จีนเร่งตุนทองคำ 8 เดือนติด หวังสร้างอำนาจใหม่ ท้าทายดอลลาร์ หลังอ่อนค่าหนักสุดในรอบ 50 ปี
ธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังคงเดินหน้าสะสมทองคำอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน โดยใช้ทองคำเป็นหมากสำคัญในเกมเศรษฐกิจโลก เพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ และสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน
จีนขึ้นแท่นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ข้อมูลจาก World Gold Council ระบุว่า ในปี 2023 จีนซื้อทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 225 ตัน และ 44 ตัน ในปี 2024 โดยคาดว่าธนาคารกลางจีนอาจยังมีการสะสมทองคำแบบ “เงียบ ๆ” ผ่านการนำเข้าทองคำแท่งขนาดใหญ่จากต่างประเทศ โดยไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ
กลยุทธ์ลับลดพึ่งดอลลาร์
เบื้องหลังกลยุทธ์นี้คือความพยายามลดความเสี่ยงจากดอลลาร์ หลังเหตุการณ์สหรัฐฯ อายัดทรัพย์สินของรัสเซียในปี 2022 ทำให้จีนหันมาพึ่ง “ทองคำ” ซึ่งไม่สามารถถูกควบคุมหรืออายัดได้ง่าย ขณะเดียวกัน ทองคำยังเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ และเสริมความมั่นใจต่อค่าเงินหยวนในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง
การที่จีนสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เป็นแค่การเพิ่มทุนสำรองเท่านั้น แต่คือการสร้างอำนาจใหม่ในตลาดทองคำโลก จีนกำลังจะก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางราคา และใช้ทองคำเป็นหลักยึดโยงนโยบายการเงินในอนาคต
ยิ่งไปกว่านั้น ยังสอดรับกับเป้าหมายใหญ่ของจีนในการลดอิทธิพลของสหรัฐฯ ในระบบการเงินโลก และ ผลักดันให้เงินหยวนกลายเป็น “สกุลเงินทางเลือก” ที่น่าเชื่อถือและมีบทบาทมากขึ้นในเวทีสากล
ผลกระทบต่อทองคำและเศรษฐกิจโลก
การที่ธนาคารกลางจีนเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ ส่งผลให้ราคาทองคำโลกมีแรงหนุนต่อเนื่อง พร้อมช่วยพยุงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วงเศรษฐกิจผันผวน หลายฝ่ายมองว่าธนาคารกลางอื่น ๆ อาจเดินตามรอยจีนมากขึ้น โดยใช้ทองคำเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงจากตลาดทุนโลกและดอลลาร์ที่อาจไม่แน่นอนเท่าเดิม
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2025 ดัชนี Dollar Index ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลักของโลก ร่วงลงไปแล้วกว่า 11% ถือเป็นการลดลงที่หนักที่สุดในช่วงครึ่งปีแรก นับตั้งแต่ปี 1973 และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 เกิดเป็นคำถามว่าหรือดอลลาร์กำลังจะเสียภาพลักษณ์ของการเป็น Safe Haven ไปแล้ว
อ้างอิง: Bloomberg, Mr.Messenger Talk Podcast