หุ้นไทยแกว่ง Sideway กรอบ 1,250 - 1,280 จุด การเมืองไทยเริ่มเข้มข้น
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) วิเคราะห์หุ้นไทยวันนี้ (15 ส.ค.68) ว่า ดัชนี SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,250 - 1,280 จุด ความเสี่ยงการเมืองในประเทศในระยะสั้นเริ่มเข้มข้นขึ้น
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI) เดือน ก.ค. ขยายตัว 0.9% จากเดือนก่อน และเติบโต 3.3% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือน มิ.ย. และสูงกว่าคาดที่ 0.2% จากเดือนก่อน และ 2.5% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
เช่นเดียวกับ ดัชนี US Core PPI ขยายตัว 3.7% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ซึ่งสูงกว่าคาดที่ 3.0% สะท้อนแนวโน้มที่บริษัทต่างๆ อาจจะส่งผ่านต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้นจากมาตรการภาษีไปยังผู้บริโภคในช่วงถัดไปได้ โดย
จากตัวเลขดังกล่าวที่สูงกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดประเมินความน่าจะเป็นในการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ในเดือน ก.ย., ต.ค. และ ธ.ค. ลดลงสู่ระดับ 92%, 57%, 76% ตามลำดับ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯชะลอเล็กน้อย ด้าน Dollar Index กลับมาแข็งค่าสู่ระดับ 98.2 จุด รวมทั้ง US Bond Yield ขยับขึ้นสู่ระดับ 4.29% (+5bps)
ส่วนปัจจัยในประเทศ หลังผ่านพ้นช่วงการรายงานผลประกอบการแล้ว ในช่วงถัดไปตลาดอาจจะเริ่มให้น้ำหนักต่อประเด็นอื่นๆ มากยิ่งขึ้น โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่เหลือของเดือน ส.ค. คาดประเด็นการเมืองจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ทั้งวันที่ 22 ส.ค. ศาลอาญานัดฟังคำพิพาษาคดี ม.112 ของคุณทักษิณ และ 29 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายก
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจเข้ามากดดันในเชิงจิตวิทยาในระยะสั้น แต่คาดว่าหลังจากผ่านพ้นประเด็นเหล่านี้จะหนุนแรงซื้อกลับในตลาดหุ้นไทยในช่วงถัดไป ดังนั้นระยะสั้นอาจแนะระวังมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยที่ต้องจับตา
15 ส.ค.
- ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ
- ดัชนีความเชื่อมั่นสหรัฐฯ จาก ม.มิชิแกน
- ยอดค้าปลีกจีน
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน
หุ้นเด่นแนะนำ
SAWAD ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.00 บาท
- รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ 1,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.4% จากไตรมาสก่อน และ 0.4% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ดีกว่าตลาดคาด 13%
- รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิขยายตัว 2.9% จากไตรมาสก่อน โดยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถกลับมาโตครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส ด้าน NIM ขึ้นสู่ 14.7% จาก14% ในไตรมาส 1/68
- ด้านคุณภาพสินทรัพย์ พบว่า NPL Ratio ขึ้นเพียงเล็กน้อยสู่ 3.7% จาก 3.6%
- แนวโน้มไตรมาส 3/68 คาดยังขยายตัวต่อ จากสินเชื่อเร่งขึ้น NIM เพิ่มขึ้น และผลขาดทุนรถยึดน้อยลง