เศรษฐกิจสุขภาพ 'เวลเนส' กำลังใหม่ 'ทางรอด' ของชาติ
เศรษฐกิจสุขภาพ ‘เวลเนส’ กำลังใหม่ ‘ทางรอด’ ของชาติ
ปัจจุบันคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ซึ่งในงาน “SPLASH – Soft Power Forum 2025” มหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน นำเสนอศักยภาพ 14 อุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของไทย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น Soft Power Hub แห่งเอเชียอย่างเต็มกำลัง จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุณ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ขึ้นกล่าวเรื่อง Wellness Economy 5.0 เศรษฐกิจสุขภาพ…กำลังใหม่ของชาติในศตวรรษที่ 21 กล่าวว่า
งาน SPLAH ซึ่งเป็นงานขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศไทย ในหัวข้อเศรษฐกิจสุขภาพ กำลังใหม่ของชาติ ศตวรรษที่ 21 โดยโรงพยาบาลคือที่รักษาคนป่วยให้หาย ส่วน Wellness รักษาคนดีให้ไม่ป่วย โดยคนอายุเท่าไหร่ก็เริ่มรักสุขภาพได้ ยิ่งเริ่มก่อนยิ่งดี ยิ่งเริ่มช้าก็ให้กำลังใจ สำหรับ Wellness Economy 5.0 คืออะไร ซึ่ง 1.0 2.0 3.0 4.0 เรารู้จักกันแล้ว
ตอนนี้ เราไปอนาคตเลย คือ 5.0 คือ อนาคตของประเทศไทย และจะเป็นอนาคตของสุขภาพคนไทยทุกคน แล้ว Aging คือ ความชรา ความเหี่ยวย่น ความไม่มีประสิทธิภาพ ในอดีตบ้านเรามองความชราว่า เป็นสัจธรรม สังขารไม่เที่ยง ปัจจุบันการแพทย์ เราจะเรียกว่า สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง ความแก่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนเท่าเทียมกันไม่ได้แล้ว เพระปัจจุบันเรารู้แล้วว่าอะไรคือต้นเหตุของความแก่ชรา เมื่อก่อนเราไม่รู้ แต่ตอนนี้ เรารู้แล้วว่า ความแก่ชรามีต้นเหตุเยอะ ก็เปลี่ยนจากสังขารไม่เที่ยง เป็นสิ่งที่ต้องเจอทุกคน เป็น โรคแก่ เราเติมคำว่าโรคเข้าไปในทุกอย่างที่เรารู้ต้นเหตุ แสดงว่า โรคแก่บางคนชะลอได้ บางคนรักษาได้ ไปจนถึงจุดสำคัญที่คนอยากมากเลย คือ การอยากไม่แก่ ถามว่าเป็นได้ไหม เป็นได้แน่ ซึ่งสาเหตุของความแก่เกิดจากหลายอย่าง ทั้งความเครียด แบคทีเรียในลำไส้ไม่ดี การอักเสบ สแตมเซลล์แข็งแรงน้อยลง โดยตัวเร่งความชราที่มีทั้งหมด 4 อย่าง คือ 1.พันธุกรรม 2.สิ่งแวดล้อม 3.วิถีชีวิต
นายแพทย์ตนุพล กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ คนอายุเกิน 60 มีจำนวนร้อยละ 20 ซึ่งเมื่อสังคมผู้สูงอายุมาถึงยิ่งต้องมีการรณรงค์ให้เป็นสังคมผู้สูงอายุที่ไม่ป่วย ซึ่งจะทำให้มีผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์เยอะๆ ในการช่วยพัฒนาประเทศ เรื่องสังคมผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในชีวิตการเป็นแพทย์ของมีคนหลับไปแล้วยิ้มน้อยมาก
“อายุขัย (Lift span) ทั่วโลกตอนนี้ อายุขัยเฉลี่ย 71 ปี ขณะที่ อายุขัยสุขภาพ (Health span) คืออายุที่ยืนยาวแบบไม่ป่วยสุขภาพดีปลอดจากโรคเรื้อรังและไม่มีความพิการ ทั่วโลกอยู่ที่ 61 ปี แปลว่า คนทั่วโลกจะอยู่อย่างทรมานก่อนเสียชีวิต 10 ปี ขณะที่คนไทย อายุขัยเฉลี่ย 75 ปี เฮลท์ สเปน 65 ปี ก็เท่ากับว่า เราต้องทรมานกันคนละ 10 ปีก่อนเสียชีวิต ดังนั้น ทุกคนต้องเก็บเงิน เพราะ 10 ปีกว่าจะเสียชีวิต”
“ผมจึงอยากชักชวนทุกคนให้มีอุดมการณ์เดียวกันคือ เราจะทำอย่างไร ให้ประเทศไทย มีเลข 2 เลขนี้ คือ Lift span และ Health span เป็นเลขเดียวกัน ถ้าเมื่อไหร่ทั้งสองเลขนี้เท่ากัน คือ การหลับตาย ฉะนั้น เราต้องตั้งเป้าว่า ถ้าเราสุขภาพดีตั้งแต่วันนี้ เราน่าจะมีสิทธิ์เป็นแคนดิเดตที่จะหลับตาย นอนไปแล้วก็ยิ้ม ไม่ต้องตื่นแล้ว ซึ่งในชีวิตการแพทย์ของผม มีคนหลับตายและก็ยิ้มมีน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นโรคตาย”
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ Wellness มาแรง คือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งหมอแอม เผยว่าคือ “โรครู้อย่างงี้” รู้อย่างงี้ไม่น่ากิน รู้อย่างงี้ไม่น่าขี้เกียจเลย รู้อย่างงี้ไม่น่าเครียดเลย ซึ่งโรคนี้ทำให้เราป่วยเยอะ ทั้งโรคเบาหวาน, ไขมัน. เส้นเลือดตีบ เส้นเลือดแตก โรคอ้วน โรคเครียด ซึ่งโรคกลุ่มนี้น่ากลัวมาก ประเทศไทยตายด้วยโรค NCDs สูงถึง 77 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 1 คือ อัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจ ความดัน เบาหวาน ไขมัน ทุกๆ 1 ชั่วโมงมีคนตายด้วยโรคนี้ 44 คน
“โรคนี้น่ากลัว และตัวเลขสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่โรคกลุ่มนี้ ถ้าเราใช้ชีวิตดี เราไม่ป่วย ถ้าเราใช้ชีวิตไม่ดี เราป่วย ซึ่งคนเราเวลาป่วยด้วยโรคนี้ มันใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี ในกลุ่มโรค NCDs โรคอ้วนน่ากลัวที่สุด ซึ่งความอ้วนในปัจจุบัน เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง 13 โรค ดังนั้น ต้องพยายามรักษาหุ่นให้ดีไว้ ถ้าหุ่นดี โอกาสเป็นมะเร็งน้อย ถ้าอ้วนโอกาสเป็นมะเร็งเยอะ”
นายแพทย์ตนุพล เผยอีกว่า คนอ้วนกันไม่อ้วนตายช้าเร็วกว่ากัน 9 ปี, คนสูบบุหรี่กับไม่สูบบุหรี่ ตายช้าเร็วกว่ากัน 7 ปี, คนออกกำลังกายกับคนไม่ออกกำลังกายตายช้าเร็วกว่ากัน 9 ปี และคนเครียดกับไม่เครียดตายช้าเร็วกว่ากัน 10 ปี
“เวลาหมอพูดเรื่อง Wellness บางคนบอกว่าเป็นเรื่องของคนรวย เป็นเรื่องต้องใช้เงินเยอะ ไม่จริง ถ้าเราไม่อ้วน ไม่สูบบุหรี่ เราก็เหลือเงิน ถ้าเราออกกำลัง เราก็เหลือเงิน เพราะเราเดินเอา วิ่งเอา และก็รักโลกด้วย เพราะลดการใช้ไฟ เจอบันไดเลื่อน เจอลิฟท์ไม่ใช้ เจอบันไดใช้ซะ”
“คิดภาพมนุษย์ทุกคน หมอมีความเชื่อว่า ถูกสร้างมาให้อยู่คนละ 100 ปี แต่หลายคนใช้ชีวิตไม่ดี ก็อยู่ได้แค่ 65 ปี กลับกันเราเห็นบางคนอยู่ได้เป็น 100 ปี เพราะเขาใช้ชีวิตดี”
ทั้งนี้ ยังแนะนำ 6 เคล็ดลับสุขภาพดี ประกอบด้วย อย่าอ้วน, อย่าอดนอน, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, หลีกเลี่ยงสารอันตราย บุหรี่ เหล้า พีเอ็ม 2.5 , อย่าเครียด และส่งต่อความรักให้ทุกคน
นายแพทย์ตนุพล จึงย้ำว่า ทั้งหมดที่กล่าวมา จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม Wellness ถึงมีความสำคัญกับโลกใบนี้มาก ฉะนั้น จึงขอให้ศึกษาเรื่อง Wellness ไว้ เพราะจะเป็นทางรอด ไม่ใช่ทางเลือกของประเทศไทย ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ ซึ่งเศรษฐกิจ Wellness โลกปัจจุบันใหญ่มาก ปี 2566 มีมูลค่า 63 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2571 จะไปแตะ 89 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีทั้งหมด 11 อุตสาหกรรม อาทิ ความสวยความงาม, อาหารสุขภาพ อาหารลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก อาหารวิตามิน, ธุรกิจออกกำลังกาย ซึ่งสิ่งที่บ้านเราอยากได้มากตอนนี้คือ Wellness Tourism หรือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นการเที่ยวเพื่อซื้อชีวิตกลับไป ซึ่งที่เมืองไทยเราเติบโตสูงมาก
“โดย 3 ธุรกิจจะเติบโตสูงมาก อันดับ 1 Wellness Real Estate (อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ) จะเติบโต 15.8 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 2 Mental Wellness (สุขภาพจิต) จะเติบโต 12.2 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 3 Wellness Tourism (การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ) จะเติบโต 10.2 เปอร์เซ็นต์”
ทั้งนี้ หมอแอมป์ ฝากไปถึงรัฐบาลว่า ใครทำธุรกิจเกี่ยวกับออกกำลังกายอยากให้มีนโยบายไม่ต้องจ่ายภาษี ได้ลดหย่อนภาษี หรือได้โล่เกียรติยศ เพราะใครทำอะไรให้คนตายช้าลงต้องชื่นชม
อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เศรษฐกิจสุขภาพ ‘เวลเนส’ กำลังใหม่ ‘ทางรอด’ ของชาติ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th