ภาษีสหรัฐฯ จ่อกระทบยักษ์ใหญ่แบรนด์แฟชั่น “Uniqlo – Adidas” เล็งขึ้นราคา หลังทรัมป์เปิดเกมขึ้นภาษีแหล่งผลิต
ภาษีสหรัฐฯ จ่อกระทบยักษ์ใหญ่แบรนด์แฟชั่น Uniqlo Adidas เล็งขึ้นราคา หลังทรัมป์เปิดเกมขึ้นภาษีแหล่งผลิต
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -1 ส.ค. 68 16:31 น.
แบรนด์ผู้ผลิตเสื้อผ้าชั้นนำ อาทิ Adidas และ Fast Retailing บริษัทแม่ของแบรนด์ Uniqlo กำลังพิจารณาปรับขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเวียดนาม กัมพูชา และบังกลาเทศ ซึ่งเป็นฐานการผลิตสำคัญของแบรนด์
Bjorn Gulden ซีอีโอ Adidas เผยว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ แล้ว ในหลักสิบล้านยูโรในช่วงไตรมาส 2 โดยเวียดนามซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าของ Adidas รายใหญ่ที่สุดที่นำเข้าไปจำหน่ายยังสหรัฐฯ ถูกกำหนดภาษีที่ 20% ภาษีดังกล่าวอาจทำให้ต้นทุนสินค้าของบริษัทที่ส่งไปขายในสหรัฐฯ สูงถึง 200 ล้านยูโรในช่วงที่เหลือของปีนี้
รายงานที่เผยแพร่โดยคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เมื่อเดือนก.ย. 2024 ระบุว่า การนำเข้าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของสหรัฐฯ ในปี 2023 มีมูลค่ารวม 79,300 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ใน 5 ของโลก
ทั้งนี้ สัดส่วนสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากเวียดนามนั้น อยู่ที่ 18% ของมูลค่าดังกล่าว บังกลาเทศ อยู่ที่ 9%, อินเดีย 6% และอินโดนีเซีย 5% โดยรวมแล้วภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีสัดส่วนส่งออกไปสหรัฐฯ มากกว่าจีน ซึ่งอยู่ที่ 21%
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศภาษี 35% สำหรับสินค้าส่งออกของบังกลาเทศ และ 36% สำหรับสินค้าจากกัมพูชา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา ในขณะที่เวียดนามได้บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อลดอัตราภาษีลงเหลือ 20% ส่วนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ อยู่ที่ 19% ซึ่งข้อมูลจาก Mizuho Research & Technologies ณ เดือนมี.ค. พบว่า อัตราภาษีเฉลี่ยของสหรัฐฯ อยู่ที่ 8.6%
Takeshi Okazaki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Fast Retailing บริษัทแม่ของ Uniqlo กล่าวเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ว่า บริษัทจะปรับราคาอย่างยืดหยุ่น โดยคำนึงถึงภาษีและต้นทุนอื่น ๆ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างราคาและคุณค่า
ณ สิ้นเดือนพ.ค. Fast Retailing มีร้านค้า 74 แห่งในสหรัฐฯ และมีโรงงานตัดเย็บ 380 แห่งที่บริษัทใช้บริการ โดยในจำนวนนนี้ 60 แห่งอยู่ในเวียดนาม, 27 แห่งในบังกลาเทศ และ 19 แห่งในกัมพูชา
ก่อนหน้านี้ Fast Retailing ได้เตรียมเร่งกักตุนสินค้าในสต็อกในสหรัฐฯ เพื่อรับมือภาษีทรัมป์ แต่จะต้องเผชิญกับภาษีที่สูงขึ้นสำหรับสินค้าฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว โดยแหล่งข่าวจากบริษัทกล่าวว่า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขึ้นราคาสินค้าบางรายการ
ทางด้าน Nike มีสัดส่วนการผลิตรองเท้า 50% ในเวียดนาม และ 27% ในอินโดนีเซีย ซึ่งในเดือนมิ.ย. บริษัทกล่าวว่าต้นทุนภาษีของบริษัทอาจเพิ่มขึ้นถึง 1,000 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ Gap เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ออกมาพูดในเดือนพ.ค. ว่า หากมีการเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้าจากจีนและ 10% สำหรับประเทศอื่น ต้นทุนอาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 250 ล้าน - 300 ล้านดอลลาร์ และการที่อัตราภาษีในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สูงเกิน 10% ต้นทุนที่สูงขึ้นกว่าเดิมจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ Puma ยังคาดเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า อาจขาดทุนจากการดำเนินงานในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทเคยคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 445 ล้าน - 525 ล้านยูโร และคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ ราว 80 ล้านยูโร โดยบริษัทมีแหล่งผลิตสินค้าหลักอยู่ที่จีน, เวียดนาม, กัมพูชา, บังกลาเทศ, อินโดนีเซีย และอินเดีย
ที่มา Nikkei Asia
รายงาน โดย Supak Hopuengju เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