"กลุ่มมิตซูบิชิ" เสนอซื้อหุ้น TU ที่ราคา 12.50 บาท จำนวน 532 ล้านหุ้น เตรียมขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง
TU แจงผ่านตลาด “มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น” ยื่นหนังสือขอซื้อหุ้นเพิ่ม 532 ล้านหุ้น ที่ราคา 12.50 บาท หลังทำธุรกรรมดันสัดส่วนถือหุ้นแตะ 20% จากเดิม 6.19% ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯว่าในวันที่ 4 ส.ค. 68 บริษัทได้รับหนังสือจาก มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น (ผู้ยื่นข้อเสนอฯ) ซึ่งแจ้งเจตจำนงในการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทเพิ่มเติมโดยการรับซื้อหุ้นเป็นการทั่วไป (ข้อเสนอรับซื้อหุ้น)
โดยผู้ยื่นข้อเสนอฯ เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการค้าและการลงทุนแบบบูรณาการ ซึ่งพัฒนาและดำเนินธุรกิจที่หลากหลายในหลายอุตสาหกรรมผ่านเครือข่ายระดับโลกของผู้ยื่นข้อเสนอฯ ที่กว้างขวางความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุมของผู้ยื่นข้อเสนอฯ ในด้านการจัดจำหน่าย การค้าระหว่างประเทศ การขนส่งและโลจิสติกส์ขนาดใหญ่
รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับการดำเนินธุรกิจอาหารทะเลระดับโลกของบริษัทเพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นจากผู้มีส่วนได้เสียภายนอก ผู้ยื่นข้อเสนอฯ ได้เล็งเห็น ประเมิน และตระหนักถึงประเด็นสำคัญต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าสูงสุดจากกิจกรรมทางธุรกิจ
และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน การพัฒนานวัตกรรม และการพัฒนาความร่วมมือระดับสากล ผู้ยื่นข้อเสนอฯ จึงเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของบริษัทฯ
ทั้งนี้ ผู้ยื่นข้อเสนอฯ และบริษัทมีแผนร่วมมือกันเชิงกลยุทธ์อย่างเป็นทางการโดยการเข้าลงนามในสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจ(Business Alliance Agreement) เพื่อการกำหนดความร่วมมือระหว่างกัน การประเมินแนวโน้มการลงทุน และการสำรวจกลยุทธ์การเติบโต
โดยอาศัยเครือข่ายของผู้ยื่นข้อเสนอฯ ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเข้าถึงตลาดของบริษัทพร้อมทั้งยกระดับคุณภาพงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของบริษัท เพื่อความสำเร็จในระยะยาวของบริษัทภายใต้บริบทของตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ยื่นข้อเสนอฯ ณ ปัจจุบัน (ณ วันที่ 31 ก.ค. 68) ผู้ยื่นข้อเสนอฯ ถือหุ้นในบริษัทฯ จำนวน 238,745,120 หุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 6.19% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท (ไม่รวมหุ้นซื้อคืนที่บริษัทถืออยู่) หรือ 5.36% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท (รวมหุ้นซื้อคืนที่บริษัทถืออยู่)
โดยภายใต้ข้อจำกัดการถือหุ้นของคนต่างด้าวของบริษัท ผู้ยื่นข้อเสนอฯ มีความประสงค์จะเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเพิ่มเติมจำนวน 532,273,639 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 13.81% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท (ไม่รวมหุ้นซื้อคืนที่บริษัทถืออยู่) ซึ่งราคารับซื้อหุ้นกำหนดไว้ที่ 12.50 บาทต่อหุ้น ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคารับซื้อหุ้น ผู้ยื่นข้อเสนอฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาปรับปรุงราคารับซื้อหุ้นให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ทั้งนี้ เงื่อนไขการรับซื้อขั้นต่ำ (All or Nothing) ผู้ยื่นข้อเสนอฯ จะรับซื้อหุ้นตามข้อเสนอรับซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อผู้ยื่นข้อเสนอฯ สามารถได้หุ้นเพิ่มเติมในบริษัทฯ ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ทั้งหมด กล่าวคือ จำนวน 532,273,639 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 13.81% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท (ไม่รวมหุ้นซื้อคืนที่บริษัทฯ ถืออยู่) และทำให้ผู้ยื่นข้อเสนอฯ กลายเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฯ รวมทั้งสิ้น 771,018,759 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.00% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท (ไม่รวมหุ้นซื้อคืนที่บริษัทฯ ถืออยู่)
พร้อมกันนี้ ผู้ยื่นข้อเสนอฯ ไม่มีความประสงค์จะได้หุ้นของบริษัทตามข้อเสนอซื้อหลักทรัพย์เกินกว่าสัดส่วน 20% ตามที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นตอบรับข้อเสนอรับซื้อหุ้นของผู้ยื่นข้อเสนอฯ ในจำนวนที่ไม่เพียงพอที่จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ยื่นข้อเสนอฯ ในบริษัทถึง 20% ผู้ยื่นข้อเสนอฯ จะยกเลิกข้อเสนอรับซื้อหุ้นทั้งหมด