วิธีทำ “น้ำหอม” ด้วยตัวเอง สร้างกลิ่นโปรดของคุณ ปลอดภัยต่อสุขภาพ
ใครๆ ก็ชอบน้ำหอม แต่เคยสงสัยไหมว่าน้ำหอมที่เราใช้มีอะไรผสมอยู่บ้าง? หากคุณกำลังมองหาน้ำหอมที่มีกลิ่นเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร และที่สำคัญคือปลอดภัยต่อสุขภาพ การทำน้ำหอมใช้เองเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ คุณสามารถสร้างสรรค์น้ำหอมในแบบที่คุณต้องการได้ง่ายๆ ที่บ้าน
ทำไมน่าทำน้ำหอมใช้เอง?
การทำน้ำหอมใช้เองมีข้อดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น:
- ควบคุมส่วนผสมได้: คุณสามารถเลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% ปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ที่อาจระคายเคืองผิวหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- ปรับแต่งกลิ่นได้ตามใจ: ผสมผสานกลิ่นต่างๆ ได้อย่างอิสระ เพื่อสร้างสรรค์กลิ่นเฉพาะตัวที่บ่งบอกความเป็นคุณ
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: วัตถุดิบบางชนิดสามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับน้ำหอมแบรนด์ดัง
- สนุกและสร้างสรรค์: การทำน้ำหอมเป็นกิจกรรมที่สนุกและได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์
ส่วนผสมหลักในการทำน้ำหอม DIY
การทำน้ำหอม DIY มีส่วนผสมหลักๆ ไม่กี่อย่าง ดังนี้:
- น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils): หัวใจสำคัญของน้ำหอม เป็นสารสกัดเข้มข้นจากพืชธรรมชาติ มีกลิ่นหอมและคุณสมบัติบำบัดต่างๆ เลือกกลิ่นที่คุณชื่นชอบ เช่น ลาเวนเดอร์, ส้ม, มะลิ, กุหลาบ, แซนดัลวูด เป็นต้น
- แอลกอฮอล์สำหรับทำเครื่องสำอาง (Perfumer's Alcohol): ช่วยให้น้ำมันหอมระเหยละลายเข้ากันได้ดีและเป็นตัวนำพากลิ่นให้กระจายตัวได้ดีขึ้น สามารถใช้วอดก้า (ที่มีแอลกอฮอล์บริสุทธิ์สูง) แทนได้
- น้ำสะอาด (Distilled Water): ช่วยเจือจางส่วนผสม
- กลีเซอรีน (Glycerin): (ไม่บังคับ) ช่วยตรึงกลิ่นให้น้ำหอมติดทนนานขึ้น
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- ขวดสเปรย์หรือขวดแก้วสำหรับใส่น้ำหอม
- ถ้วยตวงหรือบีกเกอร์
- หลอดหยด
- แท่งคนหรือช้อน
ขั้นตอนการทำน้ำหอม DIY
เลือกกลิ่นที่คุณชอบ: เริ่มต้นด้วยการเลือกน้ำมันหอมระเหยที่คุณชื่นชอบ คุณสามารถผสมผสานกลิ่นต่างๆ เพื่อสร้างมิติใหม่ๆ ให้กับน้ำหอมของคุณ เช่น:
กลิ่นสดชื่น: เลมอน, ส้ม, เปปเปอร์มินต์
กลิ่นผ่อนคลาย: ลาเวนเดอร์, คาโมมายล์, แซนดัลวูด
กลิ่นดอกไม้: กุหลาบ, มะลิ, กระดังงา
อัตราส่วนผสม:
น้ำมันหอมระเหย: 15-30 หยด (ปรับตามความเข้มข้นที่ต้องการ)
แอลกอฮอล์: 15 มิลลิลิตร
