จัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างบูรณาการ: กลยุทธ์สร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ
การผสานประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เข้ากับกลยุทธ์หลักจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป ปัญหาที่หลายองค์กรกำลังเผชิญคือการทำงานด้าน ESG ที่ยังคงแยกส่วนกัน (Silo) ทำให้การดำเนินงานขาดประสิทธิภาพและไม่สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างได้
การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน (Sustainable Supply Chain Management) ที่มีการบูรณาการประเด็นสำคัญด้าน ESG เข้าด้วยกัน จึงเป็นแนวทางที่จำเป็น เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและลดผลกระทบเชิงลบได้อย่างแท้จริง
โคคา-โคลา: การจัดการน้ำที่เชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานและชุมชน
· เหตุผลเชิงกลยุทธ์: บริษัทตระหนักว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 3 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการควบคุมโดยตรง คิดเป็นสัดส่วนถึง 90% ของการปล่อยทั้งหมด โดยมาจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตกว่า 28% ของการปล่อยฯ Scope 3 ดังนั้น การเข้าไปจัดการที่ต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทานจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
· แนวทางการดำเนินการ: โรงงานผลิตในเมืองบูร์ซา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกี อยู่ในพื้นที่ที่มีความเครียดน้ำสูง (Highly Water-stressed Area) โดยมีลุ่มน้ำบูร์ซาเป็นแหล่งน้ำของโรงงาน และเป็นแหล่งน้ำสำหรับปลูกพืชผลทางการเกษตร เช่น แอปเปิล พีช เป็นต้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ของโคคา-โคลา จึงจัดทำแผนด้านการจัดการน้ำที่สนับสนุนให้เกษตรกรปรับปรุงประสิทธิภาพระบบชลประทานและลดการปนเปื้อนของน้ำ รวมถึงการปลูกป่าเพื่อช่วยกรองมลภาวะทางน้ำ จัดระเบียบการตกตะกอนและอัตราการระเหย อีกทั้งยังช่วยติดตั้งระบบการกักเก็บน้ำฝนให้ชุมชน
เนสท์เล่: การจัดการสภาพภูมิอากาศตลอดห่วงโซ่อุปทานนม
· เหตุผลเชิงกลยุทธ์: บริษัทพบว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 3 มีสัดส่วนสูงถึง 95.5% โดยมีวัตถุดิบประเภทนมและปศุสัตว์เป็นแหล่งกำเนิดใหญ่ที่สุดถึง 31% การจะบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emission จึงจำเป็นต้องเข้าไปจัดการที่ต้นทางของห่วงโซ่อุปทานโดยตรง
· แนวทางการดำเนินการ: บริษัทได้จัดทำ แผนการจัดการห่วงโซ่อุปทานนมและสภาพภูมิอากาศ (Climate Dairy Plan) โดยทำงานร่วมกับคู่ค้ากว่า 200 รายใน 27 ประเทศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซในระดับฟาร์ม กลยุทธ์หลักคือการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่การสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกร การร่วมมือกับผู้ผลิตอาหารสัตว์เพื่อพัฒนาอาหารคาร์บอนต่ำ ไปจนถึงการสนับสนุนต้นแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการของเสีย และริเริ่มกลไกทางการเงินเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
กรอบการดำเนินงาน 3I: ขั้นตอนสู่การบูรณาการอย่างเป็นระบบ
จากกรณีศึกษาข้างต้น สามารถสรุปแนวทางการบูรณาการออกมาเป็นกรอบการทำงาน 3 ขั้นตอนหลัก หรือ "3I" ได้ดังนี้
INVESTIGATE – คือการรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องและครอบคลุม เพื่อนำมาวิเคราะห์และระบุจุดสำคัญ (Hotspots) ที่มีผลกระทบและความเสี่ยงสูงสุดในห่วงโซ่อุปทาน INNOVATE – คือการระดมสมองและทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกแบบโครงการที่สามารถตอบสนองได้หลายเป้าหมายพร้อมกันอย่างสร้างสรรค์INCORPORATE – คือการนำโครงการไปปฏิบัติจริง โดยต้องอาศัยการดำเนินงานตามข้อตกลงร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
บทสรุป: ท่ามกลางความผันผวนของโลกปัจจุบัน การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนได้กลายเป็นความจำเป็นทางกลยุทธ์ การริเริ่มในจุดที่สำคัญโดยใช้ข้อมูลเป็นฐาน (Investigate) ควบคู่ไปกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อบูรณาการประเด็นที่หลากหลาย (Innovate) และการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน (Incorporate) จะช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายที่หลากหลายและลดผลกระทบเชิงลบได้อย่างแท้จริง
*บทความนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง SET ESG Experts Pool และ SET ESG Academy ในการนำเสนอประเด็น ESG ที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของไทย
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://s.setth.org/69l