ทรัมป์ดันแผนเปลี่ยนชื่อ "กลาโหม" เป็น "กระทรวงสงคราม"
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 68 วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเดินหน้าแผนเปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหม (Department of Defense) กลับไปใช้ชื่อเดิมว่า “กระทรวงสงคราม” (Department of War)
แม้การเปลี่ยนชื่ออาจต้องผ่านสภาคองเกรส แต่ทำเนียบขาวกำลังหาช่องทางอื่นเพื่อเดินหน้า ขณะเดียวกัน สส.รีพับลิกัน เกร็ก สตูบ จากรัฐฟลอริดา ได้ยื่นแก้ไขร่างกฎหมายกลาโหมประจำปีเพื่อเปลี่ยนชื่อ ซึ่งสะท้อนการสนับสนุนจากบางฝ่ายในสภา
โฆษกทำเนียบขาว แอนนา เคลลี ย้ำจุดยืนของทรัมป์ว่า กองทัพควรมุ่งเน้นการรุก ไม่ใช่เพียงป้องกัน พร้อมเหน็บว่านโยบาย DEI และ “อุดมการณ์แบบตื่นรู้” ไม่ใช่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
ทรัมป์ให้เหตุผลว่า แนวคิดการรีแบรนด์กระทรวงกลาโหมเป็น “กระทรวงสงคราม” ระหว่างการพูดคุยกับผู้สื่อข่าวในห้องทำงานรูปไข่ ว่า “มันฟังดูดีกว่าสำหรับผม มันเคยถูกเรียกว่ากระทรวงสงคราม และมันให้ความรู้สึกทรงพลังมากกว่า เราต้องการการป้องกัน แต่เราก็ต้องการการรุกด้วย… ในฐานะกระทรวงสงคราม เราเคยชนะทุกอย่าง ชนะทุกสมรภูมิ และผมคิดว่าเราจำเป็นต้องกลับไปสู่จุดนั้น”
กระทรวงสงครามของสหรัฐฯ ค่อย ๆ ถูกเปลี่ยนผ่านไปเป็นกระทรวงกลาโหม เริ่มตั้งแต่กฎหมาย National Security Act ปี 1947 ที่รวมกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เข้าเป็นองค์กรเดียวกันในชื่อ National Military Establishment ก่อนที่กฎหมายแก้ไขปี 1949 จะบัญญัติใช้ชื่อ “กระทรวงกลาโหม” อย่างเป็นทางการ และเป็นโครงสร้างที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ตลอดช่วงที่ผ่านมา ทรัมป์และรัฐมนตรีกลาโหม พีต เฮกเสธ ได้พยายามสร้างภาพลักษณ์กองทัพให้แข็งกร้าวมากขึ้น พร้อมทั้งเดินหน้าปรับเปลี่ยนหลายด้าน รวมถึงการปลดผู้นำทหารระดับสูงที่ถูกมองว่ามีท่าทีไม่สอดคล้องกับทรัมป์
นอกจากการสร้างภาพลักษณ์กองทัพให้แข็งกร้าวมากขึ้นแล้ว รัฐบาลทรัมป์ยังผลักดันนโยบายห้ามบุคคลข้ามเพศเข้ารับราชการและปลดผู้ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งถูกนักสิทธิมนุษยชนโจมตีว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