น้ำสะอาด: 10 มิลลิลิตร
กลีเซอรีน (ไม่บังคับ): 5 หยด
ผสมส่วนผสม:
ในถ้วยตวงหรือบีกเกอร์ ค่อยๆ หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปตามปริมาณที่ต้องการ
เติมแอลกอฮอล์ลงไป คนให้เข้ากัน
เติมน้ำสะอาดและกลีเซอรีน (ถ้าใช้) คนให้เข้ากันอีกครั้ง
บรรจุลงขวด: เทส่วนผสมที่ได้ลงในขวดสเปรย์หรือขวดแก้วที่เตรียมไว้
บ่มน้ำหอม: ปิดฝาขวดให้สนิท เขย่าเบาๆ แล้วนำไปเก็บไว้ในที่มืดและเย็นอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ การบ่มจะช่วยให้กลิ่นต่างๆ ผสมผสานกันอย่างลงตัวและน้ำหอมมีกลิ่นที่กลมกล่อมและติดทนนานขึ้น
วิธีทำน้ำมันหอมระเหยจากดอกไม้หรือผลไม้ด้วยตัวเอง
การทำน้ำมันหอมระเหยที่บ้านเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน มีหลายวิธีในการสกัดน้ำมันหอมระเหย แต่ที่ง่ายที่สุดสำหรับทำเองที่บ้านคือ วิธีสกัดด้วยน้ำมันตัวพา (Oil Infusion)
1. การสกัดด้วยน้ำมันตัวพา (Oil Infusion Method)
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษมากนัก เหมาะกับการสกัดกลิ่นจากดอกไม้หรือเปลือกผลไม้ที่มีกลิ่นหอมแรง
วัตถุดิบและอุปกรณ์:
- ดอกไม้หรือเปลือกผลไม้สด: เลือกดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมแรง เช่น กุหลาบ, มะลิ, ลาเวนเดอร์, กระดังงา หรือเปลือกผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม, มะนาว (ควรเป็นแบบออร์แกนิกเพื่อหลีกเลี่ยงยาฆ่าแมลง)
- น้ำมันตัวพา: น้ำมันพืชที่ไม่มีกลิ่น เช่น น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์, น้ำมันอัลมอนด์หวาน, น้ำมันโจโจบา
- ขวดแก้วปากกว้างพร้อมฝาปิดสนิท: ควรเป็นขวดแก้วสีเข้มเพื่อป้องกันแสง
- ผ้าขาวบางหรือผ้ากรอง
- หม้อตุ๋นสองชั้น (Double Boiler) หรือภาชนะทนความร้อน 2 ใบสำหรับทำเป็นหม้อตุ๋น (ไม่บังคับ แต่ช่วยเร่งกระบวนการ)
ขั้นตอนการทำ:
เตรียมวัตถุดิบ:
ดอกไม้: เด็ดกลีบดอกไม้หรือดอกไม้ทั้งดอก หากเป็นดอกไม้สด ควรปล่อยให้แห้งเล็กน้อย (ผึ่งลม 1-2 วัน) เพื่อลดความชื้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการเน่าเสีย
เปลือกผลไม้: ล้างผลไม้ให้สะอาด ปอกเอาแต่เปลือกด้านนอกที่มีน้ำมัน (หลีกเลี่ยงส่วนสีขาวของเปลือกผลไม้รสเปรี้ยว เพราะอาจทำให้ขม) หั่นหรือสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ
บรรจุลงขวดแก้ว: ใส่ดอกไม้หรือเปลือกผลไม้ที่เตรียมไว้ลงในขวดแก้วให้เกือบเต็มขวด (ประมาณ 3/4 ของขวด)
เติมน้ำมันตัวพา: เทน้ำมันตัวพาลงไปให้ท่วมวัตถุดิบจนหมด โดยให้เหลือช่องว่างด้านบนเล็กน้อยสำหรับปิดฝา
เลือกวิธีสกัด (มี 2 วิธีหลัก):
วิธีสกัดแบบเย็น (Cold Infusion):
ปิดฝาขวดให้สนิท เขย่าเบาๆ
- เก็บขวดไว้ในที่มืดและเย็น เช่น ในตู้กับข้าว หรือตู้เย็น เป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ (หรือนานกว่านั้นเพื่อกลิ่นที่เข้มข้นขึ้น)
- เขย่าขวดทุกวันหรือวันเว้นวัน เพื่อช่วยให้น้ำมันสกัดกลิ่นได้ดีขึ้น
วิธีสกัดแบบร้อน (Hot Infusion): (วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเร่งกระบวนการ)
นำขวดแก้วที่บรรจุวัตถุดิบและน้ำมันไปวางในหม้อตุ๋นสองชั้น (หรือวางขวดในหม้อที่มีน้ำแล้วตั้งไฟอ่อนๆ)
- ต้มด้วยไฟอ่อนที่สุดเป็นเวลา 2-4 ชั่วโมง (หรือนานกว่านั้น) โดยอย่าให้น้ำมันเดือดพล่าน
- ความร้อนจะช่วยเร่งการสกัดกลิ่น
- ระวังอย่าให้น้ำเข้าไปในขวดน้ำมัน
กรองน้ำมัน: เมื่อครบกำหนดเวลาการสกัดแล้ว กรองน้ำมันออกจากกากดอกไม้/ผลไม้ โดยใช้ผ้าขาวบางหรือผ้ากรอง บีบเอาน้ำมันออกมาให้ได้มากที่สุด
เก็บรักษาน้ำมัน: เทน้ำมันที่ได้ลงในขวดแก้วสีเข้มที่สะอาดและแห้ง ปิดฝาให้สนิท เก็บในที่เย็นและมืด น้ำมันที่ได้สามารถเก็บไว้ใช้ได้นานหลายเดือนถึงหนึ่งปี ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมันตัวพาที่ใช้
ข้อควรจำ:
- คุณภาพของวัตถุดิบ: ยิ่งวัตถุดิบสดใหม่และมีกลิ่นหอมมากเท่าไหร่ น้ำมันที่ได้ก็จะมีคุณภาพและกลิ่นที่เข้มข้นเท่านั้น
- ความสะอาด: รักษาความสะอาดของอุปกรณ์ทุกชิ้น เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและยืดอายุการเก็บของน้ำมัน
- ความปลอดภัย: หากใช้วิธีสกัดแบบร้อน ควรระมัดระวังเรื่องความร้อนและอย่าให้น้ำมันเดือดปุดๆ เพราะอาจทำให้สารสำคัญในน้ำมันหอมระเหยเสื่อมสภาพได้
เคล็ดลับเพิ่มเติม
- ทดสอบกลิ่น: ก่อนที่จะผสมน้ำหอมในปริมาณมาก ลองผสมน้ำมันหอมระเหยในอัตราส่วนเล็กๆ แล้วทดสอบกลิ่นดูก่อน
- จดบันทึก: จดบันทึกอัตราส่วนและชนิดของน้ำมันหอมระเหยที่คุณใช้ เพื่อที่คุณจะได้สร้างกลิ่นโปรดของคุณซ้ำได้ในอนาคต
- ปรับความเข้มข้น: หากคุณต้องการน้ำหอมที่มีกลิ่นเข้มข้นขึ้น ให้เพิ่มปริมาณน้ำมันหอมระเหย หรือหากต้องการกลิ่นที่บางเบาลง ให้ลดปริมาณน้ำมันหอมระเหย
- เก็บให้พ้นแสง: ควรเก็บน้ำหอมไว้ในขวดแก้วสีเข้มและเก็บในที่แห้งและเย็น พ้นจากแสงแดดโดยตรง เพื่อรักษาคุณภาพของน้ำหอม
การทำน้ำหอมใช้เองเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างสรรค์กลิ่นเฉพาะตัวที่บ่งบอกความเป็นคุณ ปลอดภัยต่อสุขภาพ และยังเป็นกิจกรรมที่สนุกอีกด้วย ลองทำดูแล้วคุณจะหลงรักน้ำหอม DIY ของคุณเอง! มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำน้ำหอมหรือน้ำมันหอมระเหยไหม?
อ่านเพิ่ม