ไทยปักหมุดลดนำเข้าเครื่องมือแพทย์ 1.5 พันล้าน หนุน AI ทางการแพทย์
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และภาคเอกชน สมาคมเฮลท์เทคไทย จัดงาน Kick-off แผนงานมุ่งเป้าของประเทศร่วมผลักดัน "เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ด้านเครื่องมือแพทย์ บริการทางการแพทย์ และยา" ของประเทศไทย
ดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์นี้มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพไทยอย่างยั่งยืน โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมเป้าหมายสำคัญด้านเครื่องมือแพทย์ บริการทางการแพทย์ และยา เป็นประธานในพิธีเปิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ภายในงานยังมีเวทีเสวนาแสดงศักยภาพนวัตกรรมไทยที่สามารถเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อาทิ กรณีตัวอย่าง "นวัตกรรมการวิเคราะห์ภาพรังสีทรวงอกด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)" ซึ่งได้รับการบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์บริการทางการแพทย์ขั้นสูงสุดในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2568 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 โดยจะเริ่มให้บริการในโรงพยาบาลภาครัฐ 167 แห่ง ด้วยงบประมาณ 55 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2568 และขยายครอบคลุมตามศักยภาพในปีถัดไป ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการนำนวัตกรรมไทยเข้าสู่ระบบสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม
นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ กล่าวเน้นย้ำว่า ประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นประเทศรายได้สูงอย่างยั่งยืนได้ นวัตกรรมทางสังคมคือกุญแจสำคัญ และ AI ทางการแพทย์จะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จได้อย่างมาก ทั้งสำหรับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางสังคมเพราะประเทศไทยมีจุดแข็ง คือ การมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่จากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เช่น โรงเรียนแพทย์
อีกทั้งยังมีนักวิจัยและนักพัฒนาที่มีความสามารถ ตลอดจน มีความร่วมมือจากหลายภาคส่วนเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนา ที่ครอบคลุมตั้งแต่งานวิจัยจนถึงการขยายผลเชิงพาณิชย์และการสร้างผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง อีกทั้งยังมีระบบสาธารณสุขและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า การนำนวัตกรรมเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งในมิติการสร้างรายได้ ลดการนำเข้า และขยายโอกาสการเข้าถึงบริการของประชาชน โดยกรณี AI วิเคราะห์ภาพรังสีทรวงอกนี้ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย อย. และ Singapore FDA และขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง สปสช.กำหนดแผนขยายบริการเป็น 3 ระยะ ครอบคลุมโรงพยาบาล 887 แห่งทั่วประเทศภายใน 3 ปี เพื่อช่วยตรวจคัดกรองโรคสำคัญ เช่น วัณโรคและมะเร็งปอด และลดภาระงานของแพทย์อย่างเป็นระบบ
ดร.จิตติ์พร ธรรมจินดา ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) กล่าวเสริมว่า TCELS ในฐานะฝ่ายขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการแพทย์ช่วงปลายน้ำของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ได้นำร่องกลไกการขับเคลื่อนโดยเน้นการเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อทำงานบูรณาการแบบองคาพยพและอาศัยกลไกคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงกันและประกอบด้วย key man ในด้าน AI ทางการแพทย์จากหลายภาคส่วน (Medical AI Ecosystem) ซึ่งถือเป็นโมเดลที่เริ่มแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เนื่องจากนวัตกรรมทางการแพทย์มีความซับซ้อนและเป็นความท้าทาย กรณีของ AI Chest X-ray ถือเป็น pilot case และหวังว่าจะมีอีกหลายนวัตกรรมได้รับการขับเคลื่อนขยายผล ทั้งนี้ ตลาดภาครัฐถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ และ TCELS ยังมุ่งหวังที่จะขับเคลื่อนให้นวัตกรรมไทยได้เติบโตอย่างยั่งยืนสู่ตลาดสากลต่อไป
ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์และ AI ทางการแพทย์ของไทยสู่การใช้งานจริง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน