เทรนด์ใหม่ตลาดงาน 'ปักหลักครั้งใหญ่' ไม่เลย์ออฟ ไม่จ้างเพิ่ม
คนงานหลายล้านคนเคยออกจากงานในช่วง "การลาออกครั้งใหญ่" (Great Resignation) ตอนโควิด-19 ระบาด แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่มั่นคง ประกอบกับความไม่แน่นอนจึงพลิกตลาดแรงงานหันมาสู่ “การปักหลักครั้งใหญ่”
นักเศรษฐศาสตร์ใช้คำนี้หมายถึงพนักงานลาออกน้อยลง บริษัทว่าจ้างหรือไล่พนักงานออกน้อยลง
เนลา ริชาร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ ADP เผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี
“เมื่อสองปีก่อนเราเพิ่งมี ‘การลาออกครั้งใหญ่’ แต่ตอนนี้พนักงานกลับไม่ไปไหน พวกเขาเจองานในฝัน น่าจะเป็นการทำงานที่บ้านบางส่วน เผลอๆ อาจได้เงินเดือนเพิ่มเยอะ และสิ่งที่เราเห็นจากข้อมูลตอนนี้คือการลาออกต่ำมาก ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติมากๆ ในสหรัฐ” ริชาร์ดสันกล่าวพร้อมเสริม
“ดิฉันเรียกว่า การปักหลักครั้งใหญ่ (Great Stay) ผู้คนทำงานเดิม ไม่ลาออก ทำอยู่นั่นแหละแม้แต่งานอย่างไอทีหรือพัฒนาซอฟท์แวร์ที่ปกติลาออกกันเยอะมาก”
ในทำนองเดียวกัน ริชาร์ดสันกล่าวว่าบริษัทต่างๆ กำลังระงับการตัดสินใจเรื่องการจ้างงานไว้ “เพราะพวกเขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับเส้นทางข้างหน้า ไม่ใช่เพราะกำลังพยายามลดจำนวนพนักงาน”
เธอเรียกเทรนด์นี้ว่า “ตลาดแรงงานแบบไม่จ้าง ไม่ไล่ออก” หมายถึงช่วงเวลาที่มีสัญญาณชัดว่า บริษัทไม่ได้จ้างงานมาก แต่ก็ไม่ได้ปลดออกมากเช่นกัน การขอรับผลประโยชน์ว่างงานซึ่งสะท้อนถึงการถูกเลย์ออฟ ต่ำสุดเกือบเป็นประวัติการณ์
“เราคิดว่า บรรยากาศตอนนี้ไม่มีการไล่ออก ไม่เลย์ออฟ เพราะบริษัทลังเลจะเอาคนออกเนื่องจากใช้เวลานานกว่าจะได้คนกลับคืนมา” ริชารด์สันอธิบายต่อ
การพลิกกระแส Great Resignation เป็นเรื่องน่าตกใจ การระบาดของโควิด-19 ทำให้การจ้างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐต้องสิ้นสุดลง ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐชี้ว่า ในปี 2022 ประชาชนราว 50.5 ล้านคนลาออกจากงาน เพิ่มขึ้นจาก 47.8 ล้านคนในปี 2021
แต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดงานของสหรัฐกำลังชะลอตัวลงข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ระบุว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมในเดือน ก.ค.เติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 73,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.2%
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า รายงานการจ้างงานน้อยลงอาจเพิ่มแรงจูงใจให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบหน้าเดือน ก.ย.
- สหราชอาณาจักรเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
เทรนด์แบบเดียวกันนี้มีให้เห็นในสหราชอาณาจักร ที่จำนวนตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์1,172,000 อัตราช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค.2021 ต่อมาภายในไตรมาสสองของปี 2022 ตัวเลขรวมสูงถึง1,295,000 อัตรา
ตัดภาพมาที่ปี 2025 ข้อมูลการจ้างงานล่าสุดของสหราชอาณาจักรเผยแพร่โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อกลางเดือน ส.ค. พบว่า ตลาดแรงงานลดลงอย่างต่อเนื่อง ระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ค. ตำแหน่งงานว่างลดลง 5.8% มาอยู่ 718,000 อัตราใน 16 ภาคส่วนจาก 18 ภาคส่วน
“ข้อมูลจากผลการสำรวจตำแหน่งงานว่างชี้ว่า บางบริษัทอาจไม่รับสมัครพนักงานใหม่หรือรับคนแทนพนักงานลาออก”
ด้านอัตราความไม่เคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร ซึ่งสะท้อนถึงจำนวนประชาชนอายุระหว่าง 16-64 ปี ที่ไม่ทำงานและไม่คิดจะหางานทำ ประเมินว่าอยู่ที่ 21% ระหว่างเดือน เม.ย.-มิ.ย.ที่ผ่านมา
“การจ้างงานของภาคธุรกิจลดลงต่อเนื่องตลอดสามปีที่ผ่านมา การลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากต้นทุนแรงงานสูงขึ้นเพราะการขึ้นภาษีและขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโดยรวม ในเวลาเดียวกันความไม่เคลื่อนไหวลดลงและการว่างงานเพิ่มขึ้นกำลังเพิ่มอุปทานแรงงาน”
นีล คาร์เบอร์รี ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารสมาพันธ์สรรหาและจ้างงาน กล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า อังกฤษก็กำลังเกิดเทรนด์ “ปักหลักครั้งใหญ่” เช่นกัน เมื่อบริษัทต่างๆ ลังเลจะจ่ายเงินจ้างคนจนกว่าจะเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรให้ดีเสียก่อน ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิกำลังเติบโตซบเซา
“ความจริงคือ ภาคธุรกิจเป็นผู้สร้างงาน และเครื่องยนต์ของการจ้างงานคือการเติบโต ถ้าธุรกิจยังไปไม่ถึงจุดที่อยากจ้างคนก็ยังไม่มีการว่าจ้าง” คาร์เบอร์รีอธิบายพร้อมเสริม
“ตลาดงานตอนนี้ค่อนข้างแปลก บริษัทต่างๆ ไม่ค่อยจ้างพนักงานประจำมากนักในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา และสถานการณ์ก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 หลายธุรกิจแค่รอ พวกเขารู้ว่าอยากทำอะไร แต่ต้องการความมั่นใจมากกว่านี้ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไป” คาร์เบอร์รีย้ำ