บางขนาดนี้ คุณพี่ทำได้ไง? Samsung เผยไต๋ 'Z Fold7' ทำไมถึงบางเฉียบ
การมาถึงของ Galaxy Z Fold7 ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การอัปเดตประจำปี แต่คือการก้าวกระโดดครั้งสำคัญด้านวิศวกรรมและการออกแบบ หัวใจหลักคือความบางที่ลดลงอย่างน่าทึ่งเหลือเพียง 8.9 มิลลิเมตรเมื่อพับ ซึ่งบางกว่ารุ่นบุกเบิกถึง 48 เปอร์เซ็นต์ ความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้เป็นผลลัพธ์จากการพัฒนานวัตกรรมบานพับอย่างไม่หยุดยั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แต่ Samsung ไม่ได้หยุดแค่การทำให้บางลงเท่านั้น เพราะรุ่นใหม่นี้ยังมีน้ำหนักเบาลง พร้อมมอบประสบการณ์จอที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของซีรีส์ เพื่อพิสูจน์ว่าดีไซน์ที่ล้ำสมัยมาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่ทรงพลังยิ่งขึ้นได้ แล้วการเดินทางครั้งนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาไปเจาะลึกกัน
จากรุ่นบุกเบิกสู่มาตรฐานใหม่แห่งความบาง
Galaxy Z Fold7 ได้สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งด้วยความหนาขณะพับเพียง 8.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งบางลงถึง 48 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ Galaxy Fold รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 2019 และเมื่อกางออกจะมีความหนาเพียง 4.2 มิลลิเมตร ตัวเลขนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถิติใหม่ แต่มันคือการทลายกำแพงข้อจำกัดของการออกแบบสมาร์ตโฟนจอพับอย่างสิ้นเชิง
หากย้อนกลับไปที่รุ่นแรกซึ่งมีความหนาถึง 17.1 มิลลิเมตร จะเห็นได้ว่านี่คือวิวัฒนาการที่ก้าวกระโดดอย่างแท้จริง นอกจากความบางแล้ว น้ำหนักของตัวเครื่องยังลดลงเหลือเพียง 215 กรัม จากเดิมที่เคยหนักถึง 276 กรัมในรุ่นแรกสุด
การเดินทางของนวัตกรรมบานพับและดีไซน์
ความสำเร็จในการลดความหนาของ Galaxy Z Fold7 ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลลัพธ์จากการสั่งสมและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี "บานพับ" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสมาร์ตโฟนจอพับ
จุดเริ่มต้นในปี 2019 กับ Galaxy Fold ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของวงการ ด้วยความหนา 17.1 มิลลิเมตร ต่อมาในปี 2020 Galaxy Z Fold2 ได้แนะนำนวัตกรรมบานพับ "Hideaway Hinge" ที่มีชิ้นส่วนภายในกว่า 60 ชิ้น ช่วยให้การพับลื่นไหลขึ้นและลดความหนาลงเล็กน้อยเหลือ 16.8 มิลลิเมตร
ต่อมาในปี 2021 Galaxy Z Fold3 ไม่เพียงแต่บางลงเหลือ 16.0 มิลลิเมตร แต่ยังมาพร้อมความสามารถในการกันน้ำระดับ IPX8 และการใช้วัสดุ Armor Aluminum เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าความบางต้องมาพร้อมกับความแข็งแกร่ง
จากนั้นในปี 2022 Galaxy Z Fold4 ได้เปลี่ยนกลไกบานพับจากแบบเฟืองมาใช้การเลื่อนแนวตรง ทำให้ลดชิ้นส่วนและความหนาลงเหลือ 15.8 มิลลิเมตรได้สำเร็จ
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2023 กับ Galaxy Z Fold5 และบานพับ "Flex Hinge" ใหม่ ที่ทำให้หน้าจอพับเป็นรูปทรงหยดน้ำ ช่วยขจัดช่องว่างระหว่างจอพับได้อย่างสมบูรณ์และลดความหนาลงอย่างก้าวกระโดดเหลือเพียง 13.4 มิลลิเมตร
และในปี 2024 Galaxy Z Fold6 ก็ได้สานต่อความสำเร็จด้วยบานพับรางคู่สมมาตร (Symmetrical Dual Rail Hinge) ที่ทำให้ตัวเครื่องบางลงอีกเหลือ 12.1 มิลลิเมตร
จนกระทั่งมาถึง Galaxy Z Fold7 ในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นบทสรุปของวิวัฒนาการทั้งหมด ด้วยนวัตกรรมโครงสร้างล่าสุดอย่าง “Armor FlexHinge” ที่ผสานวัสดุขั้นสูงเข้ากับการออกแบบที่ปรับจูนมาอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อความแข็งแกร่ง ทนทาน และบางเฉียบในทุกมิติ จนได้ความหนาเพียง 8.9 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่ Samsung ลดความหนาลงได้ถึง 26 เปอร์เซ็นต์ ภายในปีเดียว
ไม่ใช่แค่บาง แต่ยังใหญ่และทรงพลังขึ้น
แม้ว่าตัวเครื่องจะบางลงอย่างน่าทึ่ง แต่ Samsung กลับสวนทางด้วยการมอบประสบการณ์หน้าจอที่ใหญ่และเต็มตากว่าเดิม Galaxy Z Fold7 มาพร้อมหน้าจอด้านนอกที่ขยายขนาดเป็น 6.5 นิ้ว เพื่อความสะดวกในการใช้งานขณะพับ แต่ไฮไลต์สำคัญคือหน้าจอหลักด้านในที่ขยายใหญ่ขึ้นถึง 8.0 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า 11 เปอร์เซ็นต์ และถือเป็นหน้าจอที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในซีรีส์ Galaxy Z Fold
การเดินทางของ Galaxy Z Fold จากรุ่นแรกสู่รุ่นที่เจ็ด คือบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นของ Samsung ที่จะพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง ความบางของ Galaxy Z Fold7 ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่คือสัญลักษณ์ของความหรูหรา แข็งแรง และการใช้งานที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว นับเป็นอีกครั้งที่ Samsung ได้พลิกโฉมและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการสมาร์ตโฟนจอพับได้อย่างแท้จริง