หุ้นเล็กสหรัฐฯ เจอภาษีกดดัน แต่เห็นสัญญาณฟื้นตัว เปิดโอกาสลงทุนหุ้น Small-Cap
แม้ภาษีจะยังเป็นแรงกดดันสำคัญสำหรับธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ แต่รายงานล่าสุดจาก NFIB (National Federation of Independent Business) กลับสะท้อนภาพที่น่าสนใจว่าหุ้นกลุ่มนี้อาจเริ่มขยับฟื้นตัว
แม้ยังโดนภาษีกดดัน แต่ภาพรวมเริ่มนิ่ง
รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก (NFIB Small Business Optimism Index) ประจำเดือนมิถุนายน 2025 อยู่ที่ระดับ 98.6 จุด ลดลงเล็กน้อย 0.2 จุดจากเดือนก่อนหน้า โดย “ภาษี” ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในสายตาของผู้ประกอบการ โดย 19% ระบุว่าเป็นอุปสรรคสำคัญ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021
แม้ภาษีจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ตัวเลขอื่น ๆ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว เช่น
ดัชนีความไม่แน่นอน (Uncertainty Index) ลดลง ถึง 5 จุด มาอยู่ที่ 89 สะท้อนว่าบรรยากาศของความไม่แน่นอนกำลังคลี่คลายลง ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาคธุรกิจขนาดเล็ก
- ภาวะเงินเฟ้อผ่อนคลายลง โดยผู้ประกอบการเพียง 11% เท่านั้นที่รายงานว่าเงินเฟ้อเป็นปัญหาสำคัญที่สุด ลดลง 3 จุดจากเดือนพฤษภาคม และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2021 นี่เป็นสัญญาณสำคัญที่ชี้ว่าแรงกดดันด้านต้นทุนสำหรับธุรกิจขนาดเล็กกำลังลดลง
- ยอดขายเริ่มฟื้น แม้ภาพรวมยังติดลบ 5% แต่ยอดขายของหุ้นขนาดเล็กกระเตื้องขึ้นถึง 8 จุดในเดือนเดียว ซึ่งถือว่าดีที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2023
- ปัญหาแรงงานยังอยู่ แต่ไม่แย่เท่าเดิม แม้คุณภาพแรงงานยังเป็นปัญหาสำหรับ 16% ของผู้ประกอบการ และต้นทุนแรงงานยังสูงขึ้น แต่จำนวนผู้ที่รายงานปัญหาด้านแรงงานเริ่มลดลง สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดแรงงานที่คลี่คลายมากขึ้น
- ธุรกิจเริ่มฟื้น กำไรเริ่มกลับมา แม้สัดส่วนผู้ประกอบการที่มองว่าธุรกิจอยู่ในสภาพ “ดี” หรือ “ดีเยี่ยม” จะลดลง แต่แนวโน้มกำไรโดยรวมกลับปรับตัวดีขึ้น 4 จุดจากเดือนก่อน ซึ่งสะท้อนจากยอดขายที่เริ่มขยับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทำไมตอนนี้หุ้นเล็กอาจเป็นโอกาส?
นักลงทุนที่ติดตามหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ อาจคุ้นเคยกับความผันผวนในรอบ 1–2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ หรือความไม่แน่นอนด้านนโยบาย แต่จากรายงานล่าสุด สัญญาณหลายอย่างเริ่มพลิกทางบวก โดยเฉพาะปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งหุ้น Small-Cap มักจะอ่อนไหวและตอบสนองได้รวดเร็วกว่า
- ต้นทุนลด กำไรเพิ่ม แรงกดดันด้านต้นทุนเริ่มลดลง โดยเฉพาะจากราคาสินค้าและค่าจ้างที่เริ่มนิ่ง ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสเห็นกำไรกลับมาเร็วกว่า
- ความไม่แน่นอนลดลง การลดลงของดัชนีความไม่แน่นอนสะท้อนว่าเจ้าของธุรกิจเริ่มมั่นใจมากขึ้น กล้าขยายกิจการหรือจ้างงานเพิ่ม ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อการเติบโต
- ความคล่องตัวของธุรกิจเล็ก ด้วยความยืดหยุ่นในการปรับตัว ธุรกิจขนาดเล็กสามารถตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจได้เร็วกว่าธุรกิจขนาดใหญ่
- เน้นตลาดภายในประเทศ ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ต้องรับมือกับความเสี่ยงจากสงครามการค้า ธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เน้นการขายสินค้าและบริการภายในประเทศ โดยเฉลี่ยแล้วกว่า 77% ของรายได้มาจากตลาดสหรัฐฯ ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าน้อยกว่า หุ้นเล็กเริ่มตั้งหลักท่ามกลางคลื่นลม
นโยบายภาษีของสหรัฐฯ อาจสร้างแรงกดดันต่อธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง สิ่งที่รายงานของ NFIB สะท้อนให้เห็นก็คือ “หุ้นขนาดเล็กกำลังเริ่มตั้งหลักได้ท่ามกลางแรงกดดัน”
แม้ภาษีจะยังเป็นปัญหาใหญ่ แต่ดัชนีความไม่แน่นอนที่ลดลง เงินเฟ้อที่ผ่อนคลาย กำไรที่เริ่มฟื้น และยอดขายที่ค่อย ๆ กลับมา ล้วนเป็นสัญญาณบวกที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่ม Small-Cap ที่มีจุดแข็งคือการปรับตัวไว มุ่งเน้นตลาดในประเทศ และพร้อมเติบโตไปกับการฟื้นตัวของผู้บริโภคอเมริกัน
โอกาสลงทุน กองทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาขนาดเล็ก
Mr.Messenger Call แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้นสหรัฐอเมริกาขนาดเล็ก ผ่านกองทุน ABAGS (Active) และ SCBRS2000(A) (Passive) โดยแนะนำเข้าซื้อที่ดัชนี Russell 2000 ไม่เกินระดับ 2,241 จุด สำหรับเป้าหมายเก็งกำไรระยะสั้นแบบ The Trend Follower
- กองทุน ABAGS เป็นกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็ก (Small-Cap) ที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active ลงทุนผ่าน Aberdeen SICAV I – North American Smaller Companies Fund โดยเน้นบริษัทที่มูลค่าตลาดไม่เกิน 5,000 ล้านดอลลาร์
- กองทุน SCBRS2000(A) เป็นกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็ก (Small-Cap) ที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive ลงทุนผ่าน iShares Russell 2000 ETF ซึ่งติดตามดัชนีหุ้นกลุ่ม Small-Cap ของสหรัฐฯ ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สะท้อนภาพรวมตลาดหุ้นขนาดเล็กอย่างแท้จริง
คำเตือน: กองทุนนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | กองทุนนี้เป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299