‘ชยพล’ แนะรัฐบาลรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ชี้ใช้จังหวะนี้เสริมกำลังบำรุงซื้อยุทโธปกรณ์
เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 7 ส.ค. ที่รัฐสภา นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาและแก้ไขกฎหมายอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในคณะกมธ.การทหาร และ น.ต.บดินทร์ สันทัด อนุกรรมาธิการศึกษาและแก้ไขกฎหมายอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แถลงแนะนำรัฐบาลกรณีการซื้อยุทโธปกรณ์
นายชยพล กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงและมีความกังวลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีความขัดแย้งกันบริเวณชายแดน และมีความห่วงใยถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่มีความห่วงใยไปถึงกองทัพคือเรื่องของการส่งกำลังบำรุงที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้างานสามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่น เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์ และกำลังสนับสนุนต่าง ๆ
นายชยพล กล่าวอีกว่า ขณะนี้เรากำลังเตรียมกฎหมายที่มีการร่างเอาไว้แล้ว โดยจะเป็นรากฐานและกลไกในการผลักดันให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้เทคโนโลยีที่ทำให้การจัดซื้อจัดจ้างทางการทหาร หรือทางลัดทั้งหมดสามารถใช้ให้เกิดอุตสาหกรรมภายในประเทศของเราได้ เราขอสื่อสารไปถึงรัฐบาลในช่วงเหตุการณ์ที่เกิดการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา โดยมีการยืดเยื้อออกไปเรื่อย ๆ จนทำให้เราจากเดิมที่คิดว่าจะต้องมีทรัพยากรเพียงแค่จำนวนหนึ่งในการที่จะปะทะกันประมาณสัปดาห์หรือเป็นเดือน ยืดยาวออกไปตามที่วางแผนไว้และยังไม่ทราบว่าจะยุติลงเมื่อใด
นายชยพล กล่าวอีกว่า ทำให้เรื่องของการส่งกำลังบำรุงและการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทั้งที่ใช้หน้างานและใช้สนับสนุน จำเป็นที่ต้องมีการวางแผนกันให้ดี ขอแนะนำว่าช่วงนี้เป็นเวลาที่ดีที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ได้ออกมาสื่อสารว่าเหล่าทัพใดหากต้องการยุทโธปกรณ์ให้รีบจัดเตรียมคำขอมา จะได้มีการอนุมัติในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์เป็นพิเศษ ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่จะผนวกใช้กลไกในการผลักดันให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้เทคโนโลยีในบางส่วน เพื่อที่จะใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเข้มแข็ง ให้กับผู้ประกอบการภายในประเทศไทย และให้ประเทศไทยยืนได้ด้วยตนเอง
นายชยพล กล่าวอีกว่า หากดูสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในขณะนี้มองได้ว่าอาจมีการยกระดับ และเป็นที่จับตาดูของประชาคมโลกมากขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นถ้าเราจะหวังพึ่งยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศในอนาคตอาจมีการสะดุดได้เช่นเดียวกัน หากต่างประเทศไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างไทยกับกัมพูชา
นายชยพล กล่าวอีกว่า ระหว่างนี้ที่เรากำลังจะมีการจัดซื้อจัดจ้างได้อยู่ หากเราซื้อมาแล้วใช้โอกาสนี้ในการสร้างความสามารถความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการในไทยทำให้อุปกรณ์และทรัพยากรหลายอย่างสามารถหาซื้อได้ตามผู้ประกอบการในไทย เพื่อใช้ในการทำงานในการปะทะระยะยาวได้ด้วยจะถือเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลควรคว้าไว้ อีกทั้งทางอนุกรรมาธิการได้มีร่างกฎหมายฉบับตั้งต้นหรือฉบับแรกไว้แล้ว โดยกำลังจะมีการขัดเกลาเพิ่มเติม ว่าจะมีการปรับใช้อย่างไรดีให้เกิดประสิทธิภาพในช่วงเวลานี้