'เวียดนาม' ดันแอปเรียกแท็กซี่ไฟฟ้ารุกอาเซียน แข่ง Grab
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า "ฝ่าม เญิ้ต เวือง" มหาเศรษฐีเวียดนาม เจ้าของอาณาจักร Vingroup และรถยนต์ไฟฟ้าVinfast กำลังเตรียมหาทางพลิกโฉม"ธุรกิจเรียกรถโดยสาร"ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากธุรกิจรถแท็กซี่ไฟฟ้าของเขาที่ชื่อว่า Green & Smart Mobility JSC หรือGSM กำลังแข่งขันไล่บี้กับ "Grab Holdings Ltd." เพื่อขึ้นเป็นผู้ให้บริการเรียกรถอันดับหนึ่งในตลาดบ้านเกิดที่เวียดนาม
รายงานของบริษัท มอร์ดอร์ อินเทลลิเจนซ์ ระบุว่า มหาเศรษฐีเบอร์ 1 เวียดนาม รายนี้ กำลังใช้ประโยชน์จากเงินทุนมหาศาล การตั้งราคาที่แข่งขันได้ และกองทัพรถยนต์ไฟฟ้าจาก VinFast ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้น
อย่างไรก็ตาม นาธาน ไนดู นักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์ก อีโคโนมิสต์ มองว่าการแข่งขันนี้ไม่ง่าย และท้าทายมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ในอุตสาหกรรมที่มีกำไรน้อย และมีส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศไม่มากนัก
'แอปเรียกรถ' เป็นกลยุทธ์พ่วงขาย Vinfast
GSM หรือที่รู้จักกันในชื่อ Xanh SM ในเวียดนาม ซึ่งก่อตั้งมาแล้วสองปีครึ่ง กำลังนำกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จในบ้านเกิดออกไปตลาดต่างประเทศในอาเซียนมากขึ้นทั้งใน "ลาว อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์"และคาดว่าจะเข้าสู่ตลาด "อินเดีย" ตามมาด้วย หลังจาก VinFast เพิ่งเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในอินเดียไปหมาดๆ และค่ายรถอีวีรายนี้ยังเตรียมเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในอินโดนีเซีย ช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ด้วย
เหวียน วัน ถั่นห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GSM Global ซึ่งเขาถือหุ้นอยู่ 95% กล่าวว่า GSM จะเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ผลักดันให้รถยนต์ "VinFast" ก้าวสู่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก โดยบริการเรียกรถดังกล่าวมีสัดส่วนราว 21% ของยอดขายรถยนต์วินฟาสต์ในไตรมาสแรก
บริษัทแท็กซี่ รายนี้ยังอาจขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียด้วย โดยเป็นส่วนหนึ่งของ "กลยุทธ์ที่ขยายกว้างขึ้น" ของบริษัทอย่างแม่ Vingroup และขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ เช่น การขนส่งระหว่างเมือง บริการเรียกรถระดับพรีเมียม บริการเดลิเวอรี และบริการสำหรับองค์กร หลังจากที่ประสบความสำเร็จในบ้านมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับความเป็นเจ้าตลาดของบริการเรียกรถในเวียดนามนั้น ข้อมูลยังมีความขัดแย้งกันอยู่ โดยรายงานของมอร์ดอร์ อินเทลลิเจนซ์ ระบุว่า GSM เป็นเจ้าตลาดที่ส่วนแบ่ง 40% ในไตรมาสแรก โดยมี Grab ตามมาที่ 32% และ BE Group อยู่ที่ 6% แต่รายงานของบริษัทญี่ปุ่น ราคุเต็น อินไซด์ ระบุว่าปัจจุบัน Grab ครองตลาดเวียดนาม 55% โดยมี GSM ตามมาอยู่ที่ 35%
รุกอาเซียนเต็มสูบ แต่เจ้าตลาดยังแกร่ง
ทั้งนี้ GSM วางแผนที่จะลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์ใน "ฟิลิปปินส์" ในอีกสามปีข้างหน้า หลังจากจัดส่งรถยนต์ 2,500 คันไปยังเขตมหานครมะนิลา ตามแถลงการณ์ของรัฐบาลเมื่อเดือนมิ.ย. ส่วนใน "อินโดนีเซีย" คาดว่าจะมีรถแท็กซี่ไฟฟ้า Green SM ราว 1 หมื่นคัน บนท้องถนนทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2568 นี้ โดยจะแข่งขันโดยตรงกับรายใหญ่ในอินโดนีเซียทั้ง Grab, GoTo Group และ PT Blue Bird Tbk
ทีมนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ วิเคราะห์ว่า GSM จะได้ส่วนแบ่งตลาดในอินโดนีเซียประมาณ 6% ในปี 2569 หากจำนวนรถยนต์ที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 16,000 คัน และส่วนแบ่งตลาดจะเพิ่มเป็น 12% ภายในปี 2570 หากจำนวนรถยนต์เพิ่มเป็น 35,000 คัน ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนรถที่ให้บริการในเวียดนามปัจจุบัน ส่วน Grab และ GoTo อาจเห็นยอดขายจากบริการแบบออนดีมานด์ลดลง 1% และ 3% ตามลำดับในปี 2570 จากการแข่งขันของเวียดนาม
อย่างไรก็ดี ไนดูจากบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ วิเคราะห์ว่า ขนาดของฝูงรถ GSM นั้นน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับปริมาณรถของ Grab และ Gojek ซึ่งมีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วอาเซียน เและไม่คิดว่าการเข้ามาเล่นของเวียดนามในตลาดอินโดนีเซียจะเป็นภัยคุกคามสำคัญสำหรับเจ้าตลาดทั้งสองบริษัท
ทั้งนี้ GoTo ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Gojek ซึ่งกำลังพยายามลดต้นทุน ได้ถอนตัวออกจากประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึง "ไทยและเวียดนาม" ซึ่งตอกย้ำถึงความท้าทายในการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์