ท่าแร่ เปิดจักรวาลคู่หูปราบปีศาจต่างความเชื่อที่รวมกันแล้วมีเสน่ห์
ท่าแร่ ภาพยนตร์สยองขวัญไอเดียเจ๋งจากผู้กำกับ คุ้ย-ทวีวัฒน์ วันทา เจ้าของผลงานระดับปรากฏการณ์อย่าง ธี่หยด ทั้งสองภาค กับเรื่องราวของหนึ่งบาทหลวงและหนึ่งหมอผีที่มีความเชื่อต่างกัน แต่ต้องมาร่วมมือกันปราบปีศาจร้ายที่ยากจะต่อกร โดยได้สองนักแสดงหนุ่ม เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข จาก มาตาลดา (2560) และ มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร จากภาพยนตร์ชุดพี่นาค มาร่วมรับบทนำ พร้อมด้วย เอก-ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ จากซีรีส์ สงคราม ส่งด่วน (2568), แพรวา-ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ จาก เทอม 3(2567), เอี้ยง-สวนีย์ นาวินธนันท์ชัย จาก ร่างทรง (2564) และนักแสดงเจ้าประจำอย่าง แฉะ-องอาจ เจียมเจริญพรกุล จาก ธี่หยด ทั้งสองภาค
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ณ ชุมชนท่าแร่ จังหวัดสกลนคร สถานที่ที่มีผู้นับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศไทย ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านท้องถิ่นที่มีความเชื่อเรื่องภูติผีและคาถาอาคมอยู่เช่นกัน
วันหนึ่ง ตามิ่ง (เอก-ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) อดีตบาทหลวงโดนปีศาจร้ายที่เคยถูกปราบไปเมื่อ 40 ปีก่อนเข้าสิงและสร้างความขวัญผวาไปทั่วชุมชน ชาวบ้านจึงเรียกตัว แม่เมืองโสภา (มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) หมอเหยาหนุ่มผู้ใช้คาถาอาคมในการสื่อสารกับภูติผีและขับไล่สิ่งชั่วร้ายตามความเชื่อดั้งเดิมของภาคอีสาน มาช่วยจัดการ ขณะเดียวกันทางคริสตจักรก็ได้ส่ง บาทหลวงเปาโล (เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข) ผู้เชี่ยวชาญในการปราบปีศาจมาช่วยติดตามสถานการณ์ แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะย่ำแย่กว่าเดิม เมื่อ มาลี (แพรวา-ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์) ลูกสาวของตามิ่งที่เดินทางจากกรุงเทพฯ กลับถูกปีศาจร้ายเข้าสิงไปอีกคน แม่โสภาและบาทหลวงเปาโล จึงต้องหาทางหยุดยั้งปีศาจร้ายเพื่อช่วยชีวิตมาลีและผู้คนในชุมชนให้สำเร็จ
จุดเด่นอย่างหนึ่งในผลงานของผู้กำกับคุ้ย ทวีวัฒน์ ที่ผู้เขียนชื่นชอบคือบรรดาฉากแสดงอิทธิฤทธิ์ของเหล่าผีและปีศาจที่นอกจากจะสร้างความขวัญผวาให้กับเราได้ดีแล้ว มันยังถูกสร้างสรรค์และนำเสนอได้อย่างมีเสน่ห์และเสริมให้ตัวละครน่าจดจำ เริ่มตั้งแต่ ผีชุดดำ จาก ธี่หยดที่มีอำนาจในการสร้างภาพหลอนเพื่อล่อลวงจิตใจของเหยื่อ หรือจะเป็น บุษบา จาก Attack วิญญาณเลขที่ 13 กับฉากไล่ล่าเหล่าเพื่อนนักเรียนในช่วงท้ายที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชน
สำหรับ ท่าแร่ ก็ยังเป็นผลงานของคุ้ย ทวีวัฒน์ ที่โดดเด่นมากๆ ในด้านการนำเสนอฉากสุดสยองที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ โดยหนึ่งในฉากที่เราชอบมากๆ คือฉากที่บาทหลวงเปาโลพยายามท่องคาถาขับไล่ปีศาจเพื่อช่วยเหลือมาลี แต่เขากลับถูกควบคุมจิตใจให้ตกอยู่ในอดีตอันเจ็บปวด หรือจะเป็นฉากแม่โสภาทำพิธีสื่อสารกับผีเพื่อขับไล่ปีศาจร้าย ที่มีการใช้เครื่องดนตรีอีสานควบคู่กับการร่ายรำและท่องคาถาที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังและชวนขนลุกในเวลาเดียวกัน
