รายงานแฉ'เกาหลีเหนือ'มีฐานขีปนาวุธลับใกล้ชายแดนจีน
เว็บไซต์บลูมเบิร์กอ้างรายงานจากกลุ่มคลังสมอง “ศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศศึกษา” เผยแพร่เมื่อวันพุธ (20 ส.ค.) ระบุว่า เกาหลีเหนือ แอบสร้างและดำเนินการฐานขีปนาวุธพิสัยไกล ฐานดังกล่าวอยู่ในเมืองซินปุง จ.พย็องอันเหนือ ห่างจากชายแดนจีน 27 กิโลเมตร น่าจะเป็นที่ตั้งของหน่วยทหารขนาดกองพลน้อย ติดตั้งขีปนาวุธข้ามทวีปขีดความสามารถระดับนิวเคลียร์จำนวน 6-9 ลูก พร้อมเครื่องปล่อยยิงเคลื่อนที่
“ขีปนาวุธเหล่านี้ส่อเป็นภัยคุกคามนิวเคลียร์ต่อเอเชียตะวันออกและสหรัฐภาคพื้นทวีป ตามการประเมินปัจจุบัน ระหว่างเกิดวิกฤติหรือสงคราม เครื่องปล่อยยิงและขีปนาวุธจะออกจากฐาน ไปหาคลังหัวรบพิเศษ, หน่วยลำเลียง แล้วปฏิบัติการปล่อยยิงจากพื้นที่ต่างๆ” รายงานระบุโดยอ้างภาพถ่ายดาวเทียม
รายงานเผยด้วยว่าฐานขีปนาวุธ แห่งนี้เริ่มก่อสร้างราวปี 2004 สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนใหญ่สร้างและปฏิบัติการภายในปี 2014 และดูเหมือนว่ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้น
บลูมเบิร์กสอบถามไปยังกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ยังไม่ให้ความเห็น
ฐานขีปนาวุธที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยนี้ตอกย้ำถึงภัยคุกคามนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและเจตนารมณ์ทางยุทธศาสตร์ที่ขยายวงขึ้น ทั้งยังเน้นย้ำถึงความเป็นจริงที่แตกต่างออกไปว่า แท้จริงแล้วคลังแสงนิวเคลียร์เกาหลีเหนือใหญ่กว่า ใช้งานได้ง่ายกว่า และทนทานได้มากกว่าที่คนนอกสันนิษฐาน ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลเปียงยางเปลี่ยนมาเน้นขีดความสามารถปล่อยยิงเร็วทำให้ทางเลือกในการชิงลงมือโจมตีก่อนของสหรัฐยุ่งยากยิ่งขึ้น
การที่ฐานตั้งอยู่ใกล้ชายแดนจีนยิ่งช่วยปกป้องการถูกโจมตีได้มากขึ้น เพิ่มเดิมพันทางภูมิรัฐศาสตร์ให้กับรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่ง ด้วยการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องและเกาหลีเหนือแข็งแกร่งขึ้นด้วยการนำอาวุธจริงไปใช้ในยูเครน การค้นพบนี้ส่งสัญญาณว่าความใฝ่ฝันถึงนิวเคลียร์ของคิม จองอึน กำลังเติบโตและยากจะป้องปรามมากขึ้นทุกขณะ
รายงานเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากคิมเรียกร้องให้ขยายโครงการอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ “อย่างรวดเร็ว”เพิ่มความตึงเครียดในช่วงที่สหรัฐและเกาหลีใต้เริ่มซ้อมรบร่วมที่รัฐบาลเปียงยางมองว่า เป็นการนำร่องสู่สงคราม
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคิมพบกันส่วนตัวสามครั้งในวาระแรก แต่ไม่สามารถจูงใจคิมควบคุมการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ได้ นับจากนั้นเกาหลีเหนือก็เมินความคิดที่จะคุยกับสหรัฐอีกครั้ง แล้วกลายมาเป็นพันธมิตรสำคัญสนับสนุนประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียทำสงครามในยูเครน
ไม่กี่วันก่อนคิมกล่าวว่า หนทางเดียวที่จะปกป้องความมั่นคงของชาติได้คือ “ทำให้ศัตรูเกรงกลัว” เกาหลีเหนือ และขีดความสามารถของประเทศ “จะแสดงออกผ่านการกระทำจริง”