‘โรม’ ชี้ ไทยไม่มีปิดด่าน ซัด ถ้า‘อังเคิล’เดือดร้อน แสดงว่าเอี่ยวคอลเซ็นเตอร์

‘โรม’ มุดป่าไผ่สำรวจท่าข้ามอรัญประเทศ ซัดอังเคิลเข้าใจผิด ไทยไม่มีมาตรการปิดด่านเพียงแต่ควบคุมการเข้า-ออก ชี้ถ้า‘อังเคิล’เดือดร้อนแสดงว่าเอี่ยวคอลเซ็นเตอร์ ด้าน ‘เท้ง’ เสนอใช้กล้อง-เซ็นเซอร์ตรวจจับคนผ่านแดน 24 ชั่วโมง มีประสิทธิภาพกว่าสร้างรั้ว 100 กม.

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2568 ที่อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ลงพื้นที่บริเวณจุดท่าข้าม VIP 1 หรือบ้านโสนน้อย และ VIP 2 ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

สำหรับท่าข้าม VIP 1 นายรังสิมันต์ ได้มุดป่าไผ่ที่คาดว่าจะเป็นช่องทางธรรมชาติที่คนไทย-กัมพูชา ใช้ลักลอบข้ามแดน

นายรังสิมันต์ ยอมรับว่าอาจจะเห็นร่องรอยการข้ามในลักษณะที่ใช้ข้ามได้ คงจะต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่ามีใครเป็นผู้เกี่ยวข้องบ้าง โดยในจุดที่ท่าข้าม VIP 1 พบว่าสามารถข้ามได้ยาก เพราะฝั่งตรงข้ามเต็มไปด้วยป่าไผ่ แต่เคยได้รับรายงานว่าบริเวณดังกล่าวอาจจะเป็นจุดที่ข้ามมาได้ แต่ ณ วันนี้อาจจะไม่ง่ายในการข้าม คงต้องมีการตรวจสอบต่อไป

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่แค่เรื่องการหลอกเอาเงินเพียงอย่างเดียว ยังมีการค้ามนุษย์และการทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะที่ฝั่งกัมพูชาใช้ทรัพยากรของไทย ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า น้ำมัน และเป็นทางผ่านของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกด้วย ทางคณะกรรมาธิการให้ความสำคัญกับการปราบปรามเรื่องนี้ แต่ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวพันกับความขัดแย้ง เมื่อเราพยายามปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากคือ มาตรการของเราจะถูกนำไปใช้เป็นวิธีการหนึ่งที่จะใช้เจรจาระหว่างสองประเทศหรือไม่ เพราะรายได้ของกัมพูชาส่วนใหญ่มาจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“หากเรามองทะลุไปจะเห็นความเป็นเมือง อาคารใหญ่โตที่อยู่ฝั่งกัมพูชา ใหญ่โตมาก นั่นคือเงินของคนทั่วโลกที่ถูกหลอกมา ในพื้นที่อรัญประเทศและบริเวณรอบข้างการเติบโตไม่สามารถเทียบได้เลย แสดงให้เห็นถึงเม็ดเงินมหาศาลที่เข้าไปอยู่ตรงนั้น ถ้าทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปราศจากเงินตรงนี้ จะทำลายเศรษฐกิจฝั่งนั้นอย่างย่อยยับ” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่าอยากให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้

ผู้ปฏิบัติงานแนวหน้าต้องการการสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ เทคโนโลยี รวมถึงบุคลากรที่จะเป็นมดงานในการปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมาธิการพยายามจะเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด แต่เรายังเห็นตึก และความเคลื่อนไหวในลักษณะที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงต้องการมาตรการที่เข้มข้น เป็นโจทย์ของรัฐบาลว่าจะดำเนินงานอย่างไร คณะกรรมาธิการพร้อมสนับสนุนรัฐบาล หากเราทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจหลักมีปัญหา ทางเขาอาจมีมาตรการอื่นมาใช้ต่อรองกับเรา ซึ่งเราต้องมีมาตรการรับมือ

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้าได้ลงพื้นที่สระแก้วในโครงการผู้นำฝ่ายค้าน ติดตามการก่อสร้างรั้วระหว่างไทย และกัมพูชา

พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ของความเหมาะสมในการดำเนินมาตรการ การแก้ไขปัญหาระหว่างไทย และกัมพูชา ซึ่งได้ตั้งกระทู้ถามสดในสภาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมก็เข้ามาตอบกระทู้ถามสด และได้ภาพด่านต่างๆที่ได้ให้ข้อมูลว่า หลายจุดฝั่งไทยไม่ได้เป็นผู้ปิด แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ปิด และอยากให้ตนลงมาดูพื้นที่ด้วยตัวเอง เพื่อมาดูข้อเท็จจริง ซึ่งก็เป็นโอกาสที่คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ล่วงหน้าอยู่แล้ว จึงลงพื้นที่ในฐานะผู้ติดตามมาด้วย เพื่อมาดูสถานการณ์หน้างาน

โดยจากการลงพื้นที่ก็พบว่า ปัญหาชายแดนทุกจุดมีประเด็นสำคัญอยู่ 3 เรื่อง คือ 1.การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2.เศรษฐกิจชายแดน และ 3.ความมั่นคงและพื้นที่พิพาท

ซึ่งในพื้นที่สระแก้ว ปัญหาหลักเลยคือ เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมาในอดีตเรื่องเศรษฐกิจชายแดนที่นี่ไม่มีปัญหา ประชาชนไปมาหาสู่กันได้ และไม่ได้มีข้อพิพาท เนื่องจากเส้นแบ่งชายแดนชัดเจน ไม่เหมือนพื้นที่อื่น เพราะฉะนั้นเท่าที่ได้รับทราบข้อมูล เช่นที่ไทยดำเนินการอยู่คือ การควบคุมด่าน เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ทำอย่างไรไม่ให้คนไทย หรือคนชาติไหนถูกหลอก และกลายเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือการทำความเข้าใจกับกัมพูชา

ว่า สิ่งที่ไทยต้องการคือ การปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ส่วนเรื่องอื่นเช่น เศรษฐกิจในสระแก้ว และข้อพิพาทตามชายแดน ไม่ได้มีปัญหา

สุดท้ายที่อยากฝากไว้คือ และใช้งบประมาณของรัฐในการควบคุมชายแดน หากใช้งบประมาณลงทุนอย่างถูกจุดก็จะเกิดประโยชน์แทนที่จะลงทุนสร้างแนวรั้วกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งวันดีคืนดีก็ไม่ทราบได้เลยว่า จะมีคนแอบมาขุดช่องมุดกำแพงตามแนวชายแดนเมื่อไหร่ หรือการสร้างแล้วรั้วขึ้นมา อาจทำให้เกิดข้อพิพาท ฝ่ายกัมพูชาเรื่องเส้นเขตแดนหรือไม่

พร้อมยกตัวอย่างเทคโนโลยี ที่มีการนำกล้องและเซนเซอร์มาใช้ตรวจจับ 24 ชั่วโมง คนที่จะลักลอบ ผ่านข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องทำ ให้ระบบดังกล่าวการตรวจจับและบันทึกประวัติการรับรอง เหมือนการออกใบสั่งฝ่าความเร็ว ซึ่งก็จะตรวจสอบได้ว่าเมื่อมีการ ข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย แล้วเจ้าหน้าที่ได้ตรวจตราเขตแดนหรือไม่ เชื่อว่ากลไกนี้จะมีประสิทธิภาพ และลงทุนถูกกว่าการสร้างแนวรั้ว

ในช่วงท้าย นายรังสิมันต์ ระบุว่าวันนี้การค้าชายแดน ไทยไม่ได้ห้าม

เราพยายามสกัดกั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งขณะนี้ปะปนกันอยู่ ต้องแยกให้ชัดว่ามาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างไรต้องเดินหน้า ขณะเดียวกันเราอยากให้มีการค้าขายที่ถูกต้องสุจริต ต้องยอมรับว่ายังปรับจูนเรื่องนี้ไม่ได้ ยืนยันว่าไทยไม่มีการปิดด่าน เพียงแต่เป็นการควบคุมด่าน ควบคุมการเข้าออกของคน แต่ในเรื่องมนุษยธรรมยังสามารถทำได้อยู่

“ดังนั้นถ้ามีความเข้าใจผิดของอังเคิลคนไหนก็แล้วแต่ว่าประเทศไทยปิดด่าน ยืนยันว่าอังเคิลเข้าใจผิด ถ้าการควบคุมตรงนี้แล้วทำให้อังเคิลเดือดร้อน แสดงว่าอังเคิลอาจเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือเปล่า ฝากไว้ให้คิด” นายรังสิมันต์กล่าว

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘โรม’ ชี้ ไทยไม่มีปิดด่าน ซัด ถ้า‘อังเคิล’เดือดร้อน แสดงว่าเอี่ยวคอลเซ็นเตอร์

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th