Dakota Johnson จาก Fifty Shades of Grey สู่ Materialists หลากหลายบทบาท กับการเสนอภาพผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ต่อความต้องการในชีวิตและร่างกาย
Materialists (2025) หนังรักโรแมนติกของ เซลีน ซอง (Celine Song) คนทำหนังหญิงชาวแคนาดากำลังเข้าฉาย หนึ่งในคนที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือ ดาโกตา จอห์นสัน (Dakota Johnson) นักแสดงนำที่ต้องรับบทเป็น 'แม่สื่อ' จับคู่ให้ผู้คน และพบว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับการต้องเลือกระหว่างคนรักเก่าผู้เข้าอกเข้าใจ และคนรักใหม่ผู้ร่ำรวย
และเส้นทางการแสดงของจอห์นสันนั้นนับว่าน่าสนใจไม่น้อย เธอเป็นลูกสาวของ เมลานี กริฟฟิต (Melanie Griffith) นักแสดงชาวอเมริกันและ ดอน จอห์นสัน (Don Johnson) นักแสดงและนักแต่งเพลง เธอปรากฏตัวในบทเล็กๆ แต่แสนจะตราตรึงอย่างสาวน้อยใส่กางเกงในสีแดงจาก The Social Network (2010) หนังรางวัลฟอร์มยักษ์ (ที่แม่ของเธอภูมิใจมาก จอห์นสันเล่าว่าเมื่อครั้งที่แม่กับเธอได้เจอ บารัค โอบามา แม่เล่าอย่างภาคภูมิว่าเธอคือ "คนที่นุ่งกางเกงในแดงในหนังไงคะ" ที่ทำให้จอห์นสันแทบจะแทรกแผ่นดินกลับบ้านด้วยความเขินอาย) และมาแจ้งเกิดจริงๆ ก็จาก Fifty Shades of Grey (2015) หนังเรตอาร์สุดสยิวระหว่างหญิงสาวกับมหาเศรษฐีหนุ่ม ระดับที่เมื่อเธอขึ้นรับรางวัลเวที People's Choice Awards ในปี 2016 แล้วเสื้อของเธอดันทำท่าเหมือนจะหลุดขึ้นมา เธอแค่หัวเราะก๊ากแล้วพูดบนเวทีอย่างอารมณ์ดีว่า "เอาน่ะ ยังกะคนในนี้ไม่ได้เห็นนมฉันมาก่อนยังงั้นแหละ"
อย่างไรก็ดี Fifty Shades of Grey ถูกวิพากษ์วิจารณ์ยับเยิน โดยเฉพาะประเด็นที่การทำให้ตัวละครหญิงดูตกเป็น 'ผู้ถูกกระทำ' ทั้งนี้ ตัวหนังจับจ้องไปยังความสัมพันธ์ระหว่าง เกรย์ หนุ่มหล่อผู้ร่ำรวย ซึ่งมีรสนิยมทางเพศแบบ BDSM หรือคือกิจกรรมทางเพศที่มีผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ กับ อานา (จอห์นสัน) หญิงสาวสามัญที่ร่วมเตียงกับเขา ซึ่งจอห์นสันเองมองว่า “และถ้าทำได้ ฉันก็อยากบอกสาวๆ ทั้งหลายนะว่า อยากทำอะไรกับร่างกายตัวเองก็ทำเถอะ ไม่ต้องไปเขินอายต่อความต้องการของเรา เป็นแรงใจให้นะ"
จอห์นสันรับแสดงหนังหลากหลายแนว ตั้งแต่หนังบล็อกออฟฟิศจ๋าๆ แบบแฟรนไชส์ Fifty Shades of Grey (2015-2018), Madame Web (2024) ไปจนถึงหนังโปรเจ็กต์หินๆ อย่าง A Bigger Splash (2015), Suspiria (2018) หนังของ ลูกา กัวดัญญีโน (Luca Guadagnino) ซึ่งพูดถึงกลุ่มนักเต้นสาวในบรรยากาศอึมครึมหลังสงครามในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ที่ถูกอ่านว่าเป็นหนังที่พูดถึงเฟมินิสม์ได้คมคาย ด้วยน้ำเสียงการเอาคืนอย่างกราดเกรี้ยวของผู้หญิงในยุคสมัยแห่งการกดขี่
และในขณะเดียวกัน ความคิดเห็นของเธอก็ตรงไปตรงมาและน่าสนใจไม่แพ้งานแสดง
"มีนักแสดงหญิงสัก 43 คนทำงานด้วยกัน ไม่มีผู้ชายเลยสักคน แม้แต่ตัวละครชายในเรื่องก็รับบทโดยผู้หญิงนะคะ" เธอเล่า "ก่อนเริ่มการถ่ายทำ คนชอบมาบอกเราว่า กองถ่ายคงวายป่วงเป็นบ้าแหงๆ ผู้หญิงไปรวมตัวอยู่ด้วยกันตั้งเยอะ ลองนึกเวลาพวกนั้นเป็นประจำเดือนขึ้นมาสิ
"แล้วเวลาเราไปถ่ายทำจริง ทีมงานส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ชายนี่แหละตัวเป็นบ้าเป็นบอเลย ส่วนนักแสดงที่มีแต่ผู้หญิงนี่ทำตัวสบายๆ สุด ทุกคนทำงานด้วยง่ายมากๆ ไม่มีใครโวยวายอะไร คนที่ก่อปัญหานี่มีแต่พวกผู้ชายทั้งนั้น นึกออกมั้ยคะ ทั้งทำตัวเรื่องเยอะ ทั้งน่ารำคาญ" เธอว่า "ตลกเนอะ พวกผู้ชายเนี่ยตัวสติแตกแท้ๆ"
เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เธอแสดงนำใน Persuasion (2022) หนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ เจน ออสเตน (Jane Austen) นักเขียนในศตวรรษที่ 18 ชาวอังกฤษ เธอก็พูดถึงประเด็นตัวละครหญิงและความเป็นผู้หญิง ผ่านบทนำซึ่งเล่าเรื่องของหญิงสาวที่ต้องเลือกระหว่างการใช้ชีวิตตามขนบ กับเส้นทางที่เธอใฝ่หาซึ่งเต็มไปด้วยขวากหนาม
"ผู้หญิงน่ะถูกประเมินค่าย่ำแย่มาตลอด แต่พอมาเล่นหนังเรื่องนี้ ฉันดันพบว่าอันที่จริง พวกเราถูกมองว่าต้อยต่ำว่าที่คิดเสียอีก" จอห์นสันบอก "ก็คิดดูสิ เราแทบไม่ค่อยถูกพิจารณาว่าเป็นมนุษย์ที่มีความคิดอ่านเป็นของตัวเองเลย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน"
ทั้งที่สำหรับเธอแล้ว ผู้หญิงล้วนแต่มีวิธีคิดและวิธีเลือกเป็นของตัวเอง ไม่ว่าพวกเธอจะเลือกใช้ร่างกายตัวเอง (ซึ่งมีมดลูก) แบบไหนก็ตาม
"หลายๆ สังคม ผู้หญิงก็เลือกที่จะไม่แต่งงานนะ อีกทั้งถ้าอยากตั้งครรภ์ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ผู้หญิงก็ตั้งครรภ์ในช่วงที่อายุมากขึ้นกว่าเดิมได้" เธอบอก "ฉันคิดว่าวิธีคิดและจิตใจของผู้หญิงน่ะไปไกลเหลือเกิน แต่กรอบ วิธีคิดของสังคมน่ะตามไม่ทัน”
"ในฐานะผู้หญิง มันมีกรอบของสังคมที่บีบเราอยู่ อย่างสมัยรีเจนซี (Regency era หมายถึงช่วงประมาณปี 1795 - 1837) ที่ผู้หญิงมีหน้าที่แต่งงานและมีลูก ทำในสิ่งที่คนอื่นบอกให้ทำ ซึ่งอะไรแบบนี้ก็ยังมีอยู่จริงในสังคมปัจจุบันนะ" จอห์นสันเล่า "ฉันมีเพื่อนที่ไม่อยากแต่งงาน แต่ก็เครียดที่ไม่ได้แต่งงานเพราะแรงกดดันจากสังคมน่ะ แต่ก็นะ ตอนนี้แรงกดดันที่ว่านั้นก็เปลี่ยนไปแล้ว คุณไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องมีลูกเพื่อจะพิสูจน์ตัวเองว่ามีคุณค่าก็ได้" เธอปิดท้าย
อ้างอิง
https://www.glamourmagazine.co.uk/article/dakota-johnson-persuasion-interview
https://www.glamourmagazine.co.uk/article/dakota-johnson-persuasion-interview
https://www.tiktok.com/@thecherrypicks/video/7541099649432669453
https://www.youtube.com/watch?v=xfvB9K2L2Xc
https://www.huffpost.com/entry/dakota-johnson-anastasia-feminist_n_6581288
บทความต้นฉบับได้ที่ : Dakota Johnson จาก Fifty Shades of Grey สู่ Materialists หลากหลายบทบาท กับการเสนอภาพผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ต่อความต้องการในชีวิตและร่างกาย
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com