‘เพื่อไทย’กันท่า‘กล้าธรรม’ โควตารองปธ.สภาฯ ห้ามแตะ

พรรคร่วมรัฐบาล ดูจะมีเหตุให้งัดข้อกันอีกครั้ง กับเกมช่วงชิงตำแหน่งรองประธานผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคกล้าธรรม

เก้าอี้รองประธานสภาฯ ที่ว่างลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ยื่นลาออกจากตำแหน่งรองฯ 2 หลังพรรคต้นสังกัด ตัดสินใจถอนตัวร่วมรัฐบาล

ตอนนั้นพลพรรคเพื่อไทย ต่างประกาศจับจองเก้าอี้ดังกล่าว ทั้งที่กล้าธรรม ก็หมายตา อยากส่งคนของตัวเองไปนั่งแทน แต่จนแล้วจนรอด หวยก็ไปออกที่ ฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด เพื่อไทย

ครั้งนั้น กล้าธรรมเองดูเหมือนยอมหลบทางให้เพื่อไทย โดยไม่มีแรงกระเพื่อมใดๆ ไม่ว่าจะด้วยความต้องการรักษาบรรยากาศในพรรคร่วมฯ หรืออดเปรี้ยวไว้กินหวานก็ตาม

อุบัติเหตุทางการเมืองล่าสุด ที่เกิดขึ้นกับ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีต สส.เชียงราย เพื่อไทย ซึ่งโทษใครไม่ได้ เพราะกรณีแปรญัตติงบประมาณลงพื้นที่ฐานเสียงตัวเอง ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พฤติกรรมขัดรัฐธรรมนูญ ม.144 ต้องหลุดจาก สส. และรองประธานสภาฯ ไปตามระเบียบ

หนังม้วนเก่าเหมือนฉายซ้ำอีกรอบ เมื่อพลพรรคเพื่อไทย ดาหน้าจองเก้าอี้รองฯ 1 เช่นเคย

ทางกล้าธรรม ได้วางตัว สะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี คั่วตำแหน่งนี้เช่นเดียวกัน เพราะคิดว่าโอกาสจะมาถึงโดยไม่ยากเย็น แต่ความจริง กลับไม่ใช่

เห็นอาการ ครูแหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ฮึ่มๆ ด้วยท่าทีไม่พอใจ แจกแจงเหตุผลว่าทำไม ไผ่ ลิกค์ เลขาฯ พรรค ถึงต้องออกมาขอโอกาสให้พรรคได้โชว์ผลงาน แทนที่พิเชษฐ์

นั่นเพราะไม่มีการพูดคุยกันในสภาฯ กล้าธรรมเห็นว่าไม่ถูกต้อง เรื่องกิจการสภาฯ ควรหารือกันในสภา พรรคร่วมฯ ต้องมาตกลงว่า จะเป็นอย่างไร แต่เมื่อไม่มีการพูดคุย โดยเลือกที่จะไม่คุย ก็จะเกิดปัญหาในการทำงานร่วมกันในสภาฯ แน่นอน

คำขู่ของครูแหม่ม ย่อมส่งผลให้บรรยากาศในพรรคร่วมฯ ตึงเครียดทันที เนื่องจากปัญหาเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ เพื่อไทยยังต้องยืมจมูกพรรคร่วมฯ หายใจ หากขาดใครไปสักพวง มีหวังพังครืนไม่เป็นท่า

โรดแมปของกล้าธรรม ที่กำลังปั่นพรรคให้ใหญ่ และเนื้อหอม เพื่อดึงนักเลือกตั้งที่มีชื่อชั้นเข้ามาร่วมงาน ลุยศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้นการได้โควตารองประธานสภาฯ คนที่ 1 ย่อมมีส่วนช่วยส่งเสริมบทบาท และภาพลักษณ์ได้ไม่มากก็น้อย

ทางเพื่อไทยเอง ที่มีคนต่อคิวเป็นรัฐมนตรี หรือกรรมาธิการ ประธานกรรมาธิการ ในสภาฯ ยาวเป็นหางว่าว ไม่เว้นแม้แต่รองประธานสภาฯ ก็เป็นที่ใฝ่ฝันของ สส.หลายคน ที่การออกอาการ“กันท่า”แบบสุดๆ เพราะคาดการณ์ว่า อายุรัฐบาลน่าจะเหลืออีกไม่มาก ดังนั้นหากคว้าอะไรได้ ก็ต้องรีบคว้าไว้ก่อน ไม่แคร์พรรคร่วมฯ จะเป็นอย่างไร

ทั้งที่มีข้อสังเกตมาตลอดว่า เก้าอี้ประธานสภาฯ ของ“วันนอร์” ตัวแทนจากพรรคประชาชาติ เอาเข้าจริง ก็ถูกมองว่าเป็นโควตาเพื่อไทยตั้งแต่ต้น แต่ต้องจัดสรรให้พรรคร่วมฯ ด้วยเหตุผลบางประการ ซึ่งก็ขึ้นกับข้อตกลงระหว่างกัน

ที่ผ่านมา ผู้มีอำนาจตัวจริงของเพื่อไทย อยากได้เก้าอี้กลับคืนแทบตาย ทั้งพยายามเดินเกมเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ แน่นอนว่า วันนอร์ ไม่ยอมลุก เพื่อไทยเองก็ยังหาเหตผล ความชอบธรรมใดๆ ที่จะริบกลับไม่ได้

ต่างจากกรณี 2 ตำแหน่งรองประธานฯ ภราดร และพิเชษฐ์ ที่มีเหตุให้ต้องพ้นไป จึงเป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาล ต้องตกลงกันว่า ใครเหมาะสมอย่างไร แต่เพื่อไทยตีมึน อ้างโควตาพรรคฉันลูกเดียว ล่าสุด โยนชื่อ ไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู ตีตราจองไว้เรียบร้อย พูดง่ายๆ อยากจะรวบให้ได้ ทั้ง 3 เก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

การขยับของเพื่อไทย ได้สร้างความไม่พอใจให้กล้าธรรมอย่างชัดเจน ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 พรรคตามที่บางฝ่ายมองว่าเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกันมา จะมาพังเพราะเกมแย่งเก้าอี้รองประธานสภาฯ ก็เป็นได้ หากไม่ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม