อสังหาฯ ครึ่งปีหลัง 2568 ชะลอตัวไม่พัก ดีเวลลอปเปอร์ชะลอเปิดโครงการใหม่
LWS มองตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลช่วงครึ่งหลังปี 2568 ชะลอตัวต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจชะลอตัว-กำลังซื้อลด-สถาบันการเงินเข้มงวด แม้มาตรการรัฐช่วยกระตุ้นแต่ไม่เพียงพอ ดีเวลลอปเปอร์ชะลอเปิดโครงการใหม่ เน้นระบายสต็อกสินค้าคงค้างเพิ่มสภาพคล่อง
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำกว่า 2% ซึ่งเป็นผลจากการที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย 36% ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568
การที่เศรษฐกิจเติบโตต่ำส่งผลให้รายได้และกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ประกอบกับสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ แม้จะมีมาตรการผ่อนคลาย Loan to Value (LTV) และการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ก็ตาม แต่ผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังกังวลเรื่องรายได้ในอนาคตจึงชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย
จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้คาดว่าในปี 2568 จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงทั้งมูลค่าและจำนวน เนื่องจากผู้ประกอบการหันไปเน้นการระบายสต็อกสินค้าคงเหลือเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระดอกเบี้ย การเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ลดลง 54% ในด้านจำนวนหน่วย และ 46% ในด้านมูลค่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567
จำนวนโครงการใหม่ครึ่งปีแรกลดลง 54%
จากการสำรวจพบว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล จำนวน 104 โครงการ รวม 14,942 หน่วย มูลค่า 109,220 ล้านบาท ซึ่งลดลง 42%, 54% และ 46% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีการเปิดตัว 182 โครงการ รวม 32,675 หน่วย มูลค่า 201,517 ล้านบาท
สำหรับโครงการอาคารชุดพักอาศัย เปิดตัวใหม่ 23 โครงการ รวม 7,393 หน่วย มูลค่า 22,956 ล้านบาท ลดลง 30%, 45% และ 56% ตามลำดับ ส่วนราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 3.10 ล้านบาทต่อหน่วย ลดลง 20% จากปี 2567
ในส่วนของบ้านพักอาศัย เปิดตัวใหม่ 81 โครงการ รวม 7,549 หน่วย มูลค่า 86,264 ล้านบาท ลดลง 46%, 61% และ 42% ตามลำดับ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 11.42 ล้านบาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 47% เนื่องจากมีการเปิดตัวบ้านระดับพรีเมียมในสัดส่วนที่สูงขึ้น
ทำเลหลักสี่-แบริ่ง-สาธุประดิษฐ์ มีกำลังซื้อสูง
จากการสำรวจพบว่า ทำเลที่มีกำลังซื้อสูงสำหรับอาคารชุดในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 ได้แก่ หลักสี่-แจ้งวัฒนะ มียอดขาย ณ วันเปิดตัวสูงถึง 40% และ ติวานนท์ ที่ 30%
สำหรับบ้านพักอาศัยราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ทำเล แบริ่ง-วัดด่าน มียอดขายสูงสุดที่ 23% ตามมาด้วย ปทุมธานี ที่ 17%
ส่วนบ้านพักอาศัยราคาเกิน 10 ล้านบาท ทำเล วงแหวน-บางนา มียอดขายสูงสุดที่ 30% ตามมาด้วย สาธุประดิษฐ์ ที่ 45%
โดยสรุปแล้ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ชะลอตัวจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและสถานการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ และหันมาเน้นการระบายสต็อกสินค้าคงค้าง ถึงแม้ผู้ประกอบการจะเร่งเปิดตัวโครงการในช่วงครึ่งหลัง แต่คาดว่าภาพรวมทั้งปี 2568 จำนวนโครงการเปิดใหม่จะยังคงน้อยกว่าหรือใกล้เคียงกับปี 2567