อีกเรื่องที่ภาพยนตร์นำเสนอได้ดีไม่แพ้กันคือสองตัวละครหลักอย่าง บาทหลวงเปาโลและแม่โสภาที่ เจมส์ จิรายุ และ มีน พีรวิชญ์ ถ่ายทอดบทบาทของตัวเองได้อย่างมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ทั้งบาทหลวงเปาโลที่มีความสุขุมรอบคอบ ยึดมั่นในความเชื่อที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า ไม่หวาดกลัวกับปีศาจร้ายตรงหน้า แต่ภายในกลับกำลังแบกรับอดีตบางอย่างไว้ ส่วนแม่โสภาที่นอกจากจะมีความเชื่อต่างจากบาทหลวงเปาโลแล้ว เขายังมีนิสัยที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง กับบทบาทหมอเหยาที่ดูเป็นกันเอง เข้าถึงได้ไม่ยาก แถมยังเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่พร้อมขายของให้ลูกค้าชนิดคุ้มค่าจ้าง แม้เขาจะยังหวาดกลัวเวลาเผชิญหน้ากับผีอยู่บ้าง แต่เมื่อเริ่มทำพิธีเขาก็ทำหน้าที่ของตัวเองแบบไม่มีถอยเช่นกัน
ขณะเดียวกันความแตกต่างเหล่านี้ยังช่วยเสริมให้เคมีของพวกเขามีเสน่ห์มากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นฉากสนทนาที่พวกเขาต้องหาทางจัดการกับปีศาจร้าย หรือจะเป็นฉากเผชิญหน้ากับปีศาจในช่วงท้ายเรื่อง จนเราอยากเห็นว่าหากเรื่องราวของทั้งคู่ได้ถูกนำไปขยับขยายเป็นภาพยนตร์ภาคต่อคงน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องราวฝั่งของแม่โสภาที่ยังมีช่องว่างให้ทีมสร้างนำไปต่อยอดได้อีก
อีกหนึ่งเรื่องที่เราอยากชื่นชมคือทีมสร้างค่อนข้างผสมผสานสองความเชื่อระหว่างศาสนาคริสต์และความเชื่อเรื่องภูติผีดั้งเดิมในแถบภาคอีสานออกมาได้ลงตัว เพราะต้องยอมรับว่าการหยิบเรื่องราวของสองความเชื่อที่แตกต่างกันมาเล่าดูจะมีความละเอียดอ่อนพอสมควร ซึ่งผู้กำกับและทีมสร้างก็บาลานซ์และนำเสนอรายละเอียดของสองความเชื่อได้ดี ไม่มีฝั่งไหนที่ดูมากหรือน้อยไปกว่ากัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของหมอเหยาที่ถูกเล่าผ่านบทสนทนาระหว่างแม่โสภาและบาทหลวงเปาโล รวมถึงการฉายภาพของชุมชนท่าแร่ที่เสมือนเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่อง ทั้งฉากในโบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลที่ใหญ่โตสวยงาม หรือการพาเราไปชมงานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส หนึ่งในเทศกาลสำคัญของชุมชนท่าแร่ที่จะจัดขึ้นในช่วงคริสต์มาสที่ชวนให้ผู้ชมเดินทางไปตามรอยดูสักครั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ท่าแร่ จะโดดเด่นมากๆ ในแง่ของการสร้างสรรค์ฉากสยองขวัญและเคมีที่เข้ากันของสองตัวละครหลัก แต่ภาพยนตร์ก็มีข้อสังเกตที่น่าเสียดายอยู่เช่นกัน
ข้อแรกคือแม้เนื้อเรื่องในช่วงแรกถูกปูมาน่าติดตาม แต่พอผ่านไปเรื่อยๆ มันกลับดูธรรมดาลงซะอย่างนั้น เนื่องจากประเด็นหลักของเรื่องว่าด้วยการค้นหาต้นตอของปีศาจร้ายที่มาเข้าสิงตามิ่งและมาลีเพื่อหาทางปราบมันให้สำเร็จ แต่ภาพยนตร์กลับนำเสนอเรื่องราวการสืบหาความจริงของบาทหลวงเปาโลและแม่โสภาได้ไม่โดดเด่นนัก เพราะส่วนใหญ่แล้วภาพยนตร์มักจะเฉลยปมปัญหาต่างๆ ผ่านบทสนทนาของตัวละคร มากกว่าการฉายภาพให้เราเห็นขั้นตอนหรือวิธีการสืบสวนของบาทหลวงเปาโลและแม่โสภา เหมือนเราเดินตามและฟังสองตัวละครนี้คุยกันไปเรื่อยๆ แล้วจู่ๆ ก็บังเอิญไปเจอเฉลยอย่างง่ายๆ ซะงั้น
ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่านี่คือแผลใหญ่ของเรื่องเพราะมันคือเส้นเรื่องหลักที่ดำเนินให้เรื่องราวไปข้างหน้า แถมพอถึงจุดที่ภาพยนตร์เฉลยปมปัญหาสำคัญมันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเซอร์ไพรส์อะไรนัก มันจึงส่งผลให้เส้นเรื่องการสืบหาความจริงตรงนี้ดูธรรมดา ไม่น่าติดตาม กลายเป็นว่าสิ่งที่ทำให้เราพอจะตามเรื่องราวต่อไปได้จนจบคือสองตัวละครหลักที่ถูกออกแบบมาได้ค่อนข้างดี
อีกหนึ่งข้อสังเกตที่เชื่อมโยงกับข้อแรกคือเส้นเรื่องของตัวปีศาจและครอบครัวตามิ่งและมาลีก็ดูธรรมดาเช่นกัน ย้อนกลับไปในเรื่อง ธี่หยดสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นมากๆ คือเรื่องราวของครอบครัวตัว ย. ที่ถูกนำเสนอมาได้แข็งแรง ทั้งความขัดแย้งและความผูกพันของสมาชิกในครอบครัว หรือจะเป็นปมปัญหาที่เชื่อมโยงกับตัวละคร ผีชุดดำ ซึ่งเสริมให้ผู้ชมผูกพันและอยากเอาใจช่วยครอบครัวนี้ให้ปลอดภัย
ตัดสลับมาที่ครอบครัวของตามิ่งและมาลี เรากลับไม่ค่อยเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาเท่าไร ทั้งปมปัญหาของพ่อลูกที่ถูกเล่าให้เราพอเห็นภาพหรือประวัติของตามิ่งที่ตัวภาพยนตร์พยายามจะทำให้ดูมีปริศนา แต่มันกลับดูธรรมดาจนเราไม่รู้สึกน่าติดตามเท่าไร จนมีหลายช่วงที่เราคิดว่าภาพยนตร์สามารถตัดทอนบางช่วงออกไปและเพิ่มฉากสยองขวัญหรือรายละเอียดการสืบสวนของบาทหลวงเปาโลและแม่โสภาก็น่าจะช่วยให้ภาพรวมของภาพยนตร์น่าติดตามขึ้น
ซึ่งข้อสังเกตเหล่านี้ก็ส่งผลไปถึงฉากสุดท้ายของเรื่อง แม้เราจะกล่าวไว้ในช่วงต้นว่าภาพยนตร์นำเสนอฉากแสดงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจออกมาได้ดี แต่นั่นคือฉากในช่วงแรกและกลางเรื่องเท่านั้น พอตัวเนื้อเรื่องระหว่างทางที่ควรจะบิลด์อารมณ์ของผู้ชมเพื่อนำไปสู่ฉากจบกลับดูธรรมดาและไม่น่าติดตาม มันจึงทำให้ฉากการเฉลยปมและการต่อสู้ระหว่างปีศาจกับบาทหลวงเปาโลและแม่โสภานั้นดูไม่อิมแพ็กต์อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งในแง่เรื่องราวของตัวละครหรือจะเป็นบทสรุปของเรื่องก็ตาม
ในภาพรวมแล้ว หากเทียบกับผลงานก่อนหน้าของคุ้ย ทวีวัฒน์ ส่วนตัวผู้เขียนอาจจะชอบ ธี่หยด และ Attack วิญญาณเลขที่ 13 มากกว่า แต่สำหรับ ท่าแร่ ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจมากๆ ในแง่ของการออกแบบสองตัวละครหลักอย่างบาทหลวงเปาโลและแม่โสภาที่มีเสน่ห์แตกต่างกัน แต่เมื่อทั้งคู่มาอยู่ร่วมจอกันกลับยิ่งทำทั้งคู่มีเสน่ห์มากกว่าเดิม จนเราอยากเห็นเรื่องราวของพวกเขาได้รับการต่อยอดอีกในอนาคต
ท่าแร่ เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่:
ภาพ:สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล