ขึ้น เฝ้ารอตอนถัดไปมาถึง เราเชื่อว่าใครหลายคนคงพ็อปอัปชื่อ ‘The Face Thailand’ ขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ อยู่ในหัว ด้วยเพราะเป็นปรากฏการณ์รายการทีวีที่กระชากคำว่าดรามาขึ้นไปได้จนถึงจุดเดือดสูงสุด ภาพเมนเทอร์ถลึงตาใส่ลูกทีม ใช้พลังความเป็นแม่ฟาดฟันกันไปมา ทั้งหมดนี้มีแหล่งกำเนิด ถอดแบบมาจากรายการต่างประเทศ และเต้เองที่เป็นคนดึงมันเข้ามา เปิดตาที่สามให้คนไทยได้เห็นความแปลกใหม่
ทำไมถึงนำรายการ The Face มาสร้างในเวอร์ชันไทย
ก็ชอบ เต้มั่นใจว่าจะทำมันออกมาได้ดี เนื่องจากมาทางละครสูง ด้วยการเอาผู้เข้าแข่งขันผู้หญิงมารวมกัน ยังไงก็ต้องเกิดดรามาแน่นอนอยู่แล้ว สถานการณ์การแข่งขันก็กดดัน ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็น The Face เพราะตอนนั้นมีอยู่ 2 แฟรนไชส์ที่เป็นรายการเกี่ยวกับโมเดลิงก็คือ America’s Next Top Model กับ The Face พอไปคุยกับค่าย The Face เรารู้สึกว่าทำงานได้ง่ายกว่า แปลกใหม่กว่า สดกว่าด้วย ถึงแม้เวอร์ชันอเมริกาเขาจะมีปัญหาในการทำ แล้วโดนแคนเซิลออกอากาศไป แต่เราว่านั่นไม่ใช่ปัญหาของเราแน่ๆ เราทำได้ในเวอร์ชันเอเชียที่คนดูน่าจะชอบ
แล้วเราไม่กลัวถูกแคนเซิลเหรอ
ไม่กลัว จริงๆ ก่อนหน้าที่ของอเมริกาจะโดนแคนเซิล เขาก็ประสบความสำเร็จกันมาพอสมควร ได้ทำในประเทศใหญ่ๆ เช่น อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย แต่เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถูกแคนเซิลไปนะ
ปกติดูรายการประเภทนี้อยู่แล้วไหม
ดูนะ เพราะเป็นหน้าที่ของเต้ที่ต้องไปซื้อขายฟอร์แมตในตลาดโลก คนมักจะเข้าใจว่ามี The Cannes Film Festival อย่างเดียวที่เป็นการซื้อขายหนัง แต่มันก็ยังมีแยกออกไปอย่าง MIP TV Festival และ TV Festival สำหรับซื้อขายทีวีอีก หรือซื้อขายแต่โฆษณาก็มี เหมือนตลาดสดเลย ไม่สวยงามขนาดนั้น แต่พอพูดว่าเป็น The Cannes Film Festival แล้วก็จะสวยขึ้นมาหน่อย เพราะเป็นการเดินพรมแดง
เหมือนตลาดสดอย่างไร
ข้อที่หนึ่งเขาจะให้เราเรียนรู้ว่าในตลาดนี้มีคอนเทนต์อะไรทั่วโลกที่น่าสนใจบ้าง เราชอปปิงอะไรได้บ้าง ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้เราด้วยว่าทำไมพวกเขาถึงประสบความสำเร็จในโชว์เหล่านั้นได้ เอาเอเจนซีต่างๆ มานั่งคุยกันเลย เราได้รู้เรื่องราวมากมาย เทรนด์ของทีวี เทรนด์ของคอนเทนต์ในปีนี้และปีต่อไป
แม้ว่ารายการ The Face Thailand ที่เต้นำเข้ามา จะเป็นอะไรที่ใหม่มากพอสมควร สำหรับยุคที่คนยังติดละครโทรทัศน์กันอยู่งอมแงม น้อยนักจะได้เห็นสื่อประเภทนี้ แต่บริษัทกันตนาได้สร้างความมั่นใจให้กับแวดวงสื่อมาแล้ว ด้วยรายการเรียลลิตี Big Brother Thailand (2005) ที่เปิดบ้านให้คนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ด้วยกัน ติดกล้องให้ดูชีวิตทุกขณะแบบเรียลไทม์ หรืออย่าง Family Secret ไขความลับทายาทธุรกิจ (2014) ที่เรียกยอดดูได้จำนวนไม่น้อย ทำให้ The Face Thailand Season 1 ถูกก่อร่างขึ้นใต้ความไว้วางใจที่ผ่านมาเช่นกัน
น้องจะประกาศศึกกับพี่เหรอจ๊ะ
เต้เคยหนีวงการบันเทิงไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ ทว่าโชคชะตาไม่อาจฝืนกันได้ เธอกลับมาอีกครั้ง พลิกจากบทบาทเด็กนอกกลายเป็นทายาทสืบต่อเจตนารมณ์ของกันตนา แรกๆ ทางเดินอาจจะขลุกขลักไปเสียหน่อย หลายเสียงว่าช่องกันตนาไม่อาจทำรายการประเภทแฟชันได้แน่ แต่เต้พิสูจน์ให้เห็นด้วยความตั้งใจที่ทุ่มจิตวิญญาณลงไป เธอลบคำสบประมาทออกหมดเกลี้ยง กระทั่งภาพจำเดิมของช่องกันตนาค่อยๆ เลือนราง ถูกแทนที่ด้วยสื่อในยุคสมัยใหม่ คนรุ่นใหม่ที่ไฉไลไม่แพ้เดิม แต่ยังคงกลิ่นอายกันตนาไว้ได้อย่างแจ่มชัด
คาดหวังผลตอบรับไหม
มันต้องให้เขาทำความเข้าใจกันก่อนว่าเราจะสื่อสารอะไร ตอนนั้นเราเคยโดนกระแสว่ากันตนาจะทำได้เหรอ มาจากเรื่องจริงผ่านจอ คดีเด็ด ละครหลังข่าว แล้วถ้ามาทำแฟชันบิวตี ไลฟ์สไตล์จะทำออกมาเป็นอย่างไร พอรายการออกไปสักสองสามตอนคนก็เริ่มเข้าใจนะ มีซีซันสองแล้วคนก็ตอบสนองกันดีขึ้น เหมือนเขาปลดล็อกแล้วว่ากันตนาไม่ใช่ภาพเดิมที่ทำได้อย่างเดียว เราก็ดีใจ
พอรู้แล้วว่าจะทำ The Face ขั้นแรกที่เริ่มคืออะไร
หาแคสติงก่อน เพราะแคสติงเป็นหัวใจสำคัญ อย่างแรกที่คิดขึ้นมาได้คือถ้าเราได้รายการนี้ขึ้นมาจริง คนที่จะเป็นเนโอมี แคมป์เบลล์ คือ ลูกเกด - เมทินี กิ่งโพยม นี่คือสารตั้งต้น เพราะเขาเป็นซูเปอร์สตาร์ เป็นซูเปอร์โมเดลตั้งแต่ยุค 90 ที่เป็นยุคกำเนิดของซูเปอร์โมเดลเลย และเราต้องการความหลากหลายมากกว่านั้น มาคิดว่าใครนะที่เป็นเจ้าแม่พรีเซนเตอร์ เจ้าแม่นางเอก สวมมาหมดแล้วทุกบทบาท อยู่มาแล้วทุกยุค นั่นคือ พลอย - เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ อีกคนเป็นนักร้อง นักแสดง และนางแบบ หญิง - รฐา โพธิ์งาม ถ้าคิดถึงแบ็กกราวนด์ของเธอตั้งแต่ครอบครัวเลย คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นนางแบบ นักร้อง ไปแสดงระดับโลก เล่นหนังฮอลลีวูดมาแล้วด้วย นี่แหละความแตกต่างของ The Face Thailand
เวอร์ชันเดิมเขาหานางแบบอย่างเดียว ซึ่งในประเทศไทย นางแบบอย่างเดียวไม่รอด ต้องทำให้ได้ครบเครื่อง ทำได้ทุกอย่าง นางแบบก็เป็นได้ ถ่าย Editorial ได้ ถ่าย Commercial Shoot, Beauty Campaign เป็นพรีเซนเตอร์ได้ แล้วก็สามารถแสดงภาพยนตร์ หรือซีรีส์ได้ อันนี้คือสิ่งที่แตกต่างจากออริจินัล
หนึ่งซีซันใช้ทีมงานกี่คน
มากกว่า 100 คน เราถ่ายทำ 3 วัน ฟุตเทจเป็นร้อยเลย แต่ต้องนั่งตัดต่อให้เหลือชั่วโมงครึ่ง บริษัทกันตนาลงทุนเอง ใช้งบเยอะมาก เรามี Post-Production, Sound Lab เครื่องมือที่อุดมสมบูรณ์พร้อมที่จะทำ สิ่งสำคัญคือเราต้อง Pay Attention ทุกดีเทล พื้นที่เปื้อนก็ต้องถูตลอดเวลา จัดไฟอย่างไรให้ทุกคนดูดีตลอดเวลา แล้วต้องดูดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่ละแคมเปญมีการครีเอตขึ้นมาใหม่จากออริจินัลไหม
ครีเอตขึ้นมาใหม่ทุกครั้งเลย เพราะลูกค้าที่เข้ารายการมีความต้องการไม่เหมือนกัน รายการ The Face น่าจะเป็นรายการเดียวด้วยที่ Collaborate กับลูกค้า เขาสามารถร่วมดีไซน์ในมาสเตอร์คลาส หรือแคมเปญเราได้ว่าจะขายอะไร บางตอนอาจจะฮาร์ดเซลล์มากหน่อย แต่ไม่ใช่แบบ TV Direct นะ
ขั้นตอนไหนของการทำ The Face ยากที่สุด
แคสติงยาก หาผู้ประกวดเข้ามาก็ยาก หมายถึงคนที่เข้ามาประกวดเยอะ แต่เราต้องคัดคนที่เราใช้ได้เลยไม่มากก็น้อย ทุกยุคก็เปลี่ยนไป เราต้องก้าวตามให้ทัน พวกเขาเป็นคนที่มาเติมไฟช่วยเรา เมนเทอร์ก็จะช่วยบาลันซ์อีกครึ่งหนึ่งให้ ในทุกแคมเปญก็ยากหมด ถ้ายิ่งกับสำหรับผู้เข้าแข่งขันด้วย เพราะเราต้องการทดสอบว่าในการทำงานกับโพรเฟสชันนัลจริงๆ พวกเขาจะรับมือได้ไหม เวลาที่จำกัดให้แข่งขันภายใน 15 - 20 นาทีจะเอาตัวรอดได้ไหม เราสอนในมาสเตอร์คลาสแล้ว เขาจำอะไรที่เราสอนได้บ้าง นี่คือโลกแห่งความช่วยเหลือแล้วนะ โลกของความเป็นจริงโหดร้ายกว่านี้อีก
เราทำงานผสมผสานระหว่างคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า บางทีเด็กก็ไม่เคยทำ ไม่มีประสบการณ์ ผู้ใหญ่ก็ทำมาเยอะ แต่ไม่มีมุมมองของเด็ก แต่เราต้องเอามารวมกันก็เลยยาก
การแสดงถ้ามันเฟก มันดูออก
เมื่อรายการ The Face Thailand ออกอากาศไป ใช่ว่าคนจะตะลึงกับแคมเปญมหาโหดอย่างเดียว แต่การเชือดเฉือนกันด้วยคำพูดของเหล่าเมนเทอร์ หรือผู้เข้าแข่งขันก็ได้กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ ถูกนำไปหยอกล้อเป็นมีมไว้ส่งแหย่กัน ถึงขั้นมีกระทู้ตั้งคำถาม “วลีไหนใน The Face ที่เพื่อนๆ ชอบที่สุด” หรือไม่ก็ “ใครควรเข้าห้องดำมากที่สุด”
หลายต่อหลายความคิดเห็นไหลต่อเนื่อง ติดเทรนด์แอปนกฟ้าทุกสัปดาห์ที่ปล่อยตอนใหม่ เป็นที่กระจ่างว่ารายการนี้ทำถึง เพราะผู้ชมอินจนทะลุเข้าไปในจอแก้วกันแล้ว เชื่อว่าอาจมีคนเกาหัวสงสัยกันอยู่บ้างว่าที่มันเด็ด เผ็ด ร้อนแรงได้ขนาดนี้ เป็นเพราะมีสกริปต์หรือเปล่า และนี่คือคำตอบจากปากผู้อยู่เบื้องหลัง
การฟาดฟันกันในรายการเป็นธรรมชาติหรือสร้างขึ้นมา
เป็นธรรมชาติของเมนเทอร์ที่เขาเป็นอย่างนั้น เหมือนแข่งขันกีฬาก็ต้องมีอารมณ์ ความเป็นแม่ที่อยากให้ลูกทีมชนะ เขาทำงานกันมาเป็นสิบๆ ปีก็คงไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีหรอก จะยอมได้อย่างไร ต้องทำทุกอย่างให้ไม่แพ้ หรือไม่ก็ทำให้มันดีที่สุด อีกอย่างถ้าไม่เป็นธรรมชาติ ไม่มีตัวตนเราก็ไม่ชวนมา เขาคงไม่สามารถถ่ายทอดออกมากันได้ดีขนาดนี้ เรามีสกริปต์ให้ไม่กี่หน้า ที่เหลือต้องไปเล่นกันเอาเอง หัวใจสำคัญอีกอย่างคือลูกค้า เขาเป็นคนตัดสินนะว่าชอบใคร ไม่ใช่พวกเรา เมนเทอร์ต้องทำทุกอย่างให้ลูกค้าชอบ
เสน่ห์ของรายการนี้ คือคนดู ไม่ควรแยกออกว่าเพื่อความบันเทิง หรือนี่เป็นเรื่องจริง ปราณีแล้วนะที่ตัดออกให้เหลือชั่วโมงครึ่ง เพราะมันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แข่งขันกันก็มีอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้บ้าง สภาพจิตใจพังก็มี แต่เราต้องมูฟออน ต้องเข้าใจว่าเวลาเป็นเงินเป็นทอง ถ้าอยากชนะก็ต้องปรับอารมณ์ตัวเองเพื่อวันต่อไปที่จะคว้าชัยชนะในแคมเปญ ต่อให้จะแพ้มาแล้วก็ตาม
ขึ้นชื่อว่าเป็นเวทีประกวดความงาม ย่อมเป็นอะไรที่น่าถามเหลือเกินว่าเต้เฟ้นหาคนแบบไหน ใครกันที่จะถูกมงกุฎ The Face สวมลงบนหัวได้ ยิ่งในสังคมไทยที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรายังคงถกเถียงถึงมาตรฐานความสวยกันอยู่ แต่เต้ค่อยๆ กะเทาะกรอบเหล่านั้นออก เผยให้เห็นว่าเธอไม่ได้สนใจค่านิยมสักเท่าไหร่
แต่ละซีซันมีบิวตีสแตนดาร์ดไหม
มี เต้พูดได้เต็มที่เลยว่าไม่ได้สนใจบิวตีสแตนดาร์ดแบบพิมพ์นิยม นางแบบเรามีความพิเศษ ไม่ใช่ดูแล้วสวยอย่างเดียว แต่ต้องมีความเป็นตัวตนมากด้วย พูดได้ สื่อสารได้ ต้องทำทุกแคมเปญได้ กระทั่งการแอกติง ถ้าพูดถึงคำว่าบิวตีสแตนดาร์ดคำเดียว คนไทยก็จะนึกถึงความผอม สูง อะไรแบบนั้น ซึ่งรายการ The Face ไม่เน้นสิ่งนั้น คุณจะรูปร่างหน้าตาอย่างไรก็ได้ แต่คุณต้องถ่ายทอดความเป็นตัวตนของตัวเองออกมาได้ Add On ให้รายการได้ ทั้งเอเนอร์จีดี แอตติจูดดี อยากทำงานจริงๆ
ในซีซัน 1 เราทำเฉยก่อน ทำให้เป็นนางแบบที่ทุกคนชอบก่อน ซีซัน 2 ก็มีติช่าที่เป็นผู้ชนะ นางแบบที่ไม่ตัวยาวมากก็ชนะได้ ซีซัน 3 เราเปิดทรานส์เจนเดอร์เลย มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่าพวกเขาก็มีเวทีของตัวเอง แต่เราก็ทำให้เห็นว่านี่ไง ก็ทำให้พวกเขาเท่ากันสิ พอมาซีซัน 5 เราก็รวมผู้ชายผู้หญิงเลย เวทีที่ LGBTQ+ ชนะ เต้ถือว่านี่เป็นแลนด์มาร์กหนึ่งที่เต้ภูมิใจ เป็นความเท่าเทียมของจริง ไม่แบ่งแยกใคร
แล้วคำว่าสวยของเต้เป็นอย่างไร
ก็สวยแบบนี้อะค่ะ (เต้สะบัดผมพลางยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเอี่ยมอ่อง) นิยามคำว่าสวยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในแต่ละยุคก็ไม่เหมือนกัน ในยุคนี้คือความสวยที่แตกต่างออกไป ตอนนี้พลัสไซส์มีผล Real Life Size ก็มีผล และเราจะเห็นใน The Face Thailand Season 6 ว่า Real Life Size รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
เวที The Face Thailand ดูจะเป็นเวทีที่ใครก็สวมมงกุฎได้ไม่เกินจริง เช่น ติช่า - กันติชา ชุมมา สาวน้อยที่บินไกลมาจากสวีเดน ร่อนลงที่เวทีนี้ด้วยแพสชันเต็มเปี่ยม เธอไม่ใช่คนผิวขาวสว่าง แขนขายาวได้สัดส่วน แต่ผู้ชมทุกคนต่างเห็นความเป็นไฟเตอร์ที่เธองัดออกมาสู้ ด้วยประโยคกินใจเมนเทอร์บี - น้ำทิพย์ จงรัตชวิบูลย์ ใน The Face Thailand Season 2
“ถ้าพี่บีบอกให้ช่ากระโดด ช่าก็จะถามว่ากระโดดสูงแค่ไหน ถ้าพี่บีบอกให้ดำน้ำ ช่าก็จะถามว่าให้ดำลึกแค่ไหน”
ไม่หรอก ไม่ใช่ข้อความกินใจที่ทำให้เธอฟูลเทิร์นเป็นผู้ชนะ หากแต่เพราะผลงานที่ผ่านมา ติช่าเป็นติช่า เป็นคนในอุดมคติที่เวทีนี้เรียกหา แต่วงเล็บว่าต้องเจอศึกหนักขั้นว่าตายกันไปข้างก่อนนะ
ถ้าครั้งนี้พี่ไม่ชนะ พี่จะเอาปี๊บมาคลุมหัว
เวที The Face สะท้อนวงการบันเทิงไทยได้มากขนาดไหน
มากทีเดียว อย่างเราเองก็ต้องการเด็กที่มีของและมีคุณภาพ บางคนที่คิดว่ารายการนี้มันง่าย หาความดังง่าย มาทีหนึ่งหัวเราะทีหนึ่งให้ได้คอนเทนต์กลับไป มันดังแล้วก็วูบไปนะ แต่เรากำลังสร้างตำนาน สร้างให้พวกเขาเป็นรุ่นพี่เพื่อจะสอนรุ่นน้อง เพราะทุกคนที่ล้อมรอบตัวเขาอยู่คือบุคคลมืออาชีพที่อยู่ในวงการทั้งนั้นเลย ลูกค้าที่มานั่งอยู่กองถ่ายก็เป็นโอกาสให้พวกเขา คุณต้องรู้คุณค่าของสื่อ รู้หรือเปล่าว่านอกจากการมาอยู่ในนี้จะเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง จะต่อยอดอะไรให้ได้บ้าง บางคนจบจากนี่ไปแล้วไม่นึกถึงเราอีกก็มี แต่มันเป็นธรรมชาติของชีวิต
The Face Thailand Season 6 ต่างจากซีซันก่อนอย่างไรบ้าง
คนจะชอบบอกว่าทำไมไม่มีเมนเทอร์เก่า คือเจตนารมณ์อย่างหนึ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าใจกัน เราไม่อยากให้ยึดติด มูฟออนไปข้างหน้ากันก่อน แล้วค่อยไปเติมตัวละครทีหลังก็ได้ นี่เป็นซีซันผู้ดีมีการศึกษานะ ฟาดฟันกันด้วยสติปัญญา เราเลือกเมนเทอร์แอนโทเนีย โพซิ้วมาจากซีซัน 1 ที่ถูกคัดออกไป แต่วันนี้ชีไปชนะมาทั่วโลกแล้ว ชีต้องกลับมาสอนน้องๆหรือมารีญา พูลเลิศลาภก็เป็นตัวแทนการเรียกร้องสิ่งแวดล้อม ความเป็นผู้หญิงได้ดี แพนเค้ก - เขมนิจ จามิกรณ์ เรารู้จักกันมานานมากแล้ว เรียกหาตลอดทุกซีซันเลย เราเลือกจากคนที่เรารู้ว่าจะปั้นเขาได้อย่างไร รู้ว่าคุยแล้วจะได้อะไรจากเขา
บทเรียนที่ได้รับในฐานะผู้ผลิตรายการสำหรับเต้คืออะไร
การให้ใจกับมนุษย์เกินไป เราพยายามให้ใจทุกคน ใครไม่มีงานเราก็ช่วยเขา บางทีก็เสียใจที่เขาไม่ได้ทำให้เราชื่นใจ แต่อย่างไรเราก็จะต้องสร้างงานสร้างอาชีพต่อไป บุคลากรจะเป็นอย่างไรก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ และต้องหัดปล่อยวางบ้างให้ชีวิตเราเองดีขึ้น
ดูเป็นคนชอบสร้างคนนะ
มาก ตั้งแต่รุ่นคุณปู่แล้วล่ะที่เขาสร้างคนมา ป้อนคนเข้าไปในอุตสาหกรรมสื่อ ให้คนที่ทำงานในอาชีพนี้มีคุณภาพ
ทำไมเต้ถึงยังชอบวงการบันเทิงอยู่ทั้งที่มันซับซ้อน
เต้เกิดมากับสิ่งนี้ ทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้วล่ะ เป็นสิ่งหนึ่งที่เราเอนจอย พอได้เห็นคนอื่นเขามีความสุข เราก็มีความสุข แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องถ่ายทอดจินตนาการที่อยู่ในหัวเช่นเดียวกับโปรดิวเซอร์ ให้ภาพ แสง เสียงออกมาเป็นภาพเดียวกัน เป็นคอนเทนต์หนึ่ง ถ้าเราโทรจิตหากันได้แล้วเข้าใจเลย มันก็คงจะดีมาก แต่ไม่เป็นแบบนั้นหรอก การมีหรือไม่มีวจนภาษามันทำให้การสื่อสารคลาดเคลื่อนได้เลย ตอนนี้ได้สักครึ่งหนึ่งที่เราต้องการก็พอใจแล้ว ค่อยไปดูหน้างานว่าจะปรับอะไรกันได้บ้าง
สัญชาตญาณเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนะ เพราะสามารถบอกเราได้ว่าสิ่งนี้ควรจะเป็นแบบไหน มีคนเคยถามว่าดังเพราะอะไร เราก็ตอบเลยว่าสัญชาตญาณล้วนๆ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมี ต้องสั่งสมกันไป แต่เต้เกิดมากับสิ่งนี้ เกิดมาเพื่อเป็นสิ่งนี้ คือ I was born into this entertainment industry and I was born into it. เรามีความเข้าใจบางอย่างที่ดารา นักแสดงใหม่ๆ ในวงการยังไม่เข้าใจ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ดังแล้วดับ และถ้าคุณเป็นคนมีคุณภาพ คุณจะส่งต่อคุณภาพนี้ให้พวกเขาได้อย่างไร
ตอนนี้มีอะไรที่กำลังขับเคลื่อนในวงการบันเทิงอยู่หรือเปล่า
จริงๆ เราเป็นคนขบถ จะไม่เอาสิ่งนี้ จะทำแบบนี้ การเอาฟอร์แมตจากต่างประเทศเข้ามาก็ช่วยให้เห็นว่าสแตนดาร์ดมันควรจะเป็นแบบไหน หรือทำอย่างไรให้ไม่น้อยไปกว่าเขา คนดูก็เป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนไฟเรา เรารู้ว่าเขาเบื่อที่ต้องนั่งดูอะไรซ้ำๆ ถ้าคนดูอยากดูอะไร แล้วเราทำให้เขาได้ดู ขณะเดียวกันก็เยียวยาเขาไปด้วยได้ ตอนนี้เป็นยุคที่อะไรสั้นๆ อิ่มตัวแล้ว เอเจนซีเริ่มมองหาคอนเทนต์ดีๆ ที่ทำน้อยแต่ได้มาก อยู่ได้นาน
เต้พยายามขับเคลื่อนกันตนาว่าเราจะไม่หยุด จะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ได้บ้าง และต้องเป็นที่ยอมรับของโลกนี้ด้วย ตอนแรกจะเกษียณตัวเองตอน 45 แต่ไม่ทันแล้ว อาจจะต้อง 50 แล้วล่ะ (หัวเราะ)
สิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจจนติดเป็นภาพในหัวเราคือแววตาของเต้ สองคู่นั้นล้นไปด้วยไฟฝันของวัยกลางคนที่อยากจะสร้างคน น้ำเสียงเย็นเยียบพูดอย่างเนิบๆ แต่กลับมีพลังอยู่ข้างในเต็มไปหมดอย่างบอกไม่ถูก และเมื่อแสงไฟส่องลงที่ใบหน้า แววตาของเธอก็เปลี่ยนไปอัตโนมัติ มูฟเมนต์แขนขาที่ขยับเคลื่อนไหวราวคนสนิทกับร่างกายตัวเองเป็นที่สุด ชัตเตอร์ที่รัวใส่ไม่ได้ทำให้เธอประหม่าเลยสักนิด ถึงแม้ในห้องจะมีเพียงโซฟาว่างเปล่าให้โพสต์ท่าก็ตาม เป็นอันประจักษ์ว่าเธอเกิดมาเพื่อสื่อบันเทิง และเพื่อเป็น ‘เต้ กันตนา’ อย่างแท้จริง